เปิดข้อมูลดาวเทียมพบ “เหมืองเถื่อน” กว่า 2,400 จุด ต้นตอสารพิษไหลลงแม่น้ำโขง พบค่าสารหนูในไทยพุ่งเกินมาตรฐาน กระทบสุขภาพและสัตว์น้ำรุนแรง หวั่นหายนะสิ่งแวดล้อมข้ามพรมแดนที่ยากจะฟื้นฟู
วิกฤตการณ์แม่น้ำโขงที่กำลังเป็นกระแสร้อนแรงในขณะนี้ โดยเฉพาะประเด็นเรื่อง “เหมืองเถื่อนกว่า 2,400 แห่ง” เป็นข้อมูลที่ได้รับการเปิดเผยจากการวิเคราะห์ภาพถ่ายดาวเทียมและรายงานวิจัยเชิงลึกในปี 2025 ซึ่งชี้ให้เห็นถึงความล้มเหลวของธรรมาภิบาลสิ่งแวดล้อมข้ามพรมแดน
แฉเหมืองเถื่อน 2,400 แห่ง ต้นตอไซยาไนด์-สารหนู ถล่มแม่น้ำโขง
สายน้ำโขงที่เคยหล่อเลี้ยงชีวิตผู้คนกว่า 70 ล้านคน กำลังเปลี่ยนสภาพกลายเป็น “สายน้ำพิษ” หลังมีการเปิดเผยข้อมูลจากสถาบันวิจัยระดับโลกและผลตรวจคุณภาพน้ำในประเทศไทยที่ยืนยันตรงกันว่า พบการปนเปื้อนของโลหะหนักในระดับที่น่าสะพรึงกลัว โดยมีต้นตอมาจากกิจกรรมเหมืองแร่ที่ผุดขึ้นเป็นดอกเห็ดในประเทศเพื่อนบ้าน
รายงานจาก Stimson Center สถาบันคลังสมองของสหรัฐฯ ระบุว่า จากการใช้ภาพถ่ายดาวเทียมวิเคราะห์พื้นที่ลุ่มน้ำโขงและแม่น้ำสายหลักในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ พบจุดที่มีกิจกรรมการทำเหมืองแร่ที่ไม่ได้รับการควบคุม (Unregulated Mining) รวมกว่า 2,400 แห่ง กระจายตัวอยู่ในเมียนมา สปป.ลาว และกัมพูชา โดยเหมืองเหล่านี้มีทั้ง:
- เหมืองทองคำ: ซึ่งใช้สารไซยาไนด์และปรอทในการแยกแร่
- เหมืองแร่หายาก (Rare Earth): ซึ่งใช้วิธีฉีดสารเคมีลงไปในดิน (In-situ leaching) ทำให้สารพิษซึมลึกลงสู่ชั้นน้ำบาดาลและไหลลงสู่แม่น้ำสายหลัก
สารพิษที่ตรวจพบ: “สารหนู” พุ่งเกินมาตรฐาน
ในประเทศไทย ช่วงปี 2568 หน่วยงานด้านสิ่งแวดล้อมและนักวิชาการได้ลงพื้นที่ตรวจวัดคุณภาพน้ำใน แม่น้ำสาย, แม่น้ำกก และแม่น้ำโขง บริเวณจังหวัดเชียงรายและพื้นที่ภาคอีสาน พบข้อมูลที่น่าตกใจดังนี้
- สารหนู (Arsenic): ตรวจพบในปริมาณสูงเกินค่ามาตรฐานในหลายจุด (เช่น พบสูงถึง 0.14 mg/L ในบางจุด ซึ่งเกินค่ามาตรฐานความปลอดภัย)
- โลหะหนักอื่นๆ: พบทั้งสารตะกั่วและแมงกานีส รวมถึงการใช้ไซยาไนด์ในกระบวนการเหมืองทองคำฝั่งประเทศเพื่อนบ้านที่ไหลทะลักข้ามพรมแดนเข้ามา
ผลกระทบสะเทือนห่วงโซ่อาหาร
ไม่ใช่แค่เรื่องน้ำขุ่นแดง แต่เป็นเรื่องของ “ความมั่นคงทางอาหาร” มีรายงานจากชาวบ้านริมน้ำโขงใน อ.เชียงของ จ.เชียงราย ว่า พบปลาที่มีลักษณะผิดปกติ มีตุ่มพุพองตามผิวหนัง แม้ผลตรวจบางส่วนจะระบุว่าเกิดจากปรสิต แต่ภาคประชาสังคมยังคงกังวลว่า การสะสมของโลหะหนักในปลาและพืชผักริมน้ำ จะส่งผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชนในระยะยาว เช่น เสี่ยงต่อโรคมะเร็งและโรคทางระบบประสาท
ทำไมเหมืองเหล่านี้ถึงหยุดไม่ได้?
ผู้เชี่ยวชาญวิเคราะห์ว่า ปัญหานี้เกิดจาก 3 ปัจจัยหลัก:
- ความต้องการแร่ธาตุโลก: โดยเฉพาะแร่หายากที่ใช้ในอุตสาหกรรมเทคโนโลยีและรถยนต์ไฟฟ้า (EV)
- กลุ่มทุนข้ามชาติ: โดยเฉพาะกลุ่มทุนจากจีนที่ย้ายฐานการผลิตมายังประเทศเพื่อนบ้านที่มีกฎหมายสิ่งแวดล้อมอ่อนแอ
สถานการณ์การเมือง: พื้นที่หลายแห่งเป็นเขตอิทธิพลของกลุ่มชาติพันธุ์ในเมียนมา ทำให้รัฐบาลกลางไม่สามารถเข้าไปควบคุมดูแลได้
อ้างอิง :
(1) Stimson Center (2025): รายงาน “Unregulated Mining Along Rivers in Mainland Southeast Asia”
(2) สำนักข่าวชายขอบ (Transborder News): รายงานวิกฤตมลพิษลุ่มน้ำโขงจากเหมืองแร่ 2,420 แห่ง