ข่าวดี! จีนลดตรวจสาร BY2 ทุเรียนไทย เริ่ม 10 พ.ค. 68

Big thai durian fruits in red baskets

ไทยได้ข่าวดี! GACC ลดการสุ่มตรวจสาร BY2 ในทุเรียนไทย เริ่ม 10 พ.ค. 2568 หนุนส่งออกเร็วขึ้น ผู้ประกอบการต้องรักษามาตรฐานเข้มงวด

ศ.ดร.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ประกาศข่าวดีสำหรับอุตสาหกรรมทุเรียนไทย หลังจากการเจรจาระดับสูงกับ ดร.ซุน เหมยจุน รัฐมนตรีว่าการสำนักงานศุลกากรแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน (GACC) สำเร็จลงด้วยดี โดย GACC ตกลงลดระดับการสุ่มตรวจสาร BY2 (สารเคมีที่ใช้ในการควบคุมศัตรูพืช) ณ ด่านนำเข้าสำหรับโรงคัดบรรจุ (ล้ง) ทุเรียนที่มีระบบการจัดการคุณภาพดี มาตรการนี้มีผลตั้งแต่วันที่ 10 พฤษภาคม 2568 เป็นต้นไป ซึ่งจะช่วยอำนวยความสะดวกและเพิ่มความรวดเร็วในการส่งออกทุเรียนไทยไปยังจีน ตลาดส่งออกหลักที่สำคัญ

การเจรจาและความร่วมมือต่อเนื่อง

การบรรลุข้อตกลงครั้งนี้เป็นผลจากการประชุมหารือเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2568 ณ กรุงปักกิ่ง ซึ่ง ศ.ดร.นฤมล ได้หารือกับ GACC เพื่อส่งเสริมการค้าสินค้าเกษตรระหว่างไทยและจีน โดยเน้นยกระดับคุณภาพ มาตรฐาน และความปลอดภัยของสินค้าเกษตร นอกจากนี้ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์และ GACC ได้ทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิดเพื่อแก้ไขปัญหาและพัฒนามาตรการอำนวยความสะดวกในการส่งออกทุเรียนไทยอย่างต่อเนื่อง

ล่าสุดเมื่อวันที่ 9 พฤษภาคม 2568 กรมวิชาการเกษตรของไทยและ GACC ได้เห็นชอบร่วมกันในการจัดเกรดโรงคัดบรรจุทุเรียน โดยกำหนดให้โรงคัดบรรจุที่มีระบบการจัดการที่ดีได้รับสิทธิพิเศษในการลดระดับการสุ่มตรวจสาร BY2 ณ ด่านนำเข้า ซึ่งจะช่วยลดระยะเวลาและต้นทุนในการส่งออก ขณะเดียวกันก็รักษาคุณภาพและความปลอดภัยของทุเรียนที่ส่งถึงผู้บริโภคในจีน

ศ.ดร.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์

ความพร้อมด้านการตรวจสอบสาร BY2

ศ.ดร.นฤมล เปิดเผยเพิ่มเติมว่า ประเทศไทยมีความพร้อมอย่างเต็มที่ในการตรวจสอบสาร BY2 ในทุเรียนก่อนส่งออก ปัจจุบันมีห้องปฏิบัติการ (Lab) ที่ได้รับการรับรองสำหรับการตรวจวิเคราะห์สาร BY2 จำนวน 9 แห่ง และมีอีก 4 แห่ง ที่อยู่ระหว่างการยื่นขอกลับมามีคุณสมบัติ (Resume) ซึ่งเพียงพอต่อการรองรับปริมาณทุเรียนส่งออกไปจีนที่มีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นทุกปี

ผู้ประกอบการต้องรักษามาตรฐานเข้มงวด

แม้ว่าจะมีการผ่อนปรนการตรวจสาร BY2 ณ ด่านนำเข้า ศ.ดร.นฤมล เน้นย้ำว่า ผู้ประกอบการทุเรียนต้องคงมาตรฐานการผลิตและการส่งออกอย่างเคร่งครัด โดยเฉพาะการปฏิบัติตามมาตรการที่กำหนด เช่น การควบคุมการใช้สารเคมีในกระบวนการปลูกและเก็บเกี่ยว รวมถึงการรักษาความสะอาดของโรงคัดบรรจุและอุปกรณ์ที่ใช้อย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้การส่งออกทุเรียนไทยดำเนินไปได้อย่างราบรื่นและยั่งยืน

กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ขอให้ผู้ประกอบการ “ยกการ์ดสูง” ต่อไป เพื่อรักษาคุณภาพและชื่อเสียงของทุเรียนไทยในตลาดโลก ซึ่งจะช่วยเสริมสร้างความเชื่อมั่นให้กับคู่ค้าและผู้บริโภคในจีน รวมถึงรักษาตำแหน่งผู้นำในตลาดทุเรียนส่งออกของไทย

สาร BY2 ในทุเรียน: ความท้าทายและความสำคัญต่อการส่งออก

สาร BY2 คืออะไร?

