‘นาซา’ ไขปริศนา ‘ฝุ่นพิษ’ ไทย เผยโฉมตัวการมลพิษที่แท้จริง

Hand holding a magnifying glass to check the air quality for PM 2.5 over smog city from PM2.5 dust on background low visibility city with dangerous haze and fog. health care, pm 2.5 warning

ASIA-AQ โดย “นาซา” เผยข้อมูลลึกซึ้งถึงต้นตอ “ฝุ่นพิษ PM2.5” ในไทย ชี้ การเผาชีวมวลครองแชมป์ภาคเหนือ ขณะที่กรุงเทพฯ เผชิญมลพิษผสมจากอุตสาหกรรมและการจราจร พร้อมเปิดโปงภัยเงียบจากโอโซนระดับพื้นดิน ที่คุกคามสุขภาพคนไทยในระดับสูง เมื่อเทียบกับอาเซียน

โครงการ ASIA-AQ ซึ่งนำโดยองค์การนาซา (NASA) ได้เปิดเผยข้อมูลเชิงลึก เกี่ยวกับ “ฝุ่นพิษ” ในประเทศไทย เพื่อตอบคำถามที่คนไทยสงสัยมานานว่า “ฝุ่นพิษมาจากไหน?” เพราะปัญหานี้ไม่เพียงส่งผลกระทบต่อสุขภาพ ทำให้อายุขัยสั้นลง และอาจก่อให้เกิดอาการผิดปกติที่คาดไม่ถึงเท่านั้น แต่ยังคร่าชีวิตคนจำนวนมากในแต่ละปี การค้นหาคำตอบไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ประเทศไทยได้รับความร่วมมือจากนาซา ซึ่งในเดือนมีนาคม 2567 ได้ส่งเครื่องบิน DC-8 พร้อมอุปกรณ์เก็บข้อมูลฝุ่น บินสำรวจทั่วประเทศไทย

เครื่องบิน DC-8 เริ่มภารกิจจากสนามบินอู่ตะเภา มุ่งหน้าสู่กรุงเทพฯ และเชียงใหม่ โดยผ่านสนามบินดอนเมือง สุโขทัย เชียงใหม่ แพร่ และพิษณุโลก ก่อนกลับสู่อู่ตะเภา การบินจัดขึ้น 2 รอบต่อวัน รวม 4 วัน ในวันที่ 16, 18, 21 และ 25 มีนาคม 2567 โดยบินที่ความสูง 3,000 เมตร และลดระดับลงเหลือ 50 เมตรใกล้สนามบิน เพื่อเก็บข้อมูลฝุ่นครอบคลุมทุกระดับ

นาซาเผยที่มาฝุ่นพิษในประเทศไทย

ผลการวิเคราะห์ “ฝุ่นพิษ”

ดร.จิม ครอว์ฟอร์ด นักวิทยาศาสตร์อาวุโสจากศูนย์วิจัยแลงลีย์ของนาซา ระบุว่า ฝุ่นในประเทศไทย ประกอบด้วย 5 องค์ประกอบหลัก ได้แก่ ละอองลอยอินทรีย์ (Organic Aerosol), ซัลเฟต (Sulfate), แอมโมเนียม (Ammonium), ไนเตรท (Nitrate) และผงฝุ่นเขม่าดำ (Black Carbon)

  • กรุงเทพฯ: จากการบินวันที่ 16 มีนาคม 2567 พบว่า ฝุ่นมีละอองลอยอินทรีย์มากกว่า 50% รองลงมาคือซัลเฟตประมาณ 25% ตามด้วยแอมโมเนียม ไนเตรท และเขม่าดำ
  • เชียงใหม่: ฝุ่นในวันเดียวกันมีละอองลอยอินทรีย์สูงถึง 75% โดยสัดส่วนองค์ประกอบในวันอื่นๆ คล้ายกัน แต่ปริมาณฝุ่นลดลงในวันที่ 21 เนื่องจากฝนตกในวันก่อนหน้า
  •  

นาซาเผยที่มาฝุ่นพิษในประเทศไทย

แหล่งที่มาของฝุ่นพิษ

เมื่อวิเคราะห์ละอองลอยอินทรีย์ในเชียงใหม่ พบสารประกอบระเหยได้ (VOC) เช่น ลีโวกลูโคซาน (Levoglucosan), อะซิโตไนไตรล์ (Acetonitrile) และเบนซีน (Benzene) ซึ่งบ่งชี้ถึงการเผาไหม้ โดยเฉพาะลีโวกลูโคซานที่สัมพันธ์กับการเผาพืช สนับสนุนว่าการเผาชีวมวล (Biomass Burning) เป็นสาเหตุหลักของฝุ่นในภาคเหนือ

