วิกฤต ‘แม่น้ำกก-แม่น้ำโขง’ ปลาติดเชื้อพุ่ง สารพิษล้น

แม่น้ำกกและแม่น้ำโขง เผชิญมลพิษรุนแรง สารหนู-โลหะหนักปนเปื้อน ปลาป่วยหนัก ชาวประมงเดือดร้อน ขาดรายได้ เรียกร้องรัฐเร่งแก้ไขและปิดเหมืองต้นตอปัญหา 

จากข้อมูลของสมาคมแม่น้ำเพื่อชีวิต พบว่า ปลาในแม่น้ำกก แม่น้ำสาย แม่น้ำรวก และแม่น้ำโขง โดยเฉพาะปลาแค้และปลากด มีอาการผิดปกติ เช่น มีตุ่มพุพองบนผิว ซึ่งบ่งชี้ถึงการติดเชื้อที่รุนแรงขึ้นในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา (เมษายน-พฤษภาคม 2568) การติดตามสถานการณ์โดยสมาคมฯ พบว่า จำนวนปลาที่มีอาการผิดปกติเพิ่มมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในแม่น้ำกกและแม่น้ำโขง ส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของชุมชนในจังหวัดเชียงราย โดยเฉพาะชาวประมงที่พึ่งพาแม่น้ำในการดำรงชีวิต

ผลการตรวจวัดคุณภาพน้ำโดยกรมประมงและห้องปฏิบัติการกลางจังหวัดเชียงใหม่ 3 ครั้ง ดังนี้

1.ครั้งที่ 1 (11 เมษายน 2568) บริเวณหลังฝายเชียงราย พบสารหนู 0.013 มก./กก. และสารปรอท 0.09 มก./กก.

2.ครั้งที่ 2 (28 เมษายน 2568) แม่น้ำโขง อ.เชียงแสน พบสารปรอท 0.14 มก./กก. และสารตะกั่ว 0.05 มก./กก.

3.ครั้งที่ 3 (1-2 พฤษภาคม 2568)

  • จุดโป่งนาคำ พบสารปรอท 0.054 มก./กก. และสารตะกั่ว 0.11 มก./กก. ในปลากินเนื้อ
  • ฝายเชียงราย พบสารปรอท 0.089 มก./กก. ในปลากินเนื้อ
  • แม่น้ำกก ต.เวียง อ.เชียงแสน พบสารปรอท 0.13 มก./กก. ในปลากินเนื้อ

ถึงแม้ว่าผลการตรวจสารโลหะหนักในตัวปลาจะยังไม่เกินเกณฑ์มาตรฐานที่เป็นอันตรายต่อมนุษย์ แต่การพบสารปนเปื้อนในน้ำเกินมาตรฐาน และการติดเชื้อในปลาได้สร้างความกังวลอย่างมาก ทำให้ผู้บริโภคขาดความเชื่อมั่น ส่งผลให้ชาวประมงในพื้นที่ เช่น บ้านสบคำ ต.เวียง อ.เชียงแสน ไม่สามารถจำหน่ายปลาได้ตามปกติ รายได้ลดลงอย่างรุนแรง

ปลาในแม่น้ำกกได้รับสารพิษ

นายบุญสุข สุวรรณดี ชาวประมงบ้านสบคำ กล่าวว่า แม่ค้าปิดโทรศัพท์ ไม่ยอมซื้อปลา ชาวบ้านที่พึ่งพาแม่น้ำกก แม่น้ำคำ แม่น้ำรวก และแม่น้ำโขงเดือดร้อนหนัก ต้องไปหาปลาในหนองหรือหลงแทน อยากเรียกร้องให้หน่วยงานรัฐเข้ามาช่วยเหลือ เช่น พัฒนาแหล่งน้ำหรือปล่อยปลาเพื่อสร้างแหล่งอาหารทดแทน

ผลการตรวจวัดตะกอนดินโดยกรมควบคุมมลพิษ (คพ.)

กรมควบคุมมลพิษ (คพ.) ได้เก็บตัวอย่างตะกอนดินครั้งที่ 3 (พฤษภาคม 2568) ในแม่น้ำกก ลำน้ำสาขา (แม่น้ำฝาง กรณ์ ลาว สรวย สาย) และแม่น้ำโขง สรุปผลดังนี้:

แม่น้ำกก (KK01-KK15) 

  • สารหนู เกินมาตรฐานคุณภาพตะกอนดินทุกจุด โดย 13 จุดเกินระดับที่อาจกระทบสัตว์หน้าดิน แต่ไม่เป็นอันตรายต่อมนุษย์ และ 2 จุด (สะพานสองดินแดนบ้านแม่สลัก KK03 และสะพานเฉลิมพระเกียรติ 1 อ.เมือง KK09) เกินระดับที่อาจเป็นอันตรายต่อสุขภาพมนุษย์หากบริโภคปลาจำนวนมากเป็นประจำ
  • ตะกั่ว เกินระดับที่อาจกระทบสัตว์หน้าดินในบางจุด (KK03, KK04, KK09) แต่ไม่เป็นอันตรายต่อมนุษย์
  • โลหะหนักอื่นๆ เช่น นิกเกิล ทองแดง โครเมียม แคดเมียม เกินระดับที่อาจกระทบสัตว์หน้าดินในบางจุด

ลำน้ำสาขา 

  • แม่น้ำฝาง (FA01) พบสารหนู นิกเกิล โครเมียม เกินระดับที่อาจกระทบสัตว์หน้าดิน
  • แม่น้ำกรณ์ (KO01) พบสารหนู นิกเกิล ทองแดง โครเมียม เกินระดับที่อาจกระทบสัตว์หน้าดิน
  • แม่น้ำลาว (LA01) พบสารหนู นิกเกิล โครเมียม เกินระดับที่อาจกระทบสัตว์หน้าดิน
  • แม่น้ำสรวย (SU01) พบนิกเกิล โครเมียม เกินระดับที่อาจกระทบสัตว์หน้าดิน
  • แม่น้ำสาย (SA01-SA03) พบสารหนูเกินระดับที่อาจเป็นอันตรายต่อสัตว์หน้าดินและสุขภาพมนุษย์หากบริโภคปลาจำนวนมาก

แม่น้ำโขง (NK01-NK02) 

  • สารหนู ครั้งที่ 2 (เมษายน 2568) เกินระดับที่อาจกระทบสัตว์หน้าดิน ครั้งที่ 3 (พฤษภาคม 2568) เกินระดับที่อาจเป็นอันตรายต่อสุขภาพมนุษย์ โดยเฉพาะบริเวณบ้านสบกก ต.บ้านแซว อ.เชียงแสน (94 มก./กก.)
  • โลหะหนักอื่นๆ เช่น ตะกั่ว นิกเกิล ทองแดง โครเมียม เกินระดับที่อาจกระทบสัตว์หน้าดินในบางจุด

ผลการตรวจคุณภาพน้ำ

ผลการตรวจวัดตะกอนดินครั้งที่ 2 และ 3 แสดงให้เห็นว่า ในฤดูน้ำหลาก กระแสน้ำที่ไหลเร็วชะล้างตะกอนจากต้นน้ำลงสู่ลำน้ำมากขึ้น ทำให้สารหนูและโลหะหนักกระจายในชั้นตะกอนตื้นทั่วลำน้ำ โดยเฉพาะบริเวณก่อนและหลังฝายเชียงราย การตกตะกอนหน้าฝายช่วยลดปริมาณสารปนเปื้อนที่ไหลไปกับน้ำได้บางส่วน แต่ในครั้งที่ 3 พบความขุ่นของน้ำสูงขึ้น ส่งผลให้ตะกอนปนเปื้อนสารหนูและโลหะหนักสะสมมากขึ้น คพ. อยู่ระหว่างทดสอบการตกตะกอนของสารแขวนลอยเพื่อหาแนวทางลดปริมาณโลหะหนักในน้ำ และจะตรวจสอบผลตะกอนดินหลังจุดบรรจบแม่น้ำกกและแม่น้ำโขงเพิ่มเติมเพื่อยืนยันแนวโน้ม

การดำเนินงานของสมาคมแม่น้ำเพื่อชีวิต

สมาคมแม่น้ำเพื่อชีวิต นำโดยนายสมเกียรติ เขื่อนเชียงสา ได้ลงพื้นที่เก็บตัวอย่างปลาจากแม่น้ำกกและแม่น้ำโขงเพื่อตรวจสอบเชิงวิทยาศาสตร์ หาสาเหตุการติดเชื้อและวิเคราะห์สารปนเปื้อน โดยสันนิษฐานว่าสารพิษอาจมาจากเหมืองในพื้นที่ต้นน้ำ สมาคมฯ เรียกร้องให้มีการเจรจาปิดเหมืองที่อาจเป็นต้นตอของปัญหาอย่างถาวร พร้อมผลักดันข้อมูลทางวิทยาศาสตร์เพื่อสนับสนุนข้อเรียกร้องต่อรัฐบาล

นายสมเกียรติระบุว่า “ปัญหานี้ไม่ใช่แค่เรื่องปลา แต่เป็นเรื่องสิ่งแวดล้อมและความมั่นคงทางอาหารในระยะยาว”

ข้อเรียกร้องและแนวทางแก้ไข

ชาวประมงเรียกร้องให้หน่วยงานรัฐดำเนินการตรวจสอบแหล่งกำเนิดสารพิษอย่างโปร่งใส และพัฒนาแหล่งน้ำหรือปล่อยปลาเพื่อสร้างแหล่งอาหารทดแทน ขณะที่ คพ. กำลังทดสอบวิธีการตกตะกอนสารแขวนลอยเพื่อลดปริมาณโลหะหนัก อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีท่าทีชัดเจนจากหน่วยงานรัฐต่อข้อเรียกร้องปิดเหมือง แต่กระแสกดดันจากภาคประชาชนและองค์กรสิ่งแวดล้อมกำลังเพิ่มสูงขึ้น เพื่อเรียกร้องความรับผิดชอบจากต้นตอของปัญหาและปกป้องสิ่งแวดล้อมและวิถีชีวิตของชุมชนที่พึ่งพาแม่น้ำ

Related posts

AI ช่วยพัฒนา แต่เพิ่มปัญหาสิ่งแวดล้อม ทำคาร์บอนพุ่ง 150% ใน 3 ปี

รีไซเคิลสิ่งทอ ด้วยไฟฟ้าสถิต แก้ปัญหา ‘ขยะเสื้อผ้า’

เบียร์ 23 ชนิดในสหรัฐฯ เจอ ‘สารเคมีตลอดกาล’ ปนเปื้อนมากับน้ำ