เปิดภาพ ‘ขยะทะเล’ ภัยร้ายทะเลไทย คุกคามสัตว์ทะเล-แนวปะการัง

เจ้าหน้าที่อุทยานลุยเก็บขยะทะเลเกาะพีพีเล

เจ้าหน้าที่อุทยาน ลุยเก็บ “ขยะทะเล” เกาะพีพี ลดภัยเงียบที่อาจคุกคามชีวิตสัตว์ทะเลหายาก จากสถิติพบว่า ในปี 2560 ประเทศไทยปล่อยขยะพลาสติกลงสู่ทะเลประมาณ 1.03 ล้านตันต่อปี

ภาพของเจ้าหน้าที่หน่วยพิทักษ์อุทยานแห่งชาติที่ พพ.5 (อ่าวมาหยา) ร่วมกับ ทีมเรือผู้ประกอบการจากบริษัทดีเดย์ ร่วมกันเก็บขยะลอยน้ำ ที่พัดเข้ามายังบริเวณ อ่าวมาหลง เกาะพีพีเล อันเนื่องมาจากผลกระทบของคลื่นลมแรงในช่วงมรสุม เพื่อป้องกันไม่ให้ตกค้างในทะเล และเป็นอันตรายต่อสัตว์ทะเลในพื้นที่ สะท้อนให้เห็นถึงวิกฤตด้านสิ่งแวดล้อม

ดังนั้น การเก็บขยะในทะเล…ไม่ใช่แค่เรื่องความสะอาด แต่คือการลดภัยเงียบที่อาจคุกคามชีวิตสัตว์ทะเลหายาก และแนวปะการังในระยะยาว

เจ้าหน้าที่อุทยานลุยเก็บขยะทะเล เกาะพีพีเล

ขยะทะเลในประเทศไทย: ปัญหาสิ่งแวดล้อมที่ต้องแก้ไขอย่างครอบคลุม

ขยะทะเลเป็นหนึ่งในวิกฤตสิ่งแวดล้อมที่ประเทศไทยเผชิญอยู่ในปัจจุบัน ด้วยแนวชายฝั่งที่ทอดยาวกว่า 3,219 กิโลเมตร ครอบคลุมทั้งฝั่งอ่าวไทยและทะเลอันดามัน ประเทศไทยมีทรัพยากรทางทะเลที่อุดมสมบูรณ์และเป็นจุดหมายปลายทางของนักท่องเที่ยวทั่วโลก อย่างไรก็ตาม ปัญหาขยะทะเลกำลังคุกคามความสมดุลของระบบนิเวศ วิถีชีวิตของชุมชนชายฝั่ง และเศรษฐกิจของประเทศ บทความนี้จะเจาะลึกถึงสาเหตุ ผลกระทบ ความพยายามในการแก้ไข และแนวทางที่ทุกคนสามารถมีส่วนร่วมในการจัดการปัญหานี้

ขนาดและสาเหตุของปัญหาขยะทะเลในประเทศไทย

ประเทศไทยถูกจัดให้เป็นหนึ่งในห้าประเทศที่มีการปล่อยขยะพลาสติกลงสู่มหาสมุทรสูงสุดในโลก จากข้อมูลของ Ocean Conservancy ในปี 2560 ประเทศไทยปล่อยขยะพลาสติกลงสู่ทะเลประมาณ 1.03 ล้านตันต่อปี ขยะเหล่านี้ส่วนใหญ่เป็นพลาสติกที่ย่อยสลายยาก เช่น ถุงพลาสติก ขวดน้ำ หลอด ฝาขวด และโฟม รวมถึงขยะจากอุตสาหกรรมประมง เช่น อวน ตาข่าย และทุ่นที่ถูกทิ้งไว้ในทะเล

สาเหตุหลักของปัญหาขยะทะเล

การจัดการขยะที่ขาดประสิทธิภาพ 

  • ระบบการจัดการขยะในประเทศไทยยังไม่ครอบคลุมทุกพื้นที่ โดยเฉพาะในชุมชนชายฝั่งและเกาะเล็กๆ ที่ขาดโครงสร้างพื้นฐานในการเก็บและกำจัดขยะอย่างเหมาะสม
  • ขยะจำนวนมากถูกทิ้งลงในแม่น้ำและลำคลอง ซึ่งไหลลงสู่ทะเล โดยเฉพาะในช่วงฤดูฝน
  • การฝังกลบและเผาขยะแบบไม่ถูกวิธีทำให้ขยะบางส่วนหลุดรอดออกสู่สิ่งแวดล้อม

การบริโภคพลาสติกที่สูง 

  • คนไทยใช้ถุงพลาสติกเฉลี่ย 8 ใบต่อคนต่อวัน ซึ่งสูงกว่าค่าเฉลี่ยโลกถึง 2-3 เท่า
  • วัฒนธรรมการซื้ออาหารและเครื่องดื่มแบบห่อกลับบ้าน (takeaway) ที่นิยมใช้บรรจุภัณฑ์พลาสติกและโฟม ทำให้เกิดขยะจำนวนมาก
  • การขาดความตระหนักในการลดใช้พลาสติกและการคัดแยกขยะในหมู่ประชาชนทั่วไป

