เสียงเตือนจากปลายน้ำ นักวิชาการ ค้านระเบิดถนนระบายน้ำจากหาดใหญ่ เสี่ยงฆ่าคนนับหมื่นชีวิตใน ต.คูเต่า แนะ รื้อเขื่อนเปิดทางน้ำลง ทะเลสาบสงขลา
มหาวิกฤตอุทกภัยกำลังโหมกระหน่ำเมืองหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา ในระดับที่รุนแรงที่สุด โดยผลกระทบไม่ได้จำกัดอยู่เพียงแค่พื้นที่เศรษฐกิจใจกลางเมืองเท่านั้น แต่ได้ขยายวงกว้างไปจนถึงพื้นที่รอบนอก โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ตำบลคูเต่า ซึ่งเป็นพื้นที่รับน้ำปลายน้ำ มีประชาชนอาศัยอยู่นับหมื่นคน และกำลังตกอยู่ในสภาวะวิกฤตที่ถูกลืม
ท่าทีของรัฐบาล: เร่งเปิดทางระบายน้ำสู่ทะเลสาบสงขลา
หลังจากลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์และขึ้นเฮลิคอปเตอร์ของกองทัพอากาศบินสำรวจพื้นที่ประสบภัย นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ได้เปิดเผยถึงแนวทางการแก้ไขเร่งด่วน โดยระบุว่า รัฐบาลพยายามเข้าถึงพื้นที่ชั้นในของเทศบาลนครหาดใหญ่ให้ได้มากที่สุด เพื่อประเมินความเดือดร้อน
ในการสำรวจเส้นทางน้ำอีกครั้ง นายพิพัฒน์กล่าวต่อว่า หากพบจุดที่สามารถเปิดแนวระบายน้ำได้ เช่น การระเบิดถนนที่เป็นแนวปิดกั้นน้ำ หรือเปิดทางระบายน้ำที่ถนนสายรถไฟเก่าซึ่งไม่ได้ใช้งานแล้ว จะต้องดำเนินการทันที เพื่อเร่งให้น้ำไหลลงสู่ทะเลสาบสงขลาโดยเร็วที่สุด
เสียงเตือนจากปลายน้ำและข้อเสนอเพื่อทางออกที่เป็นธรรม
สามารถ สาเล็ม นักวิชาการอิสระด้านพหุวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์มุสลิมเมืองสงขลา ได้ออกมาแสดงความกังวล ต่อแนวทางการแก้ไขปัญหาน้ำท่วมในพื้นที่หาดใหญ่ โดยระบุอย่างชัดเจนว่า “อย่าแก้ปัญหาด้วยการสละชีวิตคนปลายน้ำ” พร้อมนำเสนอข้อเสนอสามประการ เพื่อฝ่าวิกฤตอุทกภัยครั้งใหญ่ที่กำลังคุกคามชีวิตประชาชนนับหมื่น ในตำบลคูเต่า อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา
ชะตากรรมของชาวคูเต่านับหมื่นชีวิต
ตำบลคูเต่า คือพื้นที่ปลายน้ำด่านสุดท้ายที่ต้องรองรับมวลน้ำมหาศาลจากตัวเมืองหาดใหญ่ที่ไหลผ่านคลองอู่ตะเภา (ซึ่งผ่ากลางหมู่บ้าน) และ คลองระบายน้ำที่ 1 (คลองภูมินาถภักดี) ก่อนจะไหลลงสู่ทะเลสาบสงขลา ในสถานการณ์ปัจจุบัน, ประชาชนนับหมื่นชีวิตกำลังรอคอยความช่วยเหลืออย่างสิ้นหวัง เนื่องจากพื้นที่พักพิงที่มีเพียงอาคารสูง 2 ชั้นนั้น ไม่เพียงพอ ต่อการรองรับผู้อพยพ ในขณะที่ฝนยังคงตกหนักและลมกรรโชกแรงอย่างต่อเนื่อง
ข้อเท็จจริงเรื่องการ “ระเบิดถนน” และคำเตือน
ท่ามกลางวิกฤต มีกระแสข่าวและข้อเสนอจากบางสื่อและบางกลุ่มคน ให้มีการ “ระเบิดถนนลพบุรีราเมศวร์” รวมถึงถนนสายอื่นๆ เพื่อเร่งระบายน้ำออกจากตัวเมืองหาดใหญ่ ซึ่งสามารถ สาเล็ม ชี้แจงด้วยความเคารพและห่วงใยว่า ข้อเสนอดังกล่าวหากกระทำโดยปราศจากมาตรการรองรับ จะเสมือนเป็นการ “ฆ่า” ประชาชนนับหมื่นคนที่อาศัยอยู่ปลายน้ำในเขตตำบลคูเต่าทันที เนื่องจากมวลน้ำก้อนใหญ่จะถาโถมเข้าใส่หมู่บ้านที่จมน้ำอยู่แล้วให้จมดิ่งลงไปอีก
3 ข้อเสนอเพื่อทางออกที่ยุติธรรมและปลอดภัยสำหรับทุกชีวิต
เพื่อให้การแก้ปัญหาเป็นไปอย่างรอบคอบ ยุติธรรม และไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง สามารถ สาเล็ม จึงได้เสนอแนวทางปฏิบัติเร่งด่วน 3 ข้อ ดังนี้:
- การช่วยเหลือทางมนุษยธรรมต้องมาก่อน (ด่วนที่สุด)
อพยพ: ต้องเร่งนำคนที่ตกค้างในศูนย์พักพิงชั่วคราวและตามบ้านเรือนในตำบลคูเต่าออกมายังที่ปลอดภัยโดยทันที
เสบียงชีพ: หากยังอพยพไม่ได้ ต้องนำอาหาร น้ำดื่ม นมผงสำหรับเด็ก และน้ำมันเบนซิน (สำหรับเติมเรือชาวบ้าน) เข้าไปส่งมอบหรือหย่อนทางอากาศให้ทั่วถึงโดยเร็วที่สุด
- ต้องอพยพคนก่อนระเบิดทาง
หากมีความจำเป็นทางยุทธศาสตร์น้ำที่จะต้องระเบิดถนนลพบุรีราเมศวร์หรือถนนสายใดก็ตาม “เงื่อนไขที่ขาดไม่ได้” คือต้องทำการอพยพประชาชนนับหมื่นคนในตำบลคูเต่าออกจากพื้นที่เสี่ยงภัยให้หมดสิ้นเสียก่อน การระเบิดถนนโดยที่คนยังอยู่เต็มพื้นที่ปลายน้ำ คือโศกนาฏกรรมที่รัฐบาลและทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องต้องไม่ยอมรับให้เกิดขึ้น
- แก้ที่ต้นตอ: เปิดปากทะเลสาบสงขลา
ทางออกของน้ำจากทะเลสาบสงขลาสู่ทะเลอ่าวไทยมีเพียงทางเดียว คือบริเวณรอยต่อระหว่าง ต.บ่อยาง อ.เมือง และ ต.หัวเขา อ.สิงหนคร
ปัจจุบันจุดระบายน้ำนี้แคบลงอย่างมาก เนื่องจากมี “เขื่อนท่าเรือน้ำลึกปากทะเลสาบสงขลา”
มีการอ้างอิงข้อมูลจากภาคประชาสังคมโดยคุณปรีชา สุขเกษม ที่เคยระบุว่า เขื่อนดังกล่าวมีคำสั่งศาลให้รื้อถอน แต่หน่วยงานรัฐกลับละเลย จึงขอเรียกร้องให้ดำเนินการรื้อถอนเขื่อนปากทะเลสาบสงขลาตามคำสั่งศาลโดยด่วน เพื่อเปิดทางให้น้ำระบายออกสู่ทะเลได้รวดเร็วขึ้น แทนการแก้ปัญหาที่ปลายเหตุ ด้วยการระเบิดถนนซึ่งจะสร้างความเสียหายแก่ชีวิตประชาชน
สามารถ สาเล็ม ทิ้งท้ายด้วยการเรียกร้องให้คนไทยทุกคนและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องคำนึงถึงความยุติธรรม โดยระบุว่า “เราคนไทยด้วยกัน โปรดอย่าแก้ปัญหาที่หนึ่ง ด้วยการสร้างหายนะให้อีกที่หนึ่ง ขอให้ทุกชีวิตรอดปลอดภัยไปด้วยกัน”
การเรียกร้องให้พิจารณาการ “เปิดปากทะเลสาบสงขลา” จึงเป็นข้อเสนอสำคัญที่มุ่งเน้นการแก้ไขปัญหาที่ โครงสร้างการระบายน้ำในภาพรวม แทนการแก้ปัญหาเฉพาะหน้าด้วยวิธีการที่อาจส่งผลกระทบต่อชีวิตคนปลายน้ำ
อ้างอิง :