‘โกโก้’ พืชกักเก็บคาร์บอน ตรังตั้งเป้าปลูก 1.8 ล้านต้น ภายในปี 2570

เกษตรกรห้วยยอดตรัง รวมกลุ่ม “วิสาหกิจชุมชนพะยอมทอง” ปลูกโกโก้แซมสวนยาง-ปาล์ม สร้างรายได้เสริมเดือนละ 6,000–7,000 บาท พร้อมประโยชน์สิ่งแวดล้อมยั่งยืน ตั้งเป้าปลูก 1.8 ล้านต้น ภายในปี 2570

 

กลุ่มเกษตรกรในพื้นที่ได้รวมตัวจัดตั้ง “กลุ่มวิสาหกิจชุมชนพะยอมทอง” เพื่อปลูกโกโก้พันธุ์ชุมพร 1 แซมในร่องสวนยางพาราและสวนปาล์มน้ำมัน โดยรวบรวมผลผลิต แปรรูปเป็นเมล็ดโกโก้ตากแห้ง ส่งขายบริษัทเอกชนในราคากิโลกรัมละ 160 บาท (ผลสดกิโลกรัมละ 9 บาท) สร้างรายได้เสริมเฉลี่ยครัวเรือนละ 6,000–7,000 บาทต่อเดือน พร้อมช่วยฟื้นฟูระบบนิเวศเกษตรอย่างยั่งยืน

 

นางพะยอม วารินสะอาด ประธานกลุ่ม เปิดเผยว่า เดิมประกอบอาชีพทำนาข้าว แต่ประสบปัญหาน้ำท่วมซ้ำซาก จึงหันมาปลูกยางพารา และเริ่มทดลองปลูกโกโก้แซมในสวนยางตั้งแต่ปี 2562 พบว่าโกโก้ปลูกง่าย โตเร็ว ใบดก ให้ผลผลิตดี ปัจจุบันมีต้นโกโก้กว่า 400 ต้น เก็บเกี่ยวทุก 15 วัน ได้ผลผลิตกว่า 300 กิโลกรัม ขณะที่กลุ่มมีสมาชิก 22 ราย สามารถรวบรวมผลผลิตส่งขายรอบละเกือบ 2,000 กิโลกรัม

ในอดีต โกโก้เคยถูกทิ้งร้าง เนื่องจากตลาดรับซื้อไม่แน่นอน แต่ปัจจุบันบริษัทเอกชนเข้ามารับซื้ออย่างต่อเนื่อง ทำให้เกษตรกรหันกลับมาสนใจ กลุ่มยังประยุกต์สร้าง “โรงอบโกโก้แบบง่าย” ด้วยโครงไม้และพลาสติกหนา ช่วยลดต้นทุนและเวลาในการตากแห้ง

 

นายเปลื้อง ช่วยรุย รองประธานกลุ่ม กล่าวเสริมว่า เกษตรกรในพื้นที่หันมาปลูกโกโก้เพิ่มขึ้น เพราะใช้แรงงานน้อย หมุนเวียนผลผลิตได้ตลอดปี กลุ่มมีแผนพัฒนาผลิตภัณฑ์แปรรูป เช่น เครื่องดื่ม ชาคาโก้ และขยายพันธุ์กล้าไม้ขายต้นละ 15 บาท

 

ประโยชน์ด้านสิ่งแวดล้อมของการปลูกโกโก้แซมสวนยาง-ปาล์ม

 

  • ปรับปรุงดินอย่างธรรมชาติ: ใบโกโก้ร่วงหล่นคลุมดิน ป้องกันการพังทลาย ย่อยสลายเป็นปุ๋ยอินทรีย์ เพิ่มความอุดมสมบูรณ์ของดิน
  • เพิ่มผลผลิตยางพารา: สวนยางอายุ 20 ปีที่เริ่มเสื่อม กลับมามีน้ำยางเพิ่มขึ้น เนื่องจากโกโก้ช่วยสร้างร่มเงา ลดความร้อน และรักษาความชื้นในดิน
  • ลดการใช้สารเคมี: การปลูกพืชแซมแบบผสมผสาน ลดความจำเป็นต้องใช้ปุ๋ยเคมีและยาฆ่าแมลง ช่วยฟื้นฟูระบบนิเวศเกษตร
  • กักเก็บคาร์บอน: ต้นโกโก้ดูดซับคาร์บอนไดออกไซด์ ช่วยลดก๊าซเรือนกระจก สนับสนุนเกษตรกรรมยั่งยืนและรับมือการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ

 

นายทรงกลด สว่างวงศ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดตรัง ส่งเสริมการขยายพื้นที่ปลูกโกโก้อย่างต่อเนื่อง โดยตั้งเป้า ภายในปี 2570 จะมีต้นโกโก้ในจังหวัดตรังครบ 1.8 ล้านต้น เพื่อสร้างรายได้หลายทาง ลดความเสี่ยงจากราคายางผันผวน และส่งเสริมเกษตรกรรมที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน

เกษตรกรตรังรวมกลุ่มปลูกโกโก้แซมยาง-ปาล์ม

แหล่งปลูกโกโก้ในประเทศไทย

 

ประเทศไทยมีศักยภาพในการปลูกโกโก้ (Cacao) เนื่องจากสภาพภูมิอากาศแบบร้อนชื้นที่เหมาะสม โดยเฉพาะในภาคใต้และภาคตะวันออก โกโก้เป็นพืชเศรษฐกิจใหม่ที่รัฐบาลส่งเสริม เพื่อลดการนำเข้าเมล็ดโกโก้ที่สูงถึง 60,000–80,000 ตันต่อปี (มูลค่ากว่า 1,700 ล้านบาท) ปัจจุบัน พื้นที่ปลูกส่วนใหญ่เป็นการปลูกใหม่หรือแซมกับพืชอื่น เช่น ยางพารา มะพร้าว หรือปาล์มน้ำมัน ผลผลิตในปี 2562 อยู่ที่ประมาณ 125 ตัน และมีการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง โดยพันธุ์หลักที่นิยมคือ ชุมพร 1

โกโก้

“โกโก้” ประโยชน์ด้านสิ่งแวดล้อม

 

การปลูกโกโก้ช่วยฟื้นฟูดิน คลุมดิน ลดการพังทลาย และกักเก็บคาร์บอน ในระบบเกษตรผสมผสาน (agroforestry) โกโก้แซมกับยางพารา มะพร้าว หรือปาล์มน้ำมัน ช่วยรักษาความชื้นในดิน ลดการใช้สารเคมี และเพิ่มความหลากหลายทางชีวภาพ ทำให้เป็นพืชยั่งยืนที่เป็นมิตรกับป่า

 

โกโก้ (Theobroma cacao) ไม่ใช่แค่ต้นกำเนิดช็อกโกแลต แต่เป็น พืชกักเก็บคาร์บอนชั้นยอด และ เครื่องมือฟื้นฟูระบบนิเวศเกษตร ที่กำลังถูกใช้แก้ปัญหาโลกร้อนทั่วโลก 

 

Related posts

1 พ.ย. ‘วันนิเวศวิทยาโลก’ คืนสมดุลให้โลก กับการท่องเที่ยวเชิงยั่งยืน

‘วิกฤตความร้อน’ คร่าชีวิตมนุษย์ 1 คนต่อนาที

MOU ‘แร่แรร์เอิร์ธ’ ไทย-สหรัฐฯ โอกาสเศรษฐกิจ หรือ กับดักสิ่งแวดล้อม?