1 พ.ย. ‘วันนิเวศวิทยาโลก’ คืนสมดุลให้โลก กับการท่องเที่ยวเชิงยั่งยืน

an asian chinese father hiking and exploring forest with his son looking at mobile app on map for direction navigation

1 พ.ย. “วันนิเวศวิทยาโลก” ท่องเที่ยวไม่ใช่แค่เที่ยว แต่คือ “คืนสมดุล” ให้โลก – ลดคาร์บอน ฟื้นป่าชายเลน สนับสนุนชุมชน เริ่มจากทริปเดียวของคุณ

 

 

ทุกวันที่ 1 พฤศจิกายนของทุกปี สหประชาชาติกำหนดให้วันนี้เป็น “วันนิเวศวิทยาโลก” (World Ecology Day) วันแห่งการสร้างความตระหนักถึงความสำคัญของสมดุลทางนิเวศวิทยาและความยั่งยืน โดยธีมปี 2568 ว่าด้วยเรื่องของ “Restore Balance – คืนสมดุลให้โลก” เพราะรายงานล่าสุดของ IPCC เตือนชัดว่า เรามีเวลาเพียง 5–7 ปี ที่จะจำกัดอุณหภูมิโลกไม่ให้เกิน 1.5°C ก่อนที่จุดเปลี่ยนสภาพภูมิอากาศจะเกิดขึ้นแบบไม่หวนกลับ 

 

ความเป็นมา วันนิเวศวิทยาโลก

 

วันนิเวศวิทยาโลก ถูกจัดขึ้นครั้งแรกในปี 2016 เพื่อฉลองครบรอบ 150 ปีของคำว่า “นิเวศวิทยา” ที่นักชีววิทยาชาวเยอรมัน Ernst Haeckel เป็นผู้ก่อตั้ง ตั้งแต่นั้นมา ก็เติบโตเป็นเวทีระดับโลกในการส่งเสริมการตระหนักรู้และการกระทำทางสิ่งแวดล้อม

 

การคืนสมดุลให้โลกทำได้หลายวิธี ทั้งในระดับบุคคล เช่น การลดขยะ ใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ และการปลูกต้นไม้ และระดับองค์กร เช่น การสนับสนุนโครงการฟื้นฟูธรรมชาติและการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน การเปลี่ยนแปลงเล็กๆ น้อยๆ ที่ทุกคนเริ่มได้จากตัวเองจะช่วยสร้างการเปลี่ยนแปลงที่ใหญ่ขึ้นในภาพรวม

 

การท่องเที่ยวเชิงยั่งยืน (Sustainable Tourism) เป็นอีกหนึ่งที่ช่วยคืนสมดุลให้โลก ปัจจุบัน ก็กลายเป็นแนวคิดที่นักท่องเที่ยวและผู้ประกอบการด้านการท่องเที่ยว เริ่มให้ความสำคัญมากขึ้น

 

หลักการสำคัญของ Regenerative Tourism

 

1. การฟื้นฟูสิ่งแวดล้อม

  • นักท่องเที่ยวและผู้ประกอบการต้องร่วมมือกันเพื่อลดการปล่อยคาร์บอน
  • สนับสนุนโครงการฟื้นฟูธรรมชาติ เช่น การปลูกป่า การอนุรักษ์แหล่งน้ำ    

 

2.การส่งเสริมชุมชนท้องถิ่น

  • สนับสนุนสินค้าหรือบริการจากชุมชน
  • เคารพวัฒนธรรมและวิถีชีวิตท้องถิ่น

 

3.การสร้างความยั่งยืนในระยะยาว

  • การพัฒนาการท่องเที่ยวที่คำนึงถึงความสมดุลระหว่างเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม
  • สร้างโครงสร้างพื้นฐานที่เป็นมิตรต่อธรรมชาติ

 

ตัวอย่างการท่องเที่ยวแบบ Regenerative Tourism

 

  • การพักใน Eco-Resort ที่ฟื้นฟูป่าชายเลน
  • รีสอร์ทบางแห่งมุ่งเน้นการใช้ทรัพยากรธรรมชาติอย่างยั่งยืน เช่น การสร้างที่พักจากวัสดุรีไซเคิลและสนับสนุนการฟื้นฟูป่าชายเลนในพื้นที่ใกล้เคียง
  • กิจกรรมปลูกป่ากับชุมชน
  • นักท่องเที่ยวสามารถเข้าร่วมกิจกรรมปลูกป่าหรือทำแปลงเกษตรอินทรีย์ เพื่อช่วยเพิ่มพื้นที่สีเขียวและเรียนรู้วิถีชีวิตจากชุมชน
  • การสนับสนุนโครงการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม
  • การเข้าร่วมกิจกรรมเรียนรู้ศิลปหัตถกรรมหรือการทอผ้าท้องถิ่น เพื่อช่วยอนุรักษ์มรดกวัฒนธรรมของชุมชน

 

 

Related posts

‘โกโก้’ พืชกักเก็บคาร์บอน ตรังตั้งเป้าปลูก 1.8 ล้านต้น ภายในปี 2570

‘วิกฤตความร้อน’ คร่าชีวิตมนุษย์ 1 คนต่อนาที

MOU ‘แร่แรร์เอิร์ธ’ ไทย-สหรัฐฯ โอกาสเศรษฐกิจ หรือ กับดักสิ่งแวดล้อม?