ยึด ‘ขยะอิเล็กทรอนิกส์’ ปนเปื้อน 256 ตัน สร้างมลพิษสิ่งแวดล้อม

ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) ขยายผลตรวจสอบโรงงานลักลอบครอบครองวัตถุอันตราย และจัดการ “ขยะอิเล็กทรอนิกส์” ผิดกฎหมาย ถึง 256 ตัน ใน จ.พระนครศรีอยุธยา ซึ่งทั้งหมดจัดเป็นวัตถุอันตรายตามกฎหมาย และส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม

กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) ภายใต้การกำกับของ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ได้สั่งการให้หน่วยงานในสังกัด โดยเฉพาะ กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (บก.ปทส.) ดำเนินการตรวจสอบและปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับการจัดการวัตถุอันตรายและขยะอิเล็กทรอนิกส์อย่างเข้มงวด

การปฏิบัติการดังกล่าวนำทีมโดย ว่าที่ พ.ต.ต.บัญชา ศรีตัญญู สารวัตรกองกำกับการ 2 บก.ปทส. พร้อมด้วยชุดปฏิบัติการที่ 1 ร่วมกับเจ้าหน้าที่จากกรมโรงงานอุตสาหกรรม และ สำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัดพระนครศรีอยุธยา เข้าตรวจสอบบริษัทแห่งหนึ่งตั้งอยู่ที่ หมู่ 6 ต.บางปะหัน อ.บางปะหัน จ.พระนครศรีอยุธยา ซึ่งประกอบกิจการคัดแยกวัสดุที่ไม่ใช้แล้วที่ไม่เป็นของเสียอันตราย จากการตรวจสอบ เจ้าหน้าที่ได้ดำเนินการตรวจยึดของกลางที่เกี่ยวข้อง ดังนี้

  • เครื่องจักร ที่ใช้ในการประกอบกิจการโรงงานประเภท 106 ซึ่งมีกำลังเครื่องจักรรวม 536.12 แรงม้า
  • กองกากอุตสาหกรรม ทั้งภายในและภายนอกอาคารโรงงาน รวมถึง ขยะอิเล็กทรอนิกส์, อะไหล่รถยนต์, และ ถังน้ำมันปนเปื้อน ที่พบเก็บไว้บริเวณด้านหลังโรงงาน มีน้ำหนักรวมทั้งสิ้น 256 ตัน

CIB ตรวจสอบโรงงานลักลอบครอบครองขยะอิเล็กทรอนิกส์

พฤติการณ์และที่มาของการตรวจสอบ

เมื่อต้นเดือนพฤษภาคม 2568 เจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.ปทส. ร่วมกับ ตำรวจทางหลวง ส.ทล.2 กก.8 บก.ทล. และ เจ้าหน้าที่อุตสาหกรรมจังหวัดปทุมธานี ได้จับกุมตัว นายศราวุฒิ อายุ 48 ปี ในข้อหา ครอบครองวัตถุอันตรายชนิดที่ 3 โดยไม่ได้รับอนุญาต ตาม พระราชบัญญัติวัตถุอันตราย พ.ศ. 2535 การจับกุมเกิดขึ้นที่บริเวณ กิโลเมตรที่ 16+500 ถนนกาญจนาพิเศษ (ทางหลวงพิเศษ 9) มุ่งหน้าบางนา ต.คลองสี่ อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี โดยของกลางที่ตรวจพบ เป็นชิ้นส่วนอุปกรณ์ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ รวมถึงเศษวัสดุที่มีส่วนประกอบของ ตัวเก็บประจุไฟฟ้า, แบตเตอรี่, สวิทช์ที่มีปรอท, เศษแก้วจากหลอดรังสีแคโทด, และ วัสดุที่มีสารพีซีบี หรือปนเปื้อนด้วย แคดเมียม, ปรอท, ตะกั่ว, และ โพลีคลอริเนทเต็ดไบฟีนิล ซึ่งทั้งหมดจัดเป็นวัตถุอันตรายตามกฎหมาย

จากการสืบสวนขยายผล เจ้าหน้าที่พบว่า ขยะอิเล็กทรอนิกส์ดังกล่าวมีแหล่งที่มาจากบริษัทแห่งหนึ่งใน อ.บางปะหัน จ.พระนครศรีอยุธยา จึงได้ประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อลงพื้นที่ตรวจสอบต่อไป

