กรมควบคุมมลพิษ ตรวจพบก๊าซพิษหลายชนิด ในพื้นที่ 7 จุด จากเหตุไฟไหม้โกดังเฟอร์นิเจอร์ ฉลองกรุง 55 เขตลาดกระบัง ส่งผลกระทบต่อชุมชนบริเวณใกล้เคียงในระยะ 200 เมตร แนะ สวมหน้ากากอนามัยตลอดเวลา
กลุ่มควันสีเข้มจำนวนมากพวยพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้า จากเหตุเพลิงไหม้โรงงานเฟอร์นิเจอร์ ซอยฉลองกรุง 55 เขตลาดกระบัง ที่เกิดขึ้นตั้งแต่ช่วงค่ำของวันที่ 11 พ.ค.ที่ผ่านมา จนต้องสั่งอพยพประชาชนในพื้นที่ใกล้เคียงแล้วกว่า 140 หลังคาเรือน หวั่นผลกระทบจากควันพิษที่ลอยคลุ้งในอากาศ ปกคลุม ในบริเวณจุดเกิดและพื้นที่ใกล้เคียง
นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี สั่งการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ติดตามตรวจสอบคุณภาพอากาศและสิ่งแวดล้อม โดย ดร. เฉลิมชัย ศรีอ่อน สั่งการกรมควบคุมมลพิษ (คพ.) ร่วมกับ กรุงเทพมหานคร สนับสนุนตอบโต้เหตุฉุกเฉินอย่างใกล้ชิด พร้อมแจ้งข้อปฏิบัติตามหลักวิชาการ
จากการตรวจสอบ เพลิงไหม้อาคารโรงงานเฟอร์นิเจอร์ เป็นอาคารคลังสินค้าเก็บสินค้าประเภทพลาสติก เฟอร์นิเจอร์ห้องครัว บานซิงค์ จุดเกิดเหตุลักษณะเป็นโกดังชั้นเดียว โดยเพลิงได้ลุกไหม้และลุกลามอาคารจำนวน 2 โกดัง รวมชั้นใต้ดิน ซึ่งขณะเกิดเพลิงไหม้มีกลุ่มควันสีดำจำนวนมาก ตั้งแต่วันที่ 11 พฤษภาคม 2568
(12 พฤษภาคม 2568) คพ. ลงพื้นที่ตรวจวัดไอระเหยสารเคมี และก๊าซอันตรายในพื้นที่ชุมชนด้านท้ายลมโดยเครื่องมือตรวจวัดไอระเหยสารเคมีในอากาศ จำนวน 7 จุด ในรัศมี 5 กิโลเมตร ระหว่างเวลา 11.55 – 13.00 น. สรุปดังนี้
- บริเวณท้ายลมในพื้นที่ชุมชน จำนวน 5 จุด (ระยะห่าง 1 – 5 กิโลเมตร) ได้แก่
1) บริเวณชุมชนทิวไผ่พัฒนา
2) บริเวณโรงเรียน/วัดทองสัมฤทธิ์
3) บริเวณหมู่บ้านฟลอร่าวิลล์
4) บริเวณวัดทิพพาวาส
5)บริเวณหมู่บ้านทรัพย์เจริญ
ตรวจพบสารเคมีหลายชนิดในปริมาณเล็กน้อย ได้แก่ ฟอร์มัลดีไฮด์ แอมโมเนีย ไฮโดรเจนไซยาไนด์ ฟอสจีน และสารอินทรีย์ระเหยง่าย เช่น สารเมทิลเมอร์เเคปเทน สารไวนิลคลอไรด์ แต่ไม่อยู่ในระดับที่ส่งผลต่อสุขภาพทางการหายใจแบบเฉียบพลัน
- บริเวณด้านท้ายลมในพื้นที่ชุมชนใกล้จุดเพลิงไหม้ จำนวน 2 จุด ระยะ 150 เมตร ได้แก่
1) บริเวณหมู่บ้านไลโอ
2) ด้านข้างโกดังในซอยฉลองกรุง 55
ได้รับกลิ่นเหม็นไหม้พลาสติกรุนแรง ตรวจพบฟอร์มัลดีไฮด์ เมทิลเมอร์แคปเทน และฟอสจีน ในระดับที่เริ่มส่งผลกระทบต่อสุขภาพทางการหายใจแบบเฉียบพลัน และตรวจพบสารอินทรีย์ระเหยง่าย ได้แก่ ไวนิลคลอไรด์ เอทิลเบนซีน ปริมาณเล็กน้อย
- บริเวณพื้นที่เพลิงไหม้ในการปฏิบัติงาน ได้แจ้งเจ้าหน้าที่ผู้ปฎิบัติงานต้องสวมใส่ชุดป้องกันและหน้ากากกรองสารเคมี เนื่องจากยังคงมีกลุ่มควันจากการเผาไหม้วัสดุและผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวกับพลาสติก
ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ยังอยู่ระหว่างการควบคุมเพลิง เนื่องจาก มีการลุกไหม้ในชั้นใต้ดิน ซึ่งจัดเก็บผลิตภัณฑ์พลาสติกและเม็ดพลาสติก และมีกลุ่มควันสีดำจำนวนมากลอยตัวขึ้น กรณีดังกล่าวจึงส่งผลกระทบต่อชุมชนบริเวณใกล้เคียงในระยะ 0-200 เมตร