อย่างไรก็ตาม ดร.จิม เน้นว่า การที่ละอองลอยอินทรีย์เป็นส่วนประกอบหลัก ไม่สามารถสรุปได้ทันทีว่า เกิดจากการเผาไหม้ 100% เพราะแหล่งที่มาของมลพิษมีความซับซ้อน ต้องแยกแยะระหว่างละอองลอยปฐมภูมิ (Primary Organic Aerosol) และละอองลอยทุติยภูมิ (Secondary Organic Aerosol) อย่างรอบคอบ

สรุปแหล่งกำเนิดฝุ่น PM2.5

  • เชียงใหม่และภาคเหนือ: การเผาชีวมวลเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้เกิดฝุ่นพิษ
  • กรุงเทพฯ: ฝุ่นเกิดจากทั้งการเผาชีวมวล อุตสาหกรรม และการเผาไหม้เชื้อเพลิง

สรุปข้อมูลมลพิษฝุ่นและโอโซนในประเทศไทย

ผลการศึกษามลพิษในประเทศไทย โดยเฉพาะ PM2.5 เผยให้เห็นรูปแบบฤดูกาลที่ชัดเจน:

  • กรุงเทพฯ: ฝุ่นเริ่มหนาแน่นตั้งแต่เดือนพฤศจิกายนถึงมกราคม
  • ภาคเหนือ: ปริมาณฝุ่นพุ่งสูงในช่วงเดือนมีนาคมถึงพฤษภาคมของทุกปี

นาซาเผยที่มาฝุ่นพิษในประเทศไทย

จากการวิเคราะห์องค์ประกอบ เช่น ละอองลอยอินทรีย์ (Organic Aerosol), ลีโวกลูโคซาน (Levoglucosan) และอะซิโตไนไตรล์ (Acetonitrile) พบว่าเชียงใหม่มีระดับสูงกว่ากรุงเทพฯ มาก แสดงถึงการเผาชีวมวลเป็นปัจจัยหลัก ซึ่งสอดคล้องกับข้อมูลจากเครื่องมือภาคพื้นดินในเชียงใหม่ ส่วนกรุงเทพฯ มีมลพิษจากหลายแหล่งผสมกัน โดยเฉพาะการจราจรและอุตสาหกรรม

นอกจากนี้ ยังพบปัญหา โอโซนระดับพื้นดิน ซึ่งมองไม่เห็นด้วยตาเปล่าแต่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ โดยเฉพาะระบบทางเดินหายใจ สารนี้เกิดจากไอเสียรถยนต์และการเผาไหม้ในโรงงานอุตสาหกรรม เมื่อรวมกับแสงแดดในช่วงกลางวัน จะมีความเข้มข้นสูง กระตุ้นอาการระคายเคืองได้ ประเทศไทยมีระดับโอโซนพื้นดินสูงเมื่อเทียบกับประเทศในอาเซียนหลายแห่ง

ในเดือนมีนาคม 2568 คณะทำงานเตรียมเผยแพร่ข้อมูลนี้ต่อรัฐบาล หน่วยงานนโยบาย และสาธารณะ โดย GISTDA มีเป้าหมายดึงดูดนักวิจัยและนักวิทยาศาสตร์เข้าร่วมโครงการเพิ่มเติม เนื่องจากข้อมูลเหล่านี้เป็นองค์ความรู้ใหม่และสำคัญต่อการแก้ปัญหามลพิษในไทยอย่างจริงจังในอนาคต

ทั้งนี้ ข้อมูลจากโครงการ ASIA-AQ ช่วยให้เห็นภาพชัดเจนขึ้นถึงต้นตอของ “ฝุ่นพิษ” ในไทย ซึ่งเป็นก้าวสำคัญในการแก้ปัญหานี้อย่างยั่งยืน โดยหลังจากนี้ ทีมประเทศไทย โดย GISTDA สำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน) ร่วมกับหน่วยงานและมหาวิทยาลัยต่างๆ จะยำข้อมูลจากนาซา มาทำการศึกษาและต่อยอด เพื่อเป็นแนวทางในการติดตามสถานการณ์ฝุ่นจากแหล่งต่างๆ รวมถึงเป็นข้อมูลสำหรับการออกนโยบาย และวางแผนบริหารจัดการมลพิษทางอากาศในไทย

Related posts

‘ผำ’ ซูเปอร์ฟู้ดไทย ดังไกลสู่พืชเศรษฐกิจโลก ใน PHAM EXPO 2025

ภัยแล้ง-อากาศแปรปรวน ทำ ‘น้ำจืด’ ใกล้หมด วิกฤตโลกที่ต้องเผชิญ

31 ก.ค. ‘วันเจ้าหน้าที่พิทักษ์ป่าโลก’ เชิดชูวีรบุรุษผู้ปกป้องผืนป่า-สัตว์ป่า