ผู้เชี่ยวชาญด้านภัยพิบัติ ชี้ ปริมาณ “น้ำท่วมหาดใหญ่” สูงกว่าปี 53 การระบายน้ำติดขัดจากน้ำทะเลหนุนสูง ดันน้ำท่วมขังถึงกลางเดือน ธ.ค. ชี้ ระบบรับมือวิกฤตล้มเหลว ไม่ใช้กลไก พ.ร.บ.ภัยพิบัติ ปล่อยประชาชนติดค้างบนหลังคา แม้แจ้งเตือนล่วงหน้า 5 วัน
รศ.ดร.เสรี ศุภราทิตย์ ผู้อำนวยการศูนย์การเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศและภัยพิบัติ มหาวิทยาลัยรังสิต และรองประธานมูลนิธิสภาเตือนภัยพิบัติแห่งชาติ โพสต์ข้อความ แสดงความกังวลอย่างยิ่งต่อสถานการณ์น้ำท่วมใน อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา โดยประเมินว่า พื้นที่เศรษฐกิจของหาดใหญ่อาจต้องเผชิญภาวะน้ำท่วมขังไปจนถึงกลางเดือนธันวาคมเป็นอย่างต่ำ เนื่องจากปริมาณน้ำหลากที่สูงกว่าปี 2553 และข้อจำกัดในการระบายน้ำ
ระดับน้ำพุ่งสูงและปริมาณมหาศาล
รศ.ดร.เสรี ระบุว่า แม้ระดับน้ำจาก อ.สะเดาจะเริ่มลดลง แต่จะไหลสมทบในพื้นที่ตอนล่างและตัวเมืองหาดใหญ่ โดยเมื่อช่วงเช้า 25 พฤศจิกายน ระดับน้ำท่วมเพิ่มขึ้นเกือบ 2 เมตรจากวันก่อนหน้า ส่งผลให้หลายพื้นที่ซึ่งเคยมีน้ำท่วมสูง 1 เมตร กลายเป็นน้ำมิดบ้าน หรือมิดหลังคาในพื้นที่ลุ่มต่ำ (เช่น บริเวณเทศบาลควนลัง, ม.หาดใหญ่)
ปริมาณน้ำฝนวิกฤต: ฝน 5 วันสะสม (21-25 พฤศจิกายน) มีปริมาณสูงถึง 850 มิลลิเมตร ซึ่งสูงกว่าปริมาณฝนที่ทำให้เกิดน้ำท่วมใหญ่ในปี 2553 (โดยมีรายงานว่าปริมาณฝนสะสม 3 วันแรกอยู่ที่ 595 มม. ซึ่งมากกว่าปี 2553 ที่ 516 มม. ก่อนจะเกิดน้ำท่วมใหญ่) คิดเป็นปริมาณน้ำท่าประมาณ 1,200-1,500 ล้านลูกบาศก์เมตร (mcm)
ศักยภาพการระบายจำกัด: การระบายน้ำตามธรรมชาติผ่านคลอง ร.1 และคลองอู่ตะเภาทำได้เต็มที่เพียงประมาณ 155 mcm ต่อวัน ทำให้ต้องใช้เวลาถึง 10 วันในการระบายน้ำทั้งหมด นอกจากนี้ยังมีอุปสรรคสำคัญ จากระดับน้ำทะเลหนุนสูงในช่วงนี้จนถึงปลายเดือน และจะระบายได้ดีขึ้นในช่วงก่อนวันที่ 3 ธันวาคม และช่วง 12-16 ธันวาคมเท่านั้น ส่งผลให้การระบายน้ำไม่เป็นไปตามศักยภาพ
ชี้ระบบรับมือวิกฤตล้มเหลว ขาดการบริหารจัดการ
รศ.ดร.เสรี ยังได้ตั้งคำถามถึงความล้มเหลวในการบริหารจัดการภัยพิบัติ โดยระบุว่า เหตุการณ์น้ำท่วมหาดใหญ่และพื้นที่อื่นๆ รัฐบาลไม่ได้ใช้กลไกตาม พ.ร.บ. ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ พ.ศ. 2550 ซึ่งกำหนดให้มีการจัดตั้งคณะกรรมการฯ ตั้งแต่ระดับชาติจนถึงระดับท้องถิ่น และมีการยกระดับภัยเป็นระดับ 3 ที่มี มท.1 เป็นผู้บัญชาการเหตุการณ์ แต่กลับมีการตั้งคณะกรรมการโดยใช้ระเบียบสำนักนายกฯ แทน
นอกจากนี้ ยังพบปัญหาสำคัญในการจัดการในภาวะวิกฤต (P2: การเตรียมความพร้อมรับภัย และ R1: การจัดการในภาวะฉุกเฉิน) แม้จะมีการแจ้งเตือนภัยล่วงหน้า 2-5 วัน แต่กลับปรากฏภาพประชาชนติดอยู่บนหลังคา นักท่องเที่ยวติดค้าง ผู้ป่วยติดเตียง เด็ก และผู้สูงอายุ ร้องขอความช่วยเหลือจำนวนมาก
ขาดการตอบสนองเหตุการณ์: มีการตั้งคำถามถึงการขาดการบังคับบัญชาการตอบสนองเหตุการณ์ที่รวดเร็ว เมื่อทราบว่าน้ำจะสูงขึ้นเกือบ 2 เมตรในเขตเศรษฐกิจ แต่กลับปล่อยให้ประชาชนเผชิญชะตากรรม
รศ.ดร.เสรี เสนอแนะให้มีการตีคันถนนเพื่อระบายน้ำออกก่อนเข้าพื้นที่เศรษฐกิจ เพื่อลดภาระและความสูญเสียโดยเร็ว
ในช่วงท้าย รศ.ดร.เสรี ศุภราทิตย์ ได้กล่าวให้กำลังใจพี่น้องประชาชนที่กำลังประสบภัยทุกคน และยืนยันว่าทีมงานจะลงพื้นที่ไปให้ความช่วยเหลือในเร็ว ๆ นี้
“ผมขอเป็นกำลังใจพี่น้องทุกท่าน อย่าหยุด อย่าท้อถอย ทีมงานผมจะลงไปช่วยท่านเร็วๆนี้ครับ”