ธารน้ำแข็ง Birch ในสวิตเซอร์แลนด์ ถล่ม ภัยพิบัติจากภาวะโลกร้อน

เมื่อธารน้ำแข็ง Birch ในสวิตเซอร์แลนด์ถล่ม ฝังหมู่บ้าน Blatten ที่มีประชากร 300 คน ภัยพิบัติครั้งนี้สะท้อนผลกระทบรุนแรงของภาวะโลกร้อน ที่ทำให้ธารน้ำแข็งในเทือกเขาแอลป์ละลาย และเพอร์มาฟรอสต์เสื่อมสภาพ 

เมื่อวันที่ 28 พฤษภาคม 2568 เกิดเหตุการณ์ภัยพิบัติครั้งใหญ่ในหมู่บ้าน Blatten ซึ่งตั้งอยู่ในหุบเขา Lötschental ทางตอนใต้ของประเทศสวิตเซอร์แลนด์ เมื่อธารน้ำแข็ง Birch ที่ตั้งอยู่เหนือหมู่บ้านถล่มลงมา ส่งผลให้เกิดดินถล่มผสมผสานกับน้ำแข็ง โคลน และหิน ฝังกลบหมู่บ้านที่มีประชากรประมาณ 300 คนเกือบทั้งหมด เหตุการณ์นี้สร้างความเสียหายอย่างหนัก โดยบ้านเรือนและโครงสร้างพื้นฐานจำนวนมากถูกทำลาย และมีรายงานผู้สูญหาย 1 ราย

โชคดีที่ทางการสวิตเซอร์แลนด์ ได้สั่งอพยพประชาชนทั้ง 300 คน รวมถึงปศุสัตว์ เช่น วัว 52 ตัว แพะ และกระต่าย ออกจากหมู่บ้านตั้งแต่วันที่ 19 พฤษภาคม 2568 หลังจากนักธรณีวิทยาตรวจพบสัญญาณของความไม่เสถียรในธารน้ำแข็ง Birch การตัดสินใจนี้เกิดขึ้นหลังจากมีการตรวจพบรอยแตกในน้ำแข็ง และการเคลื่อนตัวของธารน้ำแข็งที่เร็วขึ้นถึง 10 เมตรต่อวันในช่วงก่อนเกิดเหตุ การอพยพทันเวลานี้ช่วยป้องกันการสูญเสียชีวิตจำนวนมาก แม้ว่าจะมีผู้สูญหาย 1 ราย ซึ่งเป็นชายวัย 64 ปี และกำลังอยู่ในระหว่างการค้นหาและกู้ภัย

ภาพหมู่บ้าน Blatten ก่อนธารน้ำแข็งถล่ม

สาเหตุ: ภาวะโลกร้อนและการละลายของธารน้ำแข็ง

ภัยพิบัติครั้งนี้มีสาเหตุหลักมาจากภาวะโลกร้อน ซึ่งทำให้ธารน้ำแข็งในเทือกเขาแอลป์ละลายเร็วขึ้น และเพอร์มาฟรอสต์ (permafrost) ซึ่งเปรียบเสมือนกาวที่ยึดโครงสร้างของภูเขาลดความแข็งแรงลง นักวิทยาศาสตร์ระบุว่าการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ เช่น อุณหภูมิที่สูงขึ้น ปริมาณหิมะที่ลดลง และฝนที่ตกมากขึ้นแทนหิมะ ส่งผลให้ความมั่นคงของธารน้ำแข็งและภูมิประเทศในพื้นที่สูงลดลง

สวิตเซอร์แลนด์ ซึ่งเป็นประเทศที่มีธารน้ำแข็งมากที่สุดในยุโรป เผชิญกับการสูญเสียปริมาตรธารน้ำแข็งอย่างรวดเร็ว โดยในปี 2565 และ 2566 ธารน้ำแข็งในสวิตเซอร์แลนด์สูญเสียปริมาตรไปถึง 10% ซึ่งเทียบเท่ากับการสูญเสียระหว่างปี 2503-2533 รวมกัน รายงานล่าสุดยังระบุว่า ปริมาณหิมะที่ปกคลุมธารน้ำแข็งเมื่อสิ้นสุดฤดูหนาวในปี 2568 ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยระหว่างปี 2553-2563 ถึง 13%

