‘ญี่ปุ่น’ เดือด ‘กันยายน 68’ ติดท็อป 3 ร้อนสุดในรอบ 127 ปี

ญี่ปุ่นร้อนระอุ! กันยายนร้อนอันดับ 3 ตั้งแต่เริ่มบันทึกสถิติ เอลนีโญและโลกร้อนซ้ำเติม เกษตรกรเผชิญภัยแล้งหนักสัญญาณเตือนจากวิกฤตสภาพอากาศ

โตเกียว, 3 ตุลาคม 2568 –หน่วยงานอุตุนิยมวิทยาญี่ปุ่น (Japan Meteorological Agency หรือ JMA) ประกาศว่า อุณหภูมิเฉลี่ยทั่วประเทศในเดือนกันยายนที่เพิ่งผ่านพ้นไป สูงเกินมาตรฐานปกติถึง 2.49 องศาเซลเซียส ส่งผลให้กลายเป็นเดือนกันยายนที่ร้อนที่สุดเป็นอันดับสามในประวัติศาสตร์ ตั้งแต่เริ่มบันทึกข้อมูลเมื่อปี พ.ศ. 2441 (ค.ศ. 1898) เป็นต้นมา

เดือนกันยายน 2023 ถูกบันทึกไว้ว่าเป็นเดือนกันยายนที่ร้อนที่สุด โดยอุณหภูมิสูงกว่าค่ามาตรฐาน 2.66 องศาเซลเซียส รองลงมาคือเดือนกันยายน 2024 ซึ่งสูงกว่าค่ามาตรฐาน 2.52 องศาเซลเซียส

ข้อมูลจาก JMA ชี้ให้เห็นว่า อุณหภูมิเดือนนี้พุ่งสูงเกินค่าเฉลี่ย 30 ปี (พ.ศ. 2534-2553) อย่างเห็นได้ชัด โดยอันดับหนึ่งตกเป็นของปี 2566 ที่ร้อนเกิน 2.66 องศาเซลเซียส ตามด้วยปี 2567 ที่เกิน 2.52 องศาเซลเซียส การร้อนผิดปกติครั้งนี้ ต่อเนื่องจากฤดูร้อนที่เพิ่งปิดฉากไป ซึ่ง JMA ยืนยันว่า เป็นฤดูร้อนที่ร้อนที่สุดในประวัติศาสตร์เช่นกัน โดยอุณหภูมิเฉลี่ยทั้งสามเดือน (มิถุนายน-สิงหาคม) สูงเกินปกติ 2.36 องศาเซลเซียส ถือเป็นปีที่สามติดต่อกันที่ทำลายสถิติเก่า

ผลกระทบที่ตามมา: จากคลื่นความร้อนสู่ชีวิตประจำวัน

ความร้อนแผดเผาไม่ได้หยุดอยู่แค่ตัวเลขบนเทอร์โมมิเตอร์เท่านั้น แต่ได้สร้างความเดือดร้อนให้ประชาชนทั่วญี่ปุ่นอย่างกว้างขวาง โดยเฉพาะในพื้นที่ทางตอนใต้อย่างโอกินาวะ ที่เดือนกันยายน กลายเป็นเดือนที่ร้อนที่สุดตั้งแต่เริ่มบันทึกข้อมูลในปี พ.ศ. 2489 (ค.ศ. 1946) ทำให้เกิดคลื่นความร้อนต่อเนื่อง ส่งผลให้จำนวนผู้ป่วยจากภาวะฮีทสโตรก (heatstroke) พุ่งทะลุ 100,143 ราย ตั้งแต่เดือนพฤษภาคมถึงปลายกันยายน สูงสุดนับตั้งแต่ปี 2558 ที่ขยายช่วงสำรวจ และแซงหน้าสถิติปีที่แล้วที่ 97,578 รายในเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา

ญี่ปุ่นยังทำลายสถิติอุณหภูมิสูงสุดในประเทศสองครั้งในวันเดียว โดยที่เมืองอิเสซากิ จังหวัดกุมมะ อุณหภูมิพุ่งแตะ 41.6 และ 41.8 องศาเซลเซียส (107.24°F) สูงสุดนับตั้งแต่มีบันทึก สร้างความตื่นตระหนกให้ทางการที่ต้องออกประกาศเตือนภัยความร้อนใน 44 จาก 47 จังหวัดทั่วประเทศ นอกจากนี้ ความร้อนยังกระทบต่อภาคเกษตรกรรม โดยเขื่อนและที่นาข้าวหลายพื้นที่เผชิญภาวะขาดแคลนน้ำ เนื่องจากฝนตกน้อยผิดปกติ ทำให