สาร BY2 หรือชื่อทางเคมีว่า Chlorpyrifos เป็นสารเคมีกำจัดศัตรูพืชที่ใช้กันอย่างแพร่หลายในภาคเกษตรเพื่อควบคุมแมลงและปกป้องผลผลิต เช่น ทุเรียน ซึ่งเป็นพืชเศรษฐกิจสำคัญของไทย อย่างไรก็ตาม การใช้สาร BY2 ต้องอยู่ภายใต้การควบคุมอย่างเข้มงวด เนื่องจากหากมีสารตกค้างในปริมาณที่เกินมาตรฐานอาจส่งผลกระทบต่อสุขภาพของผู้บริโภคและสิ่งแวดล้อม

ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา จีน ซึ่งเป็นตลาดส่งออกทุเรียนที่ใหญ่ที่สุดของไทย ได้เพิ่มความเข้มงวดในการตรวจสอบสารตกค้างในสินค้าเกษตร โดยเฉพาะสาร BY2 เพื่อให้มั่นใจว่าสินค้าที่นำเข้ามีความปลอดภัยต่อผู้บริโภค การตรวจพบสาร BY2 ในระดับที่สูงเกินกว่าที่กำหนดอาจนำไปสู่การปฏิเสธสินค้าหรือการระงับการนำเข้า ซึ่งส่งผลกระทบโดยตรงต่อเกษตรกรและผู้ประกอบการไทย

การส่งออกทุเรียนไปจีน เผชิญกับความท้าทายหลายประการ โดยเฉพาะการปฏิบัติตามมาตรฐานด้านความปลอดภัยอาหารของจีน ซึ่งมีการตรวจสอบที่เข้มงวด ทั้งในขั้นตอนก่อนส่งออกและที่ด่านนำเข้า โรงคัดบรรจุทุเรียน (ล้ง) มีบทบาทสำคัญในการควบคุมคุณภาพ โดยต้องตรวจสอบและรับรองว่าทุเรียนที่ส่งออกปราศจากสารตกค้างเกินมาตรฐาน รวมถึงรักษาความสะอาดและสุขอนามัยในทุกขั้นตอนของการคัดแยกและบรรจุ

นอกจากนี้ การขาดแคลนห้องปฏิบัติการที่ได้รับการรับรองในบางช่วงเวลา หรือความล่าช้าในการตรวจวิเคราะห์ อาจส่งผลให้การส่งออกล่าช้าและเพิ่มต้นทุนให้กับผู้ประกอบการ การที่ไทยมีห้องปฏิบัติการเพียงพอและกำลังเพิ่มจำนวนในอนาคตจึงเป็นข่าวดีที่ช่วยลดอุปสรรคดังกล่าว

การที่ GACC ลดระดับการสุ่มตรวจสาร BY2 สำหรับโรงคัดบรรจุที่มีระบบการจัดการที่ดี ถือเป็นโอกาสสำคัญสำหรับผู้ประกอบการไทยในการขยายตลาดและเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน อย่างไรก็ตาม โอกาสนี้มาพร้อมกับความรับผิดชอบที่ต้องรักษามาตรฐานคุณภาพอย่างต่อเนื่อง การลงทุนในเทคโนโลยีการตรวจสอบ การฝึกอบรมบุคลากร และการปรับปรุงกระบวนการผลิตให้ทันสมัยจะช่วยให้อุตสาหกรรมทุเรียนไทยรักษาความเป็นผู้นำในตลาดโลกได้

ในระยะยาว กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ควรมุ่งเน้นการส่งเสริมการเกษตรแบบยั่งยืน เช่น การใช้สารชีวภาพทดแทนสารเคมี หรือการพัฒนาเทคนิคการปลูกที่ลดการพึ่งพาสารกำจัดศัตรูพืช เพื่อตอบสนองความต้องการของตลาดที่ให้ความสำคัญกับความปลอดภัยและสิ่งแวดล้อมมากขึ้น

Related posts

‘เหี้ย’ สัตว์ป่าคุ้มครอง กรมอุทยานฯ วางกฎ เพาะพันธุ์ต้องมีใบอนุญาต

‘แผ่นดินไหวญี่ปุ่น’ กว่า 1,000 ครั้ง ทางการสั่งอพยพ ไทยแจ้งเตือนฉุกเฉิน

สติทำให้เห็น ‘ความปวด’ แต่ไม่เป็น ‘ผู้ปวด’