เจ้าหน้าที่อุทยานลุยเก็บขยะทะเลเกาะพีพีเล

การท่องเที่ยวที่ไม่ยั่งยืน 

  • แหล่งท่องเที่ยวชายหาดยอดนิยม เช่น เกาะพีพี เกาะสมุย เกาะเต่า และพัทยา มีปริมาณขยะจากนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะขยะจากขวดน้ำ หลอด และถุงพลาสติก
  • การขาดการควบคุมและการให้ความรู้แก่นักท่องเที่ยวเกี่ยวกับการจัดการขยะทำให้ปัญหายิ่งทวีความรุนแรง
  • อุตสาหกรรมประมงและการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ
  • อุปกรณ์ประมง เช่น อวนและทุ่น ที่ชำรุดหรือถูกทิ้งลงในทะเลเป็นสาเหตุสำคัญของขยะทะเล
  • การเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำในบางพื้นที่ก่อให้เกิดขยะจากวัสดุที่ใช้ เช่น ขวดพลาสติกและโฟมที่ใช้ทำทุ่น

การเปลี่ยนแปลงของกระแสน้ำและสภาพอากาศ 

  • กระแสน้ำในมหาสมุทรพัดพาขยะจากประเทศอื่นมาสู่ชายฝั่งไทย โดยเฉพาะในช่วงมรสุม
  • พายุและน้ำท่วมช่วยเร่งการเคลื่อนย้ายขยะจากแผ่นดินลงสู่ทะเล
เจ้าหน้าที่อุทยานลุยเก็บขยะทะเลเกาะพีพีเล

ผลกระทบของขยะทะเล

ผลกระทบต่อระบบนิเวศ

  • การทำลายชีวิตสัตว์ทะเล: สัตว์ทะเล เช่น เต่าทะเล วาฬ และนกทะเล มักกินขยะพลาสติกโดยเข้าใจว่าเป็นอาหาร ส่งผลให้เกิดการอุดตันในระบบย่อยอาหาร บาดเจ็บ หรือเสียชีวิต ตัวอย่างเช่น ในปี 2561 มีรายงานเต่าทะเลในประเทศไทยตายจากการกินถุงพลาสติกที่ลอยอยู่ในทะเล
  • ไมโครพลาสติก: ขยะพลาสติกที่ย่อยสลายเป็นอนุภาคขนาดเล็ก (ไมโครพลาสติก) ถูกกินโดยสัตว์ทะเลขนาดเล็ก เช่น แพลงก์ตอน และสะสมในห่วงโซ่อาหาร
  • การทำลายแหล่งที่อยู่อาศัย: ขยะขนาดใหญ่ เช่น อวนประมง สามารถทำลายปะการังและแหล่งที่อยู่อาศัยของสัตว์ทะเลอื่นๆ นอกจากนี้ อวนที่ถูกทิ้งยังก่อให้เกิด “ghost fishing” ซึ่งเป็นการดักจับสัตว์ทะเลโดยไม่ตั้งใจ

เจ้าหน้าที่อุทยานลุยเก็บขยะทะเลเกาะพีพีเล

ผลกระทบต่อมนุษย์

  • สุขภาพ: ไมโครพลาสติกที่สะสมในห่วงโซ่อาหารสามารถเข้าสู่ร่างกายมนุษย์ผ่านการบริโภคอาหารทะเล ซึ่งอาจก่อให้เกิดปัญหาสุขภาพในระยะยาว เช่น การรบกวนระบบฮอร์โมนหรือการสะสมของสารเคมีอันตราย
  • วิถีชีวิตชุมชน: ชุมชนชายฝั่งที่พึ่งพาการประมงและการท่องเที่ยวได้รับผลกระทบจากขยะที่ลดปริมาณสัตว์น้ำและทำลายภาพลักษณ์ของแหล่งท่องเที่ยว
  • ความปลอดภัย: ขยะในทะเล เช่น เศษแก้วหรือเข็มฉีดยา อาจก่อให้เกิดอันตรายต่อนักท่องเที่ยวและชาวประมง

ผลกระทบต่อเศรษฐกิจ

  • อุตสาหกรรมท่องเที่ยว: ขยะที่เกลื่อนชายหาดและทะเลทำให้แหล่งท่องเที่ยวสูญเสียความน่าสนใจ ส่งผลกระทบต่อรายได้ของธุรกิจท้องถิ่นและภาพลักษณ์ของประเทศไทยในฐานะจุดหมายปลายทางการท่องเที่ยว
  • อุตสาหกรรมประมง: การลดลงของปริมาณสัตว์น้ำเนื่องจากขยะและมลพิษส่งผลกระทบต่อรายได้ของชาวประมง
  • ค่าใช้จ่ายในการจัดการ: รัฐบาลและหน่วยงานท้องถิ่นต้องใช้เงินจำนวนมากในการเก็บขยะและฟื้นฟูชายหาด ซึ่งเป็นภาระงบประมาณ

อ้างอิง :

Related posts

อีก 27 ล้านไร่ เพิ่ม ‘พื้นที่ป่า’ 40% ภายในปี 2579

‘โลกเดือด’ คุกคามแรงงาน 2.4 ล้านคน เสี่ยงตายจากอากาศร้อนจัด

วิกฤต ‘ทะเลแคสเปียน’ แมวน้ำ-ปลาสเตอร์เจียน เสี่ยงสูญพันธุ์