“วันลดภัยพิบัติสากล 2025” ชวนคนไทยลงทุนในระบบเตือนภัย โครงสร้างพื้นฐาน และความรู้ เพื่อลดผลกระทบจากน้ำท่วม พายุ และแผ่นดินไหว และพัฒนาที่ยั่งยืน
วันที่ 13 ตุลาคมของทุกปี คือ “วันลดภัยพิบัติสากล” (International Day for Disaster Risk Reduction – IDDRR) ศนิวาร บัวบาน สส.พรรคประชาชน โพสต์ข้อความให้ข้อมูลถึงวันนี้ โดยเลี่ยงที่พูดถึงน้ำท่วม แผ่นดินไหว หลุมยุบ หรือแผ่นดินถล่ม แต่จะมาชวนคิดว่า เราจะทำอย่างไรให้ชุมชนที่เราอยู่ และประเทศของเราปลอดภัยยิ่งขึ้นจากภัยพิบัติต่างๆ ที่กำลังถี่ และรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ
ประเทศไทยเผชิญภัยพิบัติหลายรูปแบบที่ส่งผลกระทบต่อชีวิต ทรัพย์สิน และเศรษฐกิจ โดยเฉพาะกลุ่มเปราะบางที่มักได้รับผลกระทบหนักที่สุด:
- ภัยจากน้ำ: น้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก น้ำท่วมขัง ภัยแล้ง และไฟป่า
- ภัยจากสภาพอากาศสุดขั้ว: พายุ วาตภัย และคลื่นความร้อน
- ภัยทางธรณีวิทยา: แผ่นดินไหว ดินโคลนถล่ม แผ่นดินทรุด และสึนามิในพื้นที่เสี่ยง
ภัยเหล่านี้ไม่เพียงทำลายชีวิตและทรัพย์สิน แต่ยังกระทบการพัฒนาประเทศ ตัวอย่างเช่น น้ำท่วมใหญ่ปี 2554 ที่ทำให้ประชาชนขาดรายได้ รัฐสูญเสียรายได้จากภาษี ต้องกู้เงินเพิ่มจนหนี้สาธารณะพุ่ง ส่งผลให้การฟื้นฟูขาดประสิทธิภาพ
ซึ่งในปี 2025 นี้ องค์การสหประชาชาติ (UNDRR) มาพร้อมแนวคิด “Fund Resilience, Not Disasters” หรือแปลให้เข้าใจง่ายคือ “ลงทุนในความยืดหยุ่น ไม่ใช่ภัยพิบัติ” เพื่อชวนทุกคนมาร่วมสร้างชุมชนและประเทศที่แข็งแกร่ง พร้อมรับมือและฟื้นตัวจากภัยพิบัติที่ถี่และรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ
“ความยืดหยุ่น” คืออะไร?
ความยืดหยุ่นเปรียบเหมือน “ตุ๊กตาล้มลุก” ที่ล้มแล้วลุกได้เร็ว หมายถึงการเตรียมพร้อม ลดความเสี่ยง และฟื้นตัวจากภัยพิบัติได้อย่างมีประสิทธิภาพ แทนที่จะรอให้เกิดภัยแล้วค่อยใช้เงินมหาศาลฟื้นฟู การลงทุนในความยืดหยุ่น เช่น การบริหารจัดการน้ำอย่างเป็นระบบ หรือสร้างโครงสร้างพื้นฐานที่ทนต่อภัยพิบัติ จะช่วยลดความสูญเสียและส่งเสริมการเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างยั่งยืน
5 แนวทางสร้างความยืดหยุ่น
- รู้ทันความเสี่ยง
ทุกโครงการพัฒนา เช่น การสร้างสะพาน โรงเรียน หรือที่อยู่อาศัย ต้องประเมินความเสี่ยงอย่างรอบคอบ เพื่อหลีกเลี่ยงการก่อสร้างในพื้นที่เสี่ยง เช่น เขตน้ำท่วมซ้ำซาก หรือรอยเลื่อนแผ่นดินไหว ลดความสูญเสียและการสิ้นเปลืองทรัพยากร
- ลงทุนในระบบสำรอง
รัฐและหน่วยงานต้องจัดสรรงบประมาณเพื่อโครงสร้างพื้นฐานที่พร้อมรับภัย เช่น ระบบน้ำ ไฟฟ้า การสื่อสาร และสาธารณสุข เพื่อให้โรงพยาบาลยังทำงานได้เมื่อเกิดแผ่นดินไหว หรือถนนไม่ถูกตัดขาดเมื่อน้ำท่วม รวมถึงจัดตั้งศูนย์พักพิงที่ทั่วถึง
- ระดมความร่วมมือจากทุกภาคส่วน
สร้างความตระหนักในภาคเอกชนและชุมชนให้รวมการลดความเสี่ยงภัยพิบัติ (Disaster Risk Reduction – DRR) ในการตัดสินใจ เช่น การปลูกพืชหลากหลาย การใช้ที่ดินอย่างเหมาะสม หรือใช้แนวทางธรรมชาติเป็นฐาน (Nature-based Solutions) เพื่อป้องกันภัยและสร้างห่วงโซ่อุปทานที่ยั่งยืน
- ส่งเสริมการประกันภัย
การประกันภัยช่วยจัดการความเสี่ยงได้ตรงจุด เช่น การประกันวินาศภัย หรือการใช้ Parametric Insurance ที่จ่ายเงินทันทีเมื่อมีสัญญาณเตือนภัย ช่วยให้เกษตรกรและธุรกิจ SMEs เตรียมพร้อมและลดผลกระทบจากสภาพอากาศสุดขั้ว
- พัฒนาระบบเตือนภัยล่วงหน้า
ระบบเตือนภัยที่มีประสิทธิภาพ เช่น การใช้ AI ในการวิเคราะห์ภัย หรือระบบ Cell Broadcasting ที่ประเทศไทยเริ่มใช้ ช่วยลดความเสียหายทั้งชีวิตและเศรษฐกิจ การลงทุนในช่องทางเตือนภัยที่หลากหลายและแม่นยำ เช่น หอกระจายเสียงชุมชน หรือแอปพลิเคชัน จะยิ่งเพิ่มประสิทธิภาพ
การลดความเสี่ยงภัยพิบัติไม่ใช่เรื่องของรัฐบาลหรือองค์กรต่างๆเท่านั้น แต่เป็นเรื่องของ “ตระหนักรู้” จากทุกคน ในฐานะประชาชน เราสามารถเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างความยืดหยุ่นให้กับตนเองและชุมชนได้ง่ายๆ ดังนี้:
.
“ลงทุน” สร้างภูมิคุ้มกันให้ครอบครัว
- เตรียมกระเป๋าฉุกเฉิน (Go Bag) – จัดเตรียมกระเป๋าที่มีสิ่งของจำเป็นสำหรับเอาชีวิตรอดอย่างน้อย 3 วัน เช่น น้ำดื่ม อาหารแห้ง ยาประจำตัว/ยาสามัญประจำบ้าน ไฟฉาย สายชาร์ท/พาวเวอร์แบงค์ เสื้อผ้าสำรอง เงินสด และสำเนาเอกสารสำคัญ
- วางแผนการติดต่อสื่อสาร – กำหนดจุดนัดพบของครอบครัว และช่องทางการติดต่อสื่อสารสำรอง หากเกิดภัยพิบัติและระบบสื่อสารหลักล่ม ถ้ามีเด็กเล็กควรสอนเรื่องการพลัดหลงและขอความช่วยเหลือ และเตรียมรายละเอียดการติดต่อผู้ปกครองไว้กับตัวเด็ก
- เรียนรู้สัญญาณเตือนภัย – ทำความเข้าใจกับสัญญาณเตือนภัยที่ใช้ในท้องถิ่น (เช่น หอเตือนภัย, สัญญาณจากไลน์, การแจ้งเตือนจาก Cell broadcasting) และวิธีปฏิบัติเมื่อได้ยินสัญญาณนั้น
- ประเมินความเสี่ยงของตัวเองและครอบครัว – บ้านมีความแข็งแรง และสามารถต้านทานภัยพิบัติได้หรือไม่ มีความเสี่ยง เช่น ต้นไม้ใหญ่หรืออยู่ใกล้เชิงเขาหรือเปล่า? มีผู้สูงอายุ หรือผู้พิการไหม? ความต้องการพิเศษถ้าจำเป็นต้องอพยพมีอะไรบ้าง?
“ลงทุน” ความรู้และทักษะ
- ศึกษาความเสี่ยงภัยพิบัติในพื้นที่ – ดูว่าในชีวิตประจำวันของเรามีความเสี่ยงต่อภัยพิบัติประเภทใด (เช่น น้ำไหลหลาก, ดินถล่ม) และเรียนรู้วิธีการรับมือที่ถูกต้อง หาข้อมูลวิธีการเดินทางไปศูนย์พักพิงบริเวณใกล้เคียง
- เรียนรู้ทักษะเอาตัวรอด – ฝึกฝนวิธีการปฐมพยาบาลเบื้องต้น การดับเพลิงขั้นต้น และการปฏิบัติเมื่อเกิดแผ่นดินไหว (“หมอบ ปิด ยึด”)
- เข้าร่วมการฝึกซ้อม – เข้าร่วมการซ้อมแผนอพยพที่จัดขึ้นในชุมชน โรงเรียน หรือที่ทำงาน เพื่อให้สามารถตอบสนองได้อย่างเป็นระบบเมื่อเกิดเหตุการณ์จริง
ความปลอดภัยของชีวิตและทรัพย์สินในภาวะภัยภิบัติ เริ่มต้นที่การเตรียมพร้อมที่ตัวเรา ในบ้านของเรา และขยายไปสู่การสร้างชุมชนที่เข้มแข็งและยืดหยุ่น เพื่อให้ประเทศของเราจัดการความเสี่ยงได้อย่างปลอดภัยและเติบโตต่อไปได้อย่างมั่นคง
อ้างอิง :