‘ยุบสภา’ กับชะตากรรมของ ‘พ.ร.บ.อากาศสะอาด’

ฝุ่นพิษ ยังคงปกคลุมประเทศ แต่ร่าง พ.ร.บ.อากาศสะอาด ที่จะเป็นกลไกจัดการปัญหาอย่างเป็นระบบ กลับต้องชะงักเมื่อสภาถูกยุบ ทำให้อนาคตของกฎหมายฉบับนี้ ต้องเริ่มนับหนึ่งใหม่อีกครั้ง

การประกาศยุบสภา ของนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี เพื่อจัดให้มีการเลือกตั้งใหม่ ภายใน 45–60 วัน เป็นการตอบสนองต่อสถานการณ์ทางการเมืองที่ตึงเครียด และความขัดแย้งเกี่ยวกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญและความสัมพันธ์ระหว่างฝ่ายรัฐบาลกับฝ่ายค้าน

แม้การยุบสภาจะเป็นเครื่องมือทางการเมือง ที่สามารถ “คืนอำนาจให้ประชาชน” ผ่านการเลือกตั้งใหม่ได้ แต่ก็มี ผลกระทบโดยตรงต่อกระบวนการทำกฎหมายในสภา โดยเฉพาะกฎหมายสำคัญด้านสิ่งแวดล้อมอย่าง ร่าง พ.ร.บ.อากาศสะอาด ยังอยู่ระหว่างการพิจารณาและใกล้ถึงขั้นตอนสำคัญ ก่อนยุบสภา

พ.ร.บ.อากาศสะอาดคืออะไร?

ร่าง พ.ร.บ.อากาศสะอาด เป็นกฎหมายที่จัดทำขึ้นเพื่อแก้ไขปัญหามลพิษทางอากาศอย่างเป็นระบบ โดยประกอบด้วยโครงสร้างด้านการตรวจสอบคุณภาพอากาศ การตั้งกองทุนอากาศสะอาด และกลไก “ผู้ก่อมลพิษต้องจ่าย” เพื่อจัดการกับการปล่อยสารพิษสู่บรรยากาศ ซึ่งเป็นผลเสียทั้งต่อสุขภาพและเศรษฐกิจของประชาชน

กฎหมายฉบับนี้ได้ผ่านการพิจารณาจากสภาผู้แทนราษฎรเรียบร้อยแล้ว และกำลังอยู่ในชั้นการพิจารณาของ วุฒิสภา ซึ่งถือเป็นด่านสุดท้าย ก่อนจะส่งขึ้นกราบบังคมทูลเพื่อทรงลงพระปรมาภิไธย แต่ก่อนที่วุฒิสภาจะสามารถให้ความเห็นชอบได้สำเร็จ สภาก็ถูกยุบลงเสียก่อน

ผลจากการยุบสภา

ตามที่รัฐธรรมนูญกำหนดไว้ การยุบสภา จะทำให้ร่างกฎหมายที่ยังไม่เสร็จสิ้นกระบวนการต้องตกไปทั้งหมด ซึ่งรวมถึงร่างกฎหมายที่สำคัญ และได้รับการผลักดันมานาน เช่น พ.ร.บ.อากาศสะอาด ที่ยังอยู่ในขั้นตอนการพิจารณาของสภา

ในทางปฏิบัติ หมายความว่า:

ร่างพ.ร.บ.อากาศสะอาดที่ผ่านผ่านวุฒิสภายังไม่แล้วเสร็จ จะต้องเริ่มกระบวนการใหม่ตั้งแต่ต้น ในสภาชุดใหม่หลังการเลือกตั้ง เวลาที่สูญเสียไปอาจทำให้ประเทศไทย พลาดโอกาสในการบังคับใช้กฎหมาย เพื่อแก้ปัญหามลพิษทางอากาศอย่างเป็นระบบ โดยเฉพาะในช่วงฤดูฝุ่น PM2.5 ที่คาดว่าจะกลับมาอีกครั้งในปีหน้า

เมื่อ “ยุบสภา” ร่างกฎหมายที่ผ่านมาจากสภาผู้แทนราษฎรแล้ว แต่ยังอยู่ระหว่างการพิจารณาของวุฒิสภา อยู่ในสถานะที่สำคัญและมีผลทางกฎหมายอย่างชัดเจน ดังนี้:

