คลื่นความร้อนจากภาวะโลกร้อน กำลังคุกคามการผลิตนมทั่วโลก งานวิจัยเผยผลผลิตน้ำนมอาจลดลงถึง 4% ภายในปี 2593 จากความเครียดในวัวที่รุนแรงขึ้น ส่งผลกระทบต่อแหล่งอาหารและเกษตรกร โดยเฉพาะในเอเชียใต้
นม ซึ่งเป็นอาหารหลักในครัวเรือนทั่วโลก กำลังเผชิญอนาคตที่ไม่แน่นอนจากผลกระทบของการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ คลื่นความร้อนที่รุนแรงและยาวนานขึ้นกำลังส่งผลกระทบต่อฟาร์มโคนมทั่วโลก โดยงานวิจัยล่าสุดชี้ว่า การผลิตน้ำนมอาจลดลงอย่างมีนัยสำคัญภายในกลางศตวรรษนี้ สร้างความท้าทายต่อแหล่งอาหารและวิถีชีวิตของเกษตรกร
โลกร้อน: ผลผลิตน้ำนมลดลงอย่างน่ากังวล
การศึกษาจากอิสราเอล โดยมหาวิทยาลัยเยรูซาเล็ม เทลอาวีฟ และชิคาโก วิเคราะห์ข้อมูลจากวัวกว่า 130,000 ตัวในช่วง 12 ปี พบว่า ความร้อนชื้นสูงเกินไป (วัดจากอุณหภูมิกระเปาะเปียกเกิน 26°C หรือ 78.8°F) ทำให้ผลผลิตน้ำนมลดลงถึง 10% ต่อวัน โดยผลกระทบอาจยืดเยื้อนานกว่า 10 วันหลังเผชิญความร้อน แม้เพียง 1 ชั่วโมงที่อุณหภูมิกระเปาะเปียกเกิน 26°C ก็สามารถลดผลผลิตน้ำนมลง 0.5% ได้
การจำลองสถานการณ์ตามการคาดการณ์อุณหภูมิในปี 2050 เผยว่า ภายในปี 2593 ผลผลิตน้ำนมเฉลี่ยต่อวันทั่วโลกอาจลดลง 4% จากภาวะเครียดจากความร้อนที่รุนแรงขึ้น โดยเฉพาะในภูมิภาคเอเชียใต้ เช่น อินเดียและปากีสถาน ซึ่งคาดว่าจะเป็นแหล่งเติบโตของผลผลิตน้ำนมกว่า 50% ในทศวรรษหน้า แต่กลับเผชิญความเสี่ยงสูงจากคลื่นความร้อนที่รุนแรงขึ้น อันเป็นผลจากการเผาไหม้เชื้อเพลิงฟอสซิลที่ยังคงเพิ่มขึ้น ซึ่งทำให้เกิดก๊าซมีเทน—หนึ่งในตัวเร่งภาวะโลกร้อน โดยปศุสัตว์มีส่วนรับผิดชอบถึง 1 ใน 3 ของการปล่อยก๊าซมีเทนจากมนุษย์
เกษตรกร โดยเฉพาะในอิสราเอล ซึ่งเป็นสถานที่ศึกษา ใช้เทคโนโลยีขั้นสูง เช่น ระบบระบายอากาศ พัดลม และเครื่องพ่นน้ำ รวมถึงการจัดร่มเงาเพื่อลดความเครียดจากความร้อนในวัว อย่างไรก็ตาม งานวิจัยที่ตีพิมพ์ในวารสาร Science Advances ระบุว่า ในวันที่อุณหภูมิเกิน 24°C ระบบทำความเย็นเหล่านี้ลดผลกระทบได้เพียง 40% และในวันที่ร้อนจัด ประสิทธิภาพยิ่งลดลง การปรับตารางการตกลูกหรือการให้อาหารก็ให้ผลเพียงเล็กน้อย โดยฟาร์มที่ใช้กลยุทธ์เหล่านี้ควบคู่กันแสดงถึงความยืดหยุ่นที่ดีขึ้นเล็กน้อยในช่วงอากาศร้อนจัด
ผลกระทบระยะยาวและความท้าทาย
ความร้อนชื้นต่อเนื่อง 10 วันอาจลดผลผลิตน้ำนมได้ถึง 26% โดยเฉพาะในวัวที่ให้ผลผลิตสูงและวัวสูงอายุ ซึ่งไวต่อความร้อนมากกว่า การเลี้ยงในโรงเรือนช่วยลดการสัมผัสความร้อนได้ แต่กลับเพิ่มความเครียดจากการกักขัง ซึ่งอาจทำให้วัวฟื้นตัวช้าลง นักวิจัยเตือนว่า ผลกระทบนี้จะส่งผลรุนแรงต่อครัวเรือน 150 ล้านครัวเรือนที่พึ่งพานมทั่วโลก โดยเฉพาะในประเทศกำลังพัฒนา เช่น อินเดีย ปากีสถาน และบราซิลข้อเสนอเพื่ออนาคต
แคลร์ พาลันดรี หัวหน้าทีมวิจัย เรียกร้องให้ผู้กำหนดนโยบายพิจารณาแนวทางใหม่นอกเหนือจากเทคโนโลยีทำความเย็น เช่น ลดการกักขังวัว อนุญาตให้วัวแสดงพฤติกรรมตามธรรมชาติ และลดปัจจัยกดดัน เช่น การแยกลูกวัว เพื่อเพิ่มความยืดหยุ่นต่อความร้อน “การวิจัยของเราเน้นย้ำถึงทั้งคุณค่าและข้อจำกัดของเทคโนโลยี รวมถึงความจำเป็นในการปรับตัวอย่างยั่งยืน” พาลานดรีกล่าวสรุป
การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศกำลังคุกคามการผลิตนมทั่วโลกผ่านคลื่นความร้อนที่รุนแรงขึ้น การสูญเสียผลผลิตน้ำนมอาจส่งผลกระทบต่อแหล่งอาหารและเศรษฐกิจในหลายภูมิภาค โดยเฉพาะเอเชียใต้ การแก้ปัญหาต้องอาศัยทั้งนวัตกรรมเทคโนโลยีและการปรับแนวทางการเลี้ยงโคนมให้ยั่งยืน เพื่อปกป้องอุตสาหกรรมนี้ในโลกที่ร้อนขึ้น
อ้างอิง :
- https://www.theguardian.com/environment/2025/jul/03/heatwaves-global-dairy-decline-milk-production-farming-environment
- https://www.earth.com/news/milk-supplies-face-serious-danger-from-rising-heat-challenges/