กทม. หารือ UNIDO เดินหน้าร่วมโครงการ CWFPF พัฒนาระบบจัดการขยะอิเล็กทรอนิกส์จากชุมชน หวังลดผลกระทบสิ่งแวดล้อม เพิ่มการใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่า
เมื่อวันที่ 28 สิงหาคม 2568 นายพรพรหม วิกิตเศรษฐ์ ที่ปรึกษาผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร และผู้บริหารด้านความยั่งยืน นำทีมประชุมออนไลน์กับผู้แทน UNIDO จากประเทศไทยและสำนักงานใหญ่ที่กรุงเวียนนา ออสเตรีย เพื่อหารือการเข้าร่วมโครงการ Chemicals and Waste Financing Partnership Facility (CWFPF) ภายใต้กองทุนสิ่งแวดล้อมโลก (GEF) ซึ่งมุ่งพัฒนาการจัดการขยะอิเล็กทรอนิกส์จากชุมชนให้มีประสิทธิภาพ ลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม และใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่า
เกี่ยวกับโครงการ CWFPF
โครงการ CWFPF เป็นโครงการที่ริเริ่มโดย GEF และดำเนินงานโดย องค์การพัฒนาอุตสาหกรรมแห่งสหประชาชาติ (UNIDO) เพื่อสนับสนุนการเข้าถึงกลไกทางการเงิน ในการกำจัดมลพิษจากสารเคมีและของเสีย โดยเฉพาะอย่างยิ่งการจัดการขยะอิเล็กทรอนิกส์ โครงการนี้มีเป้าหมายในการส่งเสริมการพัฒนาที่ยั่งยืนและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมในภาคส่วนต่างๆ ที่ก่อให้เกิดมลพิษ และผลักดันให้เกิดการเปลี่ยนผ่านสู่สังคมปลอดขยะ
การทำงานของ UNIDO
องค์การพัฒนาอุตสาหกรรมแห่งสหประชาชาติ (UNIDO) เป็นหน่วยงานชำนาญด้านการพัฒนาอุตสาหกรรมที่ยั่งยืน โดยเฉพาะในพื้นที่ Chemicals and Waste ซึ่งเป็นหนึ่งในจุดโฟกัสหลัก ร่วมกับ GEF ในการดำเนินโครงการ CWFPF UNIDO ทำหน้าที่เป็นหน่วยงานหลักในการนำโครงการไปปฏิบัติจริง โดยใช้ความเชี่ยวชาญในการรวมเทคโนโลยีสะอาด การถ่ายทอดเทคโนโลยี และการสร้างความร่วมมือระหว่างภาครัฐ เอกชน และชุมชน เพื่อลดการปล่อยสารเคมีอันตรายจากขยะอิเล็กทรอนิกส์ (e-waste) และส่งเสริมเศรษฐกิจหมุนเวียน เช่น โครงการ Global Electronics Management (GEM) ที่ UNIDO นำร่องใน 16 ประเทศกำลังพัฒนา ด้วยงบประมาณกว่า 65 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพื่อสร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการจัดการ e-waste อย่างรับผิดชอบ รวมถึงการเข้าถึงเงินทุน เทคโนโลยี และการปรับกฎหมาย
นอกจากนี้ UNIDO ยังเป็นส่วนหนึ่งของ Inter-Organization Programme for the Sound Management of Chemicals (IOMC) ซึ่งประสานงานระหว่างองค์กร UN ต่างๆ เพื่อจัดการสารเคมีและของเสียทั่วโลก โดยในปี 2022-2026 (GEF-8) UNIDO ได้รับทุนจาก GEF กว่า 100 ล้านดอลลาร์สสำหรับโครงการด้าน Chemicals and Waste รวมถึงการลดการใช้ปรอทในอุตสาหกรรมและการจัดการขยะพลาสติก ซึ่งช่วยให้ประเทศต่าง ๆ ปฏิบัติตามอนุสัญญาสิ่งแวดล้อมระหว่างประเทศ เช่น Stockholm Convention และ Minamata Convention การทำงานของ UNIDO มุ่งเน้นการพัฒนาอุตสาหกรรมที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม สร้างงาน และลดความยากจน โดยเชื่อมโยงกับเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs)
สถานการณ์ขยะอิเล็กทรอนิกส์ในกรุงเทพมหานคร
กรุงเทพมหานครเผชิญปัญหาขยะอิเล็กทรอนิกส์ (e-waste) ที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว จากการบริโภคอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่สูง โดยในปี 2565 ประเทศไทยมีขยะมูลฝอยรวม 25.70 ล้านตันต่อปี โดย e-waste เป็นส่วนสำคัญที่เพิ่มขึ้นจากเทคโนโลยีที่ล้าสมัยเร็ว เช่น โทรศัพท์ คอมพิวเตอร์ และเครื่องใช้ไฟฟ้า ซึ่งมีสารอันตรายอย่างตะกั่ว ปรอท และแคดเมียม หากกำจัดไม่ถูกวิธีจะปนเปื้อนดิน น้ำ และอากาศ ส่งผลต่อสุขภาพมนุษย์และระบบนิเวศ ในกรุงเทพฯ ซึ่งมีประชากรหนาแน่น ปริมาณ e-waste คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 8-17% ต่อปี หากไม่มีการจัดการที่ดี
ในปี 2566-2568 กรุงเทพมหานครได้ขยายจุดรับ e-waste กว่า 50 จุดทั่วเมือง เช่น ที่ศาลาว่าการกรุงเทพฯ (เสาชิงช้าและดินแดง) สำนักงานเขต 50 แห่ง และมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ โดยร่วมมือกับบริษัทเอกชนอย่าง Total Environmental Solutions เพื่อรวบรวมและรีไซเคิลอย่างถูกต้อง เช่น ในกิจกรรมวันสิ่งแวดล้อมไทยปี 2566 ได้รับ e-waste 251 ชิ้น (88 กก.) จากบุคลากร นอกจากนี้ ยังมีบริการฝากทิ้งผ่านไปรษณีย์ไทยฟรี โดยห่อกล่องและเขียน “ฝากทิ้ง ขยะอิเล็กทรอนิกส์” หรือใช้แอป BKK WASTE PAY
สำหรับโครงการแยกขยะลดค่าธรรมเนียม (เริ่มตุลาคม 2568) ซึ่งช่วยลดขยะที่ต้องกำจัดและส่งเสริมการรีไซเคิล e-waste ให้ได้มากกว่า 20% ของปริมาณทั้งหมด อย่างไรก็ตาม ปัญหายังคงมีจากการลักลอบนำเข้าขยะพิษจากต่างประเทศ และการคัดแยกที่ไม่เป็นระบบ ซึ่งรัฐบาลได้สั่งปิดโรงงานผิดกฎหมาย เช่น ในฉะเชิงเทรา เพื่อคุ้มครองสิ่งแวดล้อมความสำคัญต่อกรุงเทพฯ
การเข้าร่วม CWFPF จะช่วยพัฒนาระบบจัดการขยะตั้งแต่ชุมชนจนถึงการรีไซเคิล ลดการปนเปื้อนจากสารเคมีอันตราย และสร้างโมเดลจัดการขยะที่ยั่งยืน ซึ่งอาจเป็นต้นแบบให้เมืองอื่นในไทย การประชุมครั้งนี้จะนำไปสู่การกำหนดแนวทางความร่วมมือ เช่น การตั้งศูนย์รวบรวมขยะ การอบรมชุมชน และการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานสำหรับรีไซเคิลที่ปลอดภัยกรุงเทพฯ คาดหวังว่าโครงการนี้จะช่วยลดผลกระทบสิ่งแวดล้อม ส่งเสริมการใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ และสร้างชุมชนที่ตระหนักถึงการจัดการขยะอย่างยั่งยืน โดยจะมีการสรุปแผนความร่วมมือที่ชัดเจนต่อไป