Part 3 อย่าวาดภาพอนาคตเลวร้าย
การดับทุกข์ด้วยการปล่อยวางความคิดว่า มันไม่แฟร์ มันไม่ยุติธรรม เป็นปล่อยวางอันดับแรก พระไพศาล บอกว่า การปล่อยวางประการต่อมาคือ ปล่อยวางภาพอนาคต คนเรามีความสามารถในการคาดการณ์ แต่ถ้าเราคาดการณ์ภาพอนาคตไปในทางที่เลวร้ายมากไป และจมอยู่กับภาพภาพลบภาพนั้นเราจะแย่
คุณป้าคนหนึ่งอายุ 70 แกป่วยไม่ทราบว่าเป็นอะไร เข้าโรงพยาบาลหลายครั้ง สุดท้ายหมอบอกว่าป้าเป็นมะเร็งตับอยู่ได้ไม่เกิน 3 เดือน แกช็อกเลยนะ กลับไปบ้านแกก็ซึมเศร้า เสื้อผ้าหน้าผมไม่สนใจ กินไม่ได้นอนไม่หลับสุดท้ายแกอยู่ได้ 12 วันก็เสียชีวิต
ถามว่า ทำไมแกตายเร็วกว่าที่หมอพยากรณ์ คนไข้บางคนหมอบอกว่า อยู่ได้ 3 เดือนหรือไม่เกิน 3 เดือน สามารถอยู่ได้ถึง 3 ปี หรือ 6 ปีแต่ทำไมคุณป้าคนนี้อยู่ได้แค่ 12 วัน เพราะโรคมันลามเร็วไปหรือเปล่า มันไม่ลามเร็วหรอก 12 วัน แต่คุณป้าเสียชีวิตเร็วเพราะแกกังวล
แกวิตกเพราะแกคิดไปถึงภาพอนาคตว่า ถ้าฉันตายลูกจะอยู่ยังไง ใครจะดูแลหลานและบางทีนึกถึงภาพความตาย จิตใจก็เกิดความตื่นตระหนก ห่อเหี่ยว ทั้งหมดที่คุณป้าแกวาดภาพไว้ยังไม่เกิดเลย แต่เพราะใจแกไปจมอยู่กับภาพที่วาดเอาไว้ด้วยการคาดการณ์ว่าจะเกิดขึ้นในอนาคต
จะดีกว่าไหมถ้าเราวางภาพอนาคตไว้ก่อน เพราะสิ่งที่เราวาดเอาไว้อาจจะไม่เกิดขึ้นก็ได้ ประสบการณ์ของเราตั้งแต่เด็กจนโตจนมีอายุมากเราคงพบว่า หลายครั้งบางทีเราคาดการณ์เกี่ยวกับอนาคต แล้วพอถึงเวลาจริงมันไม่ได้เป็นไปอย่างที่เราคิด มันไม่เกิดขึ้น หรือไม่ได้เลวร้ายอย่างที่เราวาดภาพเอาไว้
…จะดีกว่าไหมถ้าเรามาอยู่กับปัจจุบัน และทำปัจจุบันให้ดีที่สุด
อยู่กับปัจจุบันและทำปัจจุบันให้ดีที่สุด
มีผู้ชายคนหนึ่งอายุ 40 แกเป็นมะเร็งที่ไตและมันก็ลุกลามจนกระทั่งแกเริ่มปวด แกมารักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลเพราะแกอยากดูแลแบบระยะสุดท้าย แต่แม้แกจะปวดยังไงแกเป็นคนที่อารมณ์ดี แกจะเปิดประตูห้องเพื่อรับลมจากระเบียง เวลาใครเดินผ่านห้อง แกก็จะทักทาย เวลาหมอมาเยี่ยมแกก็จะพูดเรื่องความเจ็บปวด
แต่ทุกครั้งที่พูดถึงความเจ็บปวด แกจะพูดไปหัวเราะไปอารมณ์แกดี แกคุยหยอกล้อภรรยา บางทีก็หัวเราะจนน้ำหูน้ำตาไหล แกไม่ได้เสแสร้งนะ หมอถามคนไข้คนนี้ว่า ทำไมคุณอารมณ์ดีชอบหัวเราะทั้งที่โรคก็รักษาไม่หายและทั้งที่รู้ว่าอีกไม่นานก็จะเสียชีวิต
แกตอบดีเพราะว่าผมไม่มีทางเลือก ในเมื่อโรคมันรักษาไม่หาย ในเมื่อผมจะต้องตายในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า จะให้ผมทำยังไงในเมื่อผมจะมีชีวิตอยู่ได้อีกไม่นาน จะให้ผมโศกเศร้าเหรอ ในเมื่อเวลาผมมันเหลือน้อย ผมจึงเลือกที่จะใช้ชีวิตที่เหลือให้มันสนุกและให้มีความสุข
แกไม่สนใจเรื่องความตาย แต่แกก็รู้ว่าเวลาแกเหลือน้อยและแกก็เลือกที่จะใช้ชีวิตในทุกวันให้มีความสุข ใช้ให้มันสนุกที่สุด สนุกก็คือพูดคุยหยอกล้อ อันนี้เขาเรียกว่า ปล่อยวางอนาคต คือไม่สนใจ รู้อยู่นะว่ามีเวลาอีกไม่นาน แต่ว่าใส่ใจกับวันทุกวัน ใช้ชีวิตให้มันสนุก และมีความสุขที่สุด
.
คุณยายคนหนึ่งแกเป็นเบาหวานและตอนหลังไตก็เริ่มวาย อายุ 88 วันหลังก็เป็นมะเร็งที่กระเพาะปัสสาวะระยะลุกลาม แต่แกไม่รู้นะ แกก็มาหาหมอ หมอก็ให้การดูแลแบบประคับประคอง เวลาหมอมาเยี่ยมแกก็จะถามว่าเมื่อไหร่ฉันจะตายสักที มาทีไรก็ถามว่าเมื่อไหร่ฉันจะตายสักที
ใจแกนึกถึงแต่เรื่องความตาย หมอพูดดี บอกว่าคุณยายเคยขึ้นรถไฟใช่ไหม จะขึ้นรถไฟก็ต้องรอที่ชานชลา แต่ถ้ารถไฟยังไม่มาเราจะมัวแต่ชะเง้อมองแต่หารถไฟเหรอ เราไม่รู้ว่าจะต้องชะเง้อมองหารถไฟนานเท่าไหร่ เมื่อยแย่เลย ทำไมเราไม่เตรียมตัวเตรียมใจเพื่อพร้อมขึ้นรถไฟ แล้วก็หาอะไรสนุกๆ ทำ
แทนที่จะมองว่าเมื่อไหร่รถไฟจะมา ระหว่างที่รอก็ทำอะไรที่มันสนุกๆ คุยกับหลาน สวดมนต์ ทำบุญหรือไม่ก็คุยสนุกๆ กับหมอ…จากนั้นคุณยายก็เลยมีชีวิตชีวา
นี่เป็นวิธีที่จะช่วยให้เราปล่อยวางภาพอนาคต ด้วยการที่เราหันมาอยู่กับปัจจุบันและทำปัจจุบันให้ดีที่สุด อย่าไปสนใจว่าข้างหน้าจะเป็นยังไง ถ้าวันนี้เรายังมีแรง มีกำลัง เราก็ใช้หรือใช้ชีวิตในวันนี้ให้มีความสุขที่สุด ทำสิ่งดีๆ ที่มีคุณค่า