เหตุการณ์ที่ Blatten ไม่ใช่กรณีแรก ในปี 2566 หมู่บ้าน Brienz ในสวิตเซอร์แลนด์ตะวันออกถูกอพยพก่อนเกิดดินถล่มครั้งใหญ่ และในปี 2560 มีผู้เสียชีวิต 8 รายจากดินถล่มครั้งใหญ่ใกล้หมู่บ้าน Bondo นักวิทยาศาสตร์เตือนว่าหากอุณหภูมิโลกสูงขึ้นเกิน 1.5 องศาเซลเซียสจากระดับก่อนยุคอุตสาหกรรม ตามข้อตกลงปารีสเมื่อ 10 ปีก่อน ธารน้ำแข็งในสวิตเซอร์แลนด์อาจละลายหายไปทั้งหมดภายในศตวรรษนี้

ภาพหมู่บ้าน Blatten หลังธารน้ำแข็งถล่ม

นักวิทยาศาสตร์ในสวิตเซอร์แลนด์ แสดงความกังวลเกี่ยวกับการละลายของธารน้ำแข็งในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ซึ่งเกิดจากภาวะโลกร้อน โดยข้อมูลระบุว่า ในปี 2566 สวิตเซอร์แลนด์สูญเสียปริมาตรธารน้ำแข็งไปถึง 4% ของทั้งหมด ซึ่งนับเป็นการลดลงมากที่สุดอันดับสองในประวัติศาสตร์ รองจากปี 2565 ที่ลดลงถึง 6%

การถล่มของธารน้ำแข็ง Birch ส่งผลให้เกิดดินถล่มที่มีพลังเทียบเท่าแผ่นดินไหวขนาด 3.1 ริกเตอร์ และครอบคลุมพื้นที่หมู่บ้าน Blatten ถึง 90% นอกจากนี้ ยังทำให้แม่น้ำ Lonza ใกล้หมู่บ้านถูกกีดขวางด้วยเศษซาก ซึ่งอาจนำไปสู่ปัญหาน้ำท่วมในอนาคตหากเกิดการอุดตันของน้ำแข็ง (ice jams) ทางการได้ระดมกองทัพเข้ามาช่วยเหลือและกำลังติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด โดย Raphaël Mayoraz หัวหน้าสำนักงานภัยพิบัติทางธรรมชาติของภูมิภาค ระบุว่าอาจจำเป็นต้องอพยพชุมชนใกล้เคียงเพิ่มเติมหากสถานการณ์เลวร้ายลง

เหตุการณ์ครั้งนี้เป็นเครื่องเตือนใจถึงผลกระทบร้ายแรงของภาวะโลกร้อนต่อชุมชนในพื้นที่สูงของเทือกเขาแอลป์ Matthias Bellwald นายกเทศมนตรีของ Blatten กล่าวว่า “สิ่งที่ไม่อาจจินตนาการได้เกิดขึ้นแล้ว” แต่ยืนยันว่าหมู่บ้านจะผ่านพ้นวิกฤตนี้ไปได้ อย่างไรก็ตาม ด้วยความเสียหายที่เกิดขึ้นและความเสี่ยงจากธารน้ำแข็งที่ยังคงไม่เสถียร อนาคตของหมู่บ้าน Blatten และชุมชนอื่นๆ ในเทือกเขาแอลป์ยังคงเต็มไปด้วยความท้าทาย

อ้างอิง :

(1) https://www.facebook.com/WorldForumTh?locale=th_TH

Related posts

เปิดตัว ‘เครื่องสแกนทุเรียน’ ผสาน CT-Scan และ AI คัดทุเรียนใน 3 วินาที

นักวิทย์พบ ‘ทองคำ’ ในหินภูเขาไฟ มาจากแกนโลก

เปิดตัว ‘Thailand Taxonomy 2.0’ เครื่องมือเปลี่ยนผ่านสู่คาร์บอนต่ำ