สำนักงานเขตลาดกระบังได้มีการจัดตั้งศูนย์บัญชาการเหตุการณ์และประกาศอพยพมาอาศัยที่จุดพักพิงชั่วคราวในโรงเรียนลำพะอง (ราษฎร์จำเริญบำรุง) และ คพ.ได้แจ้งข้อควรปฏิบัติ
1.ให้ประชาชนในพื้นที่เสี่ยงออกจากพื้นที่เกิดเหตุไปยังสถานที่อากาศบริสุทธิ์ ในบริเวณเหนือลมทันที
- หากรู้สึกระคายเคืองผิวหนังและดวงตา ควรล้างผิวหนังหรือดวงตาที่ได้รับสัมผัสสารเคมีด้วยน้ำสะอาดปริมาณมากๆ หรือเป็นเวลาหลายนาที หรือควรพบแพทย์เมื่อมีอาการรุนแรง
ต้นตอควันพิษ เม็ดพลาสติกถึง 300 ตัน
นางวันทนีย์ วัฒนะ รองปลัดกรุงเทพมหานคร เปิดเผยว่า ภายในโกดังของโรงงานมีเม็ดพลาสติกมากถึง 300 ตัน หรือราว 300,000 กิโลกรัม ซึ่งขณะนี้เผาไหม้จนเกือบหมดแล้ว และจากการตรวจสอบจุดความร้อนด้านใต้โรงงาน พบว่า ยังคงมีเปลวเพลิงเป็นกลุ่มเล็กๆ กระจายอยู่บริเวณอาคารหลังที่ 3 อีกประมาณ 20% จึงให้เจ้าหน้าที่นํา รถแบ็คโฮและเครื่องจักรหนักไปทุบเจาะกําแพงโรงงานทางด้านซ้าย เพื่อเปิดทางให้เจ้าหน้าที่ดับเพลิง สามารถนําสายยางไปฉีดน้ำสกัดเพลิงได้ เพราะหากมีฝนตก จะทําให้เกิดผลเสียมากกว่า เนื่องจากสารพิษจะกระจายออกด้านข้างโรงงานได้
อย่างไรก็ตาม จากการตรวจสอบคุณภาพอากาศในพื้นที่ พบว่า มีปริมาณฝุ่น PM2.5 เกินค่ามาตรฐานอีกทั้งกลุ่มควันสีดําขนาดใหญ่ ยังเต็มไปด้วยสารพิษ ทั้งคาร์บอนมอนนอกไซด์, เจอรีน, ฟอร์มาลดีไฮด์และอื่นๆ ซึ่งคาดว่าแพร่กระจายอยู่ในระยะรัศมี 300 เมตร และจะอยู่ในอากาศนาน 3-7 วัน ทําให้เป็นอันตรายต่อสุขภาพประชาชน จึงจําเป็นต้องอพยพชาวบ้าน และปิดศูนย์พักพิงทั้ง 4 แห่ง แล้วย้ายไปที่วัดสุทธาโภชน์ และโรงเรียนวัดปลูกศรัทธา ซึ่งอยู่ห่างจากจุดเกิดเหตุออกไปประมาณ 7 กิโลเมตรแทน พร้อมแนะนําการปฏิบัติตัวให้กับชาวบ้าน ห้ามเปิดแอร์ แต่ให้เปิดพัดลมละบายอากาศ และอย่าออกนอกบ้าน แต่หากมีความจํา เป็นต้องออกนอกบ้านให้สวมหน้ากากอนามัยตลอดเวลา ซึ่งต้องเป็นหน้ากาก N95 จึงจะสามารถป้องกันฝุ่น PM 2.5 ได้
ทั้งนี้ ประชาชนที่ได้รับสารพิษทางอากาศ อาจมีอาการวิงเวียนศรีษะ แสบเยื่อบุตา หรือระคายเคืองผิว ซึ่งสามารถแก้อาการได้ด้วยสบู่และน้ํา สะอาด
ควันจากเพลิงไหม้ ส่งผลต่อร่างกายอย่างไร
ควันจากเพลิงไหม้ไม่ได้มีแค่กลิ่นเหม็นหรือเขม่า แต่ยังเต็มไปด้วยสารเคมีและอนุภาคพิษจำนวนมาก โดยเฉพาะเมื่อวัสดุที่ถูกเผาไหม้ คือ พลาสติก ยาง ไม้ หรือสารเคมี ซึ่งอาจปล่อยก๊าซอันตราย ที่เป็นอันตรายโดยตรงต่อร่างกาย
ข้อมูลจาก กรมการแพทย์ ระบุว่า อาการเมื่อได้รับควันไฟไหม้เป็นจำนวนมาก การหายใจเอาควันไฟเข้าไปในระยะแรกจะเกิดผลเฉียบพลัน โดยควันจะระคายเคืองตา จมูก คอ และกลิ่นจะทำให้คลื่นไส้ ปอดทำงานลดลงทำให้ออกซิเจนในร่างกายน้อยลง เมื่อหายใจเอาคาร์บอนมอนออกไซด์เข้าไป ร่างกายจะไม่สามารถใช้ออกซิเจนได้ ทำให้เกิดอาการ ดังนี้
อาการขาดออกซิเจน ได้แก่ ปวดศีรษะ ลดความตื่นตัว อาการของหลอดเลือดหัวใจ เช่น เจ็บหน้าอก ไอ หายใจลำบาก และทำให้คนที่เป็นโรคมีอาการรุนแรงขึ้น