เปิดรายชื่อ 10 ประเทศ ที่สะอาดสุดในโลก ประจำปี 2025 ตามดัชนีประสิทธิภาพด้านสิ่งแวดล้อม (EPI) ยุโรปครองแชมป์ ประเทศเอสโตเนียคว้าอันดับหนึ่ง จากการจัดการป่าไม้ที่ยั่งยืน
ในยุคที่โลกเผชิญกับความท้าทายด้านสิ่งแวดล้อมอย่างหนักหน่วง การมองหาประเทศที่เป็นผู้นำด้านความสะอาดและความยั่งยืนจึงกลายเป็นประเด็นสำคัญ ดัชนีประสิทธิภาพด้านสิ่งแวดล้อม (Environmental Performance Index: EPI) ประจำปี 2024 ซึ่งเผยแพร่ในปี 2025 โดยมหาวิทยาลัยเยลและโคลัมเบีย ร่วมกับฟอรัมเศรษฐกิจโลก (World Economic Forum) ได้จัดอันดับ 180 ประเทศทั่วโลก โดยพิจารณาจาก 58 ตัวชี้วัดใน 11 หมวดหมู่ เช่น คุณภาพอากาศ น้ำดื่ม สุขอนามัย การจัดการขยะ และการอนุรักษ์ความหลากหลายทางชีวภาพ
10 อันดับ ประเทศที่สะอาดที่สุดในโลก – EPI 2024 (จัดอันดับปี 2025)
- เอสโตเนีย ได้คะแนน 75.3–75.7
เป็นประเทศที่คว้าตำแหน่งแชมป์ด้านความสะอาดโลก ด้วยคะแนน EPI สูงสุด ความสำเร็จนั้นมาจากการจัดการป่าไม้ที่ยั่งยืน ควบคู่ไปกับการเปลี่ยนผ่านจากพลังงานจากถ่านหินสู่พลังงานหมุนเวียน และการรักษาระบบแม่น้ำและน้ำจืดให้บริสุทธิ์
- ลักเซมเบิร์ก ได้คะแนน 75.0–75.1
โดดเด่นเรื่องการบริหารจัดการน้ำและระบบกำจัดน้ำเสียอย่างเข้มงวด พื้นที่คุ้มครองธรรมชาติมากกว่า 55% และมีโครงสร้างการขนส่งสีเขียว เช่น ระบบขนส่งสาธารณะฟรีทั่วประเทศ
- เยอรมนี ได้คะแนน 74.5–74.6
มีนโยบายแนวหน้าเรื่องพลังงานสะอาดและการรีไซเคิลที่มีประสิทธิภาพ จึงได้คะแนนสูงในด้านคุณภาพอากาศและระบบบำบัดน้ำเสียครบถ้วน
- ฟินแลนด์ ได้คะแนน 73.7–73.8
คว้าคะแนนสูงสุดด้านน้ำดื่มและสุขอนามัย (100/100) จากระบบคุณภาพน้ำที่เข้มงวด รวมถึงมีทรัพยากรธรรมชาติอุดมสมบูรณ์และระบบป่าไม้ที่ได้รับการดูแลอย่างถี่ถ้วน
- สหราชอาณาจักร ได้คะแนน 72.6–72.7
มีนโยบายด้านพลังงานหมุนเวียน เช่น พลังงานลมและแสงอาทิตย์ ตลอดจนพื้นที่สีเขียวในเมืองที่เพิ่มขึ้น ช่วยลดมลภาวะและส่งเสริมสุขภาพสาธารณะ
- สวีเดน ได้คะแนน 70.3–70.5
เน้นการใช้พลังงานหมุนเวียน เช่น พลังน้ำและลม รวมถึงรีไซเคิลอย่างเป็นระบบ และมีโซลูชันเทคโนโลยีเชิงนิเวศสำหรับเมืองที่สะอาด
- นอร์เวย์ ได้คะแนน 69.9–70.0