ผลการขยายผลและการตรวจสอบโรงงาน

จากการตรวจสอบบริษัทในอำเภอบางปะหัน ซึ่งเป็นต้นทางของขยะอิเล็กทรอนิกส์ เจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.ปทส. ร่วมกับเจ้าหน้าที่กรมโรงงานอุตสาหกรรมและสำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัดพระนครศรีอยุธยา พบว่า โรงงานดังกล่าวมี นายสตีเฟ่น ซึ่งดำรงตำแหน่งกรรมการผู้จัดการ เป็นผู้นำตรวจสอบสถานที่ ผลการตรวจสอบพบการกระทำผิดกฎหมายหลายประการ ดังนี้

  • การเก็บวัตถุดิบ ผลิตภัณฑ์ และกากของเสียไว้ภายนอกอาคารโรงงาน ซึ่งเป็นการฝ่าฝืนข้อกำหนดของกฎหมาย
  • การขยายการประกอบกิจการโรงงานโดยไม่ได้รับอนุญาต โดยพบว่ามีการคัดแยก เศษยาง และ เศษพลาสติก รวมถึงการปอกเปลือกสายไฟบริเวณหน้าโรงงาน ซึ่งอยู่นอกพื้นที่ที่ได้รับอนุญาต นอกจากนี้ยังมีการใช้กำลังเครื่องจักรเพิ่มขึ้นจากเดิม 138 แรงม้า โดยไม่ได้รับอนุญาต
  • การประกอบกิจการโรงงานประเภท 106 โดยไม่ได้รับอนุญาต โดยตรวจพบการบดย่อยและร่อนแยกสิ่งปฏิกูลหรือวัสดุที่ไม่ใช้แล้วภายในอาคารโรงงาน เพื่อนำโลหะกลับมาใช้ใหม่ โดยใช้กำลังเครื่องจักรถึง 536.12 แรงม้า
  • การครอบครองวัตถุอันตรายชนิดที่ 3 โดยไม่ได้รับอนุญาต ตามบัญชีที่ 5.2 ของเสียเคมีวัตถุ ตาม ประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม เรื่อง บัญชีรายชื่อวัตถุอันตราย พ.ศ. 2556 โดยพบกากอุตสาหกรรม รวมถึง ขยะอิเล็กทรอนิกส์, อะไหล่รถยนต์, และ ถังน้ำมันปนเปื้อน เก็บไว้ในถุง Big Bag และถัง IBC บริเวณด้านหลังโรงงาน มีน้ำหนักประมาณ 86 ตัน

CIB ตรวจสอบโรงงานลักลอบครอบครองขยะอิเล็กทรอนิกส์

เจ้าหน้าที่กรมโรงงานอุตสาหกรรมและสำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัดพระนครศรีอยุธยาได้ใช้อำนาจตาม พระราชบัญญัติโรงงาน พ.ศ. 2535 และ พระราชบัญญัติวัตถุอันตราย พ.ศ. 2535 ในการยึดอายัดของกลาง ดังนี้

  • เครื่องจักร ที่ใช้ในกิจการโรงงานประเภท 106 กำลังรวม 536.12 แรงม้า
  • กากอุตสาหกรรม รวมถึงขยะอิเล็กทรอนิกส์, อะไหล่รถยนต์, และถังน้ำมันปนเปื้อน น้ำหนักรวม 256 ตัน

นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่ได้จัดทำบันทึกและรวบรวมเอกสารที่เกี่ยวข้องเพื่อส่งมอบให้ พนักงานสอบสวน สภ.บางปะหัน ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

ทั้งนี้ การครอบครองวัตถุอันตรายชนิดที่ 3 เช่น ชิ้นส่วนอุปกรณ์ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ โดยไม่ได้รับอนุญาต ถือเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติวัตถุอันตราย พ.ศ. 2535 ซึ่งมีโทษตามกฎหมาย ผู้ประกอบการและประชาชนทั่วไปควรปฏิบัติตามกฎหมายอย่างเคร่งครัดเพื่อป้องกันผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและสุขภาพของประชาชน

Related posts

คพ.เตือนภัยควันพิษ ‘ไฟไหม้โรงงานเฟอร์นิเจอร์’ ฉลองกรุง 55

ข่าวดี! จีนลดตรวจสาร BY2 ทุเรียนไทย เริ่ม 10 พ.ค. 68

อีก 27 ล้านไร่ เพิ่ม ‘พื้นที่ป่า’ 40% ภายในปี 2579