‘โลกเดือด’ คุกคามแรงงาน 2.4 ล้านคน เสี่ยงตายจากอากาศร้อนจัด

Silhouette of engineer and construction team working safely work load concrete on scaffolding on high rise building. over blurred background sunset pastel for industry background with Light fair

สถาบันส่งเสริมความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงาน เตือนภัย “ภาวะโลกเดือด” กระทบความปลอดภัยแรงงานทั่วโลก แนะใช้ AI และ Healthy Workplace ยกระดับสุขภาวะการทำงาน

นายนันทชัย ปัญญาสุรฤทธิ์ ผู้อำนวยการสถาบันส่งเสริมความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงาน (สสปท.) เปิดเผยเนื่องในวันความปลอดภัยแห่งชาติ 10 พฤษภาคม ว่า ภาวะโลกร้อน หรือ “ภาวะโลกเดือด” กำลังส่งผลกระทบรุนแรงต่อความปลอดภัยและสุขภาพของแรงงานทั่วโลก ตามรายงานขององค์การอุตุนิยมวิทยาโลก (WMO) และเวิลด์อีโคโนมิกฟอรั่ม (WEF) คาดการณ์ว่า ปี 2568 จะเป็นปีที่โลกมีอุณหภูมิสูงที่สุดเป็นประวัติการณ์ ส่งผลกระทบโดยตรงต่อสภาพการทำงานของแรงงานทั่วโลก

องค์การแรงงานระหว่างประเทศ (ILO) ระบุว่า ในปี 2567 มีแรงงานมากกว่า 2,400 ล้านคนทั่วโลก ต้องเผชิญกับสภาพอากาศร้อนจัดขณะทำงาน ซึ่งส่งผลกระทบต่อทั้งร่างกายและจิตใจ นอกจากนี้ ภาวะโลกร้อนยังก่อให้เกิดภัยพิบัติทางธรรมชาติ เช่น แผ่นดินไหว ซึ่งถึงแม้จะไม่ใช่สาเหตุโดยตรง แต่ก็เป็นผลจากความเปลี่ยนแปลงของระบบนิเวศและสมดุลของโลกที่รุนแรงขึ้น

นายนันทชัย กล่าวต่อว่า ในรอบปีที่ผ่านมา มีแรงงานทั่วโลกเสียชีวิตจากการทำงานมากกว่า 2.9 ล้านคน และบาดเจ็บจากการทำงานถึง 395 ล้านคน โดยเฉพาะกลุ่มแรงงานที่ทำงานกลางแจ้ง หรือบนท้องถนน ซึ่งเป็นกลุ่มเปราะบางที่ได้รับผลกระทบจากวิกฤตโลกร้อนมากที่สุด การนำมาตรการด้านความปลอดภัยและอาชีวอนามัยมาใช้เพื่อป้องกันการบาดเจ็บจากความร้อนในสถานที่ทำงาน สามารถช่วยประหยัดงบประมาณได้ถึง 360,000 ล้านเหรียญสหรัฐต่อปี ตามข้อมูลของ World Academic Forum

ทั้งนี้ รายงานจาก World Academic Forum ยังระบุว่า ในอีก 10 ปีข้างหน้า แรงงานราว 1,200 ล้านตำแหน่ง หรือคิดเป็น 40% ของแรงงานทั่วโลก จะเผชิญความเสี่ยงจากความเสื่อมโทรมของสิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะแรงงานในประเทศกำลังพัฒนา เช่น ประเทศไทย ซึ่งต้องทำงานภายใต้ความเครียดและสภาพอากาศร้อนจัดจนอาจกระทบต่อประสิทธิภาพการทำงาน สสปท. จึงเสนอแนวคิด “Healthy Workplace: สุขภาวะดี ในทุกที่ทำงาน” เพื่อส่งเสริมสภาพแวดล้อมการทำงานที่เหมาะสม พร้อมผลักดันการวิจัยและพัฒนามาตรการปกป้องแรงงานจากผลกระทบของภาวะโลกร้อน

อัคคีภัยและอุบัติเหตุในโรงงานอุตสาหกรรม: ปัญหาที่ต้องเร่งแก้ไข

นายนันทชัย ยังให้ความสำคัญกับปัญหาอุบัติเหตุและอุบัติภัยในสถานที่ทำงาน โดยเฉพาะอัคคีภัย ซึ่งเป็นภัยพิบัติที่พบได้บ่อยในโรงงานอุตสาหกรรม ตามข้อมูลจากกรมโรงงานอุตสาหกรรม ในปี 2567 เกิดอัคคีภัยในโรงงานถึง 107 ครั้ง คิดเป็น 75% ของอุบัติเหตุทั้งหมด โดยในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา (2565-2567) อัคคีภัยในโรงงานมีอัตราการเกิดสูงสุดในรอบ 8 ปี นอกจากนี้ อุบัติเหตุจากการรั่วไหลของสารเคมีก็มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น โดยในปี 2567 เกิดขึ้น 19 ครั้ง คิดเป็น 3% ของอุบัติเหตุทั้งหมดในโรงงาน

เทคโนโลยี AI และระบบอัตโนมัติ: โอกาสและความท้าทาย

สสปท. อยู่ระหว่างการศึกษาประเด็นการใช้ระบบอัตโนมัติและเทคโนโลยี เช่น หุ่นยนต์และปัญญาประดิษฐ์ (AI) ซึ่ง ILO ให้ความสำคัญอย่างมาก เทคโนโลยีเหล่านี้มีส่วนช่วยเพิ่มความปลอดภัยในสถานที่ทำงานโดยลดการสัมผัสกับงานอันตราย อย่างไรก็ตาม การนำเทคโนโลยีดังกล่าวมาใช้ อาจนำไปสู่ผลกระทบทางสังคม เช่น การเลิกจ้างงานที่เพิ่มสูงขึ้น ซึ่งเป็นประเด็นที่ต้องพิจารณาควบคู่กัน

นายนันทชัย เน้นย้ำว่า การรับมือกับความท้าทายจากภาวะโลกเดือดและอุบัติภัยในสถานที่ทำงาน ต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วน เพื่อสร้างสภาพแวดล้อมการทำงานที่ปลอดภัยและยั่งยืน พร้อมทั้งใช้เทคโนโลยีอย่างสมดุลเพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของแรงงานทั่วโลก

Related posts

อีก 27 ล้านไร่ เพิ่ม ‘พื้นที่ป่า’ 40% ภายในปี 2579

เปิดภาพ ‘ขยะทะเล’ ภัยร้ายทะเลไทย คุกคามสัตว์ทะเล-แนวปะการัง

วิกฤต ‘ทะเลแคสเปียน’ แมวน้ำ-ปลาสเตอร์เจียน เสี่ยงสูญพันธุ์