กระทรวงอุตสาหกรรม ส่ง “ทีมเต็มเหนี่ยว” บุกสืบ พบโรงงานเถื่อน 2 ราย อาจลอบฝังเคมีอันตรายกว่า 1,800 ลูกบาศก์เมตร ชี้ แมกนีเซียมสูงถึง 48.90%
สมุทรปราการ – 16 ธันวาคม 2568 จากกรณีเกิดเหตุระเบิดของสารเคมีที่ฝังกลบอยู่ในพื้นที่ ต.บางปลา อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ นายธนกร วังบุญคงชนะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ได้สั่งการให้ชุดปฏิบัติการ “เต็มเหนี่ยว” ของกระทรวงอุตสาหกรรม เข้าตรวจสอบพื้นที่อย่างเร่งด่วน
โดย นายฐาปกรณ์ กุลเจริญ เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ได้มอบหมายให้นายธัญญารัตน์ พรหมสุทธิ์ อุตสาหกรรมจังหวัดสมุทรปราการ พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่สำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัดสมุทรปราการ (สอจ.สมุทรปราการ) ร่วมกับ กรมโรงงานอุตสาหกรรม (กอ.รมน.) ตำรวจภูธรบางพลี เจ้าหน้าที่ กอ.รมน.สมุทรปราการ สำนักงานสิ่งแวดล้อมและควบคุมมลพิษที่ 13 (ชลบุรี) สำนักงานพิสูจน์หลักฐาน และเจ้าหน้าที่ท้องถิ่น ลงพื้นที่ตรวจสอบบริเวณพื้นที่โรงงานแห่งหนึ่ง เพื่อระบุชนิดของสารเคมี ต้นตอ และหาวิธีกำจัดอย่างปลอดภัย เนื่องจากเกรงว่าจะมีการระเบิดซ้ำอีก
ทางทีมเต็มเหนี่ยวรายงานว่า แรงระเบิดในครั้งนี้ทำให้เกิดหลุมขนาดใหญ่ และมีการปะทุซ้ำอีกครั้ง ซึ่งมีความรุนแรงกว่าครั้งแรก จนส่งผลให้ผนังของโรงงานที่อยู่ข้างเคียงได้รับความเสียหายจากแรงระเบิดและเปลวไฟความร้อน
จากการตรวจสอบพบว่า พื้นที่เกิดเหตุเป็นของบริษัทเอกชนแห่งหนึ่ง ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ได้สั่งดำเนินคดีตามพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) โรงงานฯ และ พ.ร.บ.วัตถุอันตรายฯ กับผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมดรวมจำนวน 2 ราย และกำลังเร่งหาตัวผู้ลักลอบฝังสารเคมี เพื่อเอาผิดและรับผิดชอบต่อความเสียหายที่เกิดขึ้น
จากการสันนิษฐานเบื้องต้น คาดว่ามีของเสียเคมีที่อาจเป็นวัตถุอันตราย ถูกลักลอบฝังกลบอยู่ใต้ดินในพื้นที่กว้างประมาณ 750 ตารางเมตร โดยมีปริมาณสูงถึง 1,800 ลูกบาศก์เมตร ซึ่งเจ้าหน้าที่ สอจ.สมุทรปราการ ได้เข้าแจ้งความลงบันทึกประจำวันกับสถานีตำรวจในพื้นที่ไว้แล้ว
นอกจากนี้ กรมโรงงานอุตสาหกรรมได้ดำเนินการเก็บตัวอย่างของเสียดังกล่าวส่งวิเคราะห์ความเป็นอันตราย และหากผลการวิเคราะห์เป็นประการใดจะได้ทำการร้องทุกข์กล่าวโทษต่อไป ซึ่งเบื้องต้นได้รับผลทดสอบจากกรมควบคุมมลพิษว่า ของเสียวัตถุเคมีอันตรายดังกล่าวมีค่า แมกนีเซียมสูงถึง 48.90 %
นายฐาปกรณ์ กุลเจริญ เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ได้กล่าวเน้นย้ำว่า “การลักลอบฝังวัตถุเคมี นอกจากจะเป็นภัยต่อสิ่งแวดล้อมแล้ว ยังอาจจะเกิดอันตรายและผลกระทบรุนแรงต่อชุมชน เช่นกรณีนี้ ผู้เกี่ยวข้องไม่ว่าจะเป็นโรงงานผู้ก่อกำเนิด ผู้กำจัดบำบัด และเจ้าของที่ดินล้วนมีความผิดและเลี่ยงความรับผิดชอบไม่พ้น จึงต้องขอความร่วมมือประชาชน หากพบโรงงานมีพฤติกรรมน่าสงสัย หรือผิดสังเกตอาจลักลอบทิ้ง ฝังกากอุตสาหกรรม ขอให้รีบแจ้งไปยังเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้กระทรวงอุตสาหกรรมเข้าตรวจสอบและแก้ไขปัญหาให้ท่านโดยเร็ว”