  1. ร่างกฎหมาย “ตกไป” โดยอัตโนมัติ

ตามหลักการทางรัฐธรรมนูญไทย หากร่างพระราชบัญญัติยังไม่ได้รับเสียง “เห็นชอบ” ครบถ้วนตามกระบวนการ (เช่น ยังไม่ผ่านวุฒิสภาหรือยังไม่ผ่านวุฒิสภาและสภาร่วม) เมื่อมีการยุบสภาหรือสภาหมดอายุ ร่างกฎหมายนั้นจะตกไป (ล้มไปกับสภา) และต้องเริ่มพิจารณาใหม่ตั้งแต่ต้นในรัฐสภาชุดใหม่หลังเลือกตั้ง หากคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ไม่ร้องขรตต่อรัฐสภาภายในระยะเวลาที่กฎหมายกำหนด

  1. เหตุผลของการตกไป

การพิจารณากฎหมายในระบบรัฐสภาไทย ต้องผ่าน วุฒิสภาและสภาผู้แทนราษฎร (หรือรัฐสภาร่วม) จนครบถ้วนตามขั้นตอนก่อนจะส่งขึ้นกราบบังคมทูลลงพระปรมาภิไธยและประกาศใช้

หากสภาผู้แทนราษฎรถูกยุบก่อนที่วุฒิสภาจะพิจารณาเสร็จ สิ่งที่เกิดขึ้นคือกระบวนการพิจารณาถูกยุติไปพร้อมกับสภาผู้แทนราษฎร และ ร่างกฎหมายจะไม่มีผลบังคับใช้ต่อไป เว้นแต่กระบวนการจะถูกนำกลับขึ้นมาพิจารณาใหม่หลังการเลือกตั้งและจัดตั้งรัฐบาล/รัฐสภาใหม่

  1. ความหมายเชิงปฏิบัติ

ร่าง พ.ร.บ. ใช้เวลาตั้งแต่เสนอที่สภาผู้แทนราษฎร → ผ่านไปยังวุฒิสภา → ระหว่างพิจารณา แต่ ยังไม่เสร็จสมบูรณ์ → ยุบสภา → ร่างกฎหมายตกไป

หากจะผลักดันต่อ ต้อง พิจารณา/เสนอใหม่ โดยสภาชุดใหม่หลังการเลือกตั้ง

กระบวนการนี้เป็นไปตามหลักรัฐธรรมนูญและธรรมเนียมปฏิบัติของระบบรัฐสภาไทย ที่มีกลไกให้กฎหมายต้องผ่านสภาที่ครบองค์ประชุมและครบขั้นตอนกว่าจะเป็นกฎหมายใช้บังคับ

  1. สถานะของวุฒิสภา

วุฒิสภายังคงมีอยู่หลังการยุบสภาผู้แทนราษฎร (เพราะรัฐธรรมนูญไม่กำหนดให้หมดสภาพด้วยการยุบสภาฯ) แต่ วุฒิสภาไม่สามารถประชุมเพื่อพิจารณาร่างกฎหมายได้ ในระหว่างที่ไม่มีสภาผู้แทนราษฎร เว้นแต่เป็นกรณีเฉพาะตามรัฐธรรมนูญ

ยุบสภา พ.ร.บ.อากาศสะอาด “แท้ง”

ปัญหาฝุ่นพิษและมลพิษทางอากาศเป็นเรื่องเร่งด่วนที่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชนและคุณภาพชีวิตเป็นวงกว้าง แม้จะมีร่างกฎหมายที่ตั้งใจออกมาเพื่อแก้ไขปัญหานี้ แต่กระบวนการทางการเมืองกลับทำให้กฎหมายต้องติดขัดและล่าช้า โดยเฉพาะเมื่อต้องเริ่มต้นใหม่หลังการเลือกตั้งเสร็จสิ้น แม้เสียงสนับสนุนจากเครือข่ายภาคประชาชนจะเรียกร้องให้เร่งพิจารณา พ.ร.บ.อากาศสะอาดให้เสร็จก่อนยุบสภา เพื่อให้ทันต่อสถานการณ์ปัญหาฝุ่นพิษที่เกิดขึ้นทุกปี

Related posts

11 ธ.ค. ‘วันภูเขาสากล’ ตระหนักถึง ‘หอคอยน้ำ’ หัวใจของระบบนิเวศโลก

รู้จัก ‘ชยันต์ เมืองสง’ แม่ทัพน้ำคนใหม่ หวนคืนถิ่นคุม สทนช.

ครม. เคาะปรับมาตรการ EV3–EV3.5 ป้องกันรถไฟฟ้าล้นตลาด