ได้รับประโยชน์จากการใช้พลังน้ำสะอาดและกฎหมายสิ่งแวดล้อมเข้มงวด นอกจากนี้ยังส่งเสริมการใช้รถยนต์ไฟฟ้าและออกแบบเมืองอย่างยั่งยืน
- ออสเตรีย ได้คะนน 68.9–69.0
ผสมผสานนโยบายเกษตรสีเขียว ระบบพาหนะสะอาด และการบำบัดน้ำ ทำให้อากาศและน้ำสะอาดอยู่เสมอ
- สวิตเซอร์แลนด์ ได้คะแนน 67.8–68.0
มีระบบจัดการขยะและน้ำขั้นสูง ได้คะแนนเต็มในด้านน้ำดื่ม สุขาภิบาล และโลหะหนัก เป็นประเทศที่มีภูมิประเทศสะอาดตามธรรมชาติ
- เดนมาร์ก ได้คะแนน 67.7–67.9
เดนมาร์กได้คะแนนสูงในด้านการจัดการน้ำเสีย สุขาภิบาล พื้นที่คุ้มครองทางทะเล และโลหะหนัก เดนมาร์กมีมาตรฐานที่เข้มงวดที่สุดในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกและการป้องกันการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
มุมมองเสริม: ด้านคุณภาพอากาศ (PM2.5)
แม้ EPI จะครอบคลุมหลายมิติ แต่ภาพรวมของคุณภาพอากาศสะท้อนความสมบูรณ์ของสิ่งแวดล้อม: มีเพียง 7 ประเทศที่ผ่านเกณฑ์ค่ามาตรฐาน PM2.5 ของ WHO ได้แก่ ออสเตรเลีย, นิวซีแลนด์, เอสโตเนีย, ไอซ์แลนด์, บาฮามาส, บาร์เบโดส และ กรุนาดา
ฟินแลนด์และสวีเดนก็เป็นหนึ่งในประเทศที่อากาศสะอาดที่สุดในโลก โดยมีค่าความเข้มข้น PM2.5 ต่ำมากเช่นกัน
ทั้งนี้ EPI 2024 ได้นำเสนออันดับ 10 ประเทศที่สะอาดที่สุดทั่วโลกในปี 2025 โดย เอสโตเนีย โดดเด่นเป็นอันดับหนึ่ง รองลงมาเป็น ลักเซมเบิร์ก, เยอรมนี, ฟินแลนด์, สหราชอาณาจักร, สวีเดน, นอร์เวย์, ออสเตรีย, สวิตเซอร์แลนด์ และ เดนมาร์ก ซึ่งแต่ละประเทศมีนโยบายสิ่งแวดล้อมที่เข้มแข็งแตกต่างกันไป ไม่ว่าจะเป็นการใช้พลังงานสะอาด การรักษาทรัพยากรธรรมชาติ หรือการจัดการคุณภาพชีวิตในเมือง
EPI คืออะไร?
EPI หมายถึงดัชนีประสิทธิภาพด้านสิ่งแวดล้อม ซึ่งเป็นดัชนีที่พัฒนาโดยมหาวิทยาลัยเยลและโคลัมเบีย ร่วมกับฟอรัมเศรษฐกิจโลก (WEF) เพื่อวัดความสะอาดและความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมของ 180 ประเทศทั่วโลก
ดัชนี EPI วัดค่าพารามิเตอร์ 40 รายการที่กระจายอยู่ใน 11 หมวดหมู่ เช่น การบรรเทาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ คุณภาพอากาศ สุขาภิบาลและน้ำดื่ม โลหะหนัก ขยะมูลฝอย ทรัพยากรน้ำ เกษตรกรรม การประมง มลพิษทางอากาศ ป่าไม้ และความหลากหลายทางชีวภาพและที่อยู่อาศัย
อ้างอิง :