โลกร้อน-การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ กระตุ้น “เรนบอมบ์” (rain bomb) ปรากฏการณ์ฝนกระหน่ำจากฟ้า ที่เปรียบได้กับการเทน้ำจากถังขนาดยักษ์ลงสู่พื้นในเวลาอันสั้น
“ลานินญาจากไป แต่ฝากฝนไว้ทิ้งท้าย ตอนนี้โลกอยู่ในภาวะเป็นกลาง แต่ยุคโลกร้อน อาจเจอ rain bomb ตูมเดียวท่วม เตรียมรับมือไว้บ้างนะครับ” เป็นคำเตือนจาก อ.ธรณ์ ธํารงนาวาสวัสดิ์ รองคณบดีคณะประมง มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
เรนบอมบ์: ปรากฏการณ์ฝนกระหน่ำจากฟ้าในยุคโลกร้อน
ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา คำว่า “เรนบอมบ์” (Rain Bomb) ได้กลายเป็นคำที่ถูกพูดถึงอย่างแพร่หลายในสื่อและวงการอุตุนิยมวิทยา โดยเฉพาะเมื่อเกิดเหตุการณ์ฝนตกหนักอย่างฉับพลันและรุนแรง จนนำไปสู่น้ำท่วมฉับพลันในหลายพื้นที่ทั่วโลก รวมถึงประเทศไทย จนได้รับการเปรียบว่าเสมือน “สึนามิจากฟ้า”
เรนบอมบ์คืออะไร?
เรนบอมบ์ หรือ ระเบิดฝน เป็นคำที่ใช้เรียกปรากฏการณ์ฝนตกหนักมากในระยะเวลาสั้นๆ โดยปริมาณน้ำฝนที่ตกลงมามีความเข้มข้นสูงเกินกว่าที่ระบบระบายน้ำ หรือสภาพแวดล้อมจะรับไหว ส่งผลให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและความเสียหายอย่างรวดเร็ว คำนี้ไม่ใช่ศัพท์ทางการในอุตุนิยมวิทยา แต่ถูกใช้เพื่อสื่อถึงความรุนแรงของฝนที่เหมือน “ระเบิด” ลงมาจากฟ้า
ในทางวิทยาศาสตร์ เรนบอมบ์มักเกี่ยวข้องกับปรากฏการณ์ที่เรียกว่า ดาวน์ดราฟต์ (Downdraft) หรือ ไมโครเบิร์ส (Microburst) ซึ่งเป็นกระแสลมที่พัดลงจากฟ้าในแนวดิ่งพร้อมกับพาน้ำฝนปริมาณมหาศาลลงมาด้วย ความรุนแรงของปรากฏการณ์นี้สามารถเปรียบได้กับการเทน้ำจากถังขนาดยักษ์ลงสู่พื้นในเวลาอันสั้น
สาเหตุของเรนบอมบ์
เรนบอมบ์เป็นผลพวงจากสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงไปในยุคที่โลกกำลังเผชิญกับภาวะโลกร้อน (Global Warming) และการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (Climate Change) สาเหตุหลักที่ทำให้เกิดเรนบอมบ์ ได้แก่
- ภาวะโลกร้อน: อุณหภูมิโลกที่สูงขึ้นทำให้ชั้นบรรยากาศสามารถกักเก็บไอน้ำได้มากขึ้น เมื่อไอน้ำเหล่านี้ควบแน่นกลายเป็นเมฆฝน ก็จะปล่อยน้ำฝนออกมาในปริมาณที่มากและรุนแรงกว่าปกติ
- ปรากฏการณ์ลานีญา: ลานีญา (La Niña) ซึ่งเป็นภาวะที่อุณหภูมิผิวน้ำทะเลในมหาสมุทรแปซิฟิกลดลง สามารถกระตุ้นให้เกิดฝนตกหนักในบางพื้นที่ รวมถึงประเทศไทย โดยเฉพาะในช่วงฤดูฝน
- การเปลี่ยนแปลงของกระแสลม: ความผันผวนของกระแสลมในชั้นบรรยากาศ เช่น เจ็ตสตรีม (Jet Stream) สามารถนำพาเมฆฝนขนาดใหญ่มาปะทะกับพื้นที่ใดพื้นที่หนึ่ง ส่งผลให้ฝนตกหนักในวงจำกัด
- การพัฒนาเมือง: การขยายตัวของเมืองและการก่อสร้างที่ไม่คำนึงถึงระบบระบายน้ำ ทำให้พื้นที่รับน้ำฝนลดลง และน้ำฝนจากเรนบอมบ์ไม่สามารถระบายได้ทัน
ผลกระทบของเรนบอมบ์
- น้ำท่วมฉับพลัน: ฝนที่ตกลงมาอย่างหนักในเวลาสั้น ๆ ทำให้ระบบระบายน้ำในเมืองใหญ่ เช่น กรุงเทพฯ ไม่สามารถรองรับได้ ส่งผลให้เกิดน้ำท่วมขังและความเสียหายต่อทรัพย์สิน
- ความสูญเสียทางชีวิต: ตัวอย่างเช่น ในปี 2024 ที่แคว้นบาเลนเซีย ประเทศสเปน ฝนจากเรนบอมบ์ทำให้เกิดน้ำท่วมครั้งใหญ่ มีผู้เสียชีวิตกว่า 65 ราย และเป็นเหตุการณ์น้ำท่วมรุนแรงที่สุดในรอบ 50 ปี
- ความเสียหายต่อโครงสร้างพื้นฐาน: ถนน สะพาน และอาคารต่างๆ อาจพังทลายจากแรงน้ำและน้ำท่วม
- ผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม: น้ำท่วมจากเรนบอมบ์อาจพัดพามลพิษ เช่น ขยะและสารเคมี ลงสู่แหล่งน้ำ สร้างปัญหาต่อระบบนิเวศ
- ผลกระทบทางเศรษฐกิจ: ความเสียหายจากน้ำท่วมส่งผลกระทบต่อธุรกิจ การเกษตร และการท่องเที่ยว
ตัวอย่างเรนบอมบ์ในประเทศไทยและทั่วโลก
ในประเทศไทย เรนบอมบ์มักเกิดขึ้นในช่วงฤดูฝน โดยเฉพาะในพื้นที่เมืองใหญ่และภาคเหนือที่เป็นแอ่งรับน้ำ ตัวอย่างเหตุการณ์ที่ผ่านมา เช่น ฝนตกหนักในกรุงเทพฯ เมื่อวันที่ 13 พฤษภาคม 2568 ซึ่งทำให้เกิดน้ำท่วมขังในหลายพื้นที่ เนื่องจากระบบระบายน้ำไม่สามารถรับมือกับปริมาณฝนที่ตกลงมาได้ทัน
ในระดับโลก เหตุการณ์เรนบอมบ์ที่สเปนในปี 2024 เป็นตัวอย่างที่ชัดเจน โดยฝนที่ตกลงมาในเวลาเพียง 8 ชั่วโมงมีปริมาณมากกว่าฝนทั้งปีรวมกัน ส่งผลให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและความเสียหายรุนแรง
เรนบอมบ์เป็นปรากฏการณ์ที่สะท้อนถึงความท้าทายในยุคที่สภาพอากาศของโลกกำลังเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ด้วยความรุนแรงของฝนที่ตกลงมาในระยะเวลาสั้น ๆ และผลกระทบที่ตามมา ทั้งน้ำท่วม ความสูญเสียทางชีวิต และความเสียหายต่อทรัพย์สิน ทำให้ทุกภาคส่วนต้องตระหนักและเตรียมพร้อมรับมือ การลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน การพัฒนาเทคโนโลยี และการปรับเปลี่ยนวิถีชีวิตให้สอดคล้องกับธรรมชาติจะเป็นกุญแจสำคัญในการลดผลกระทบจาก “สึนามิจากฟ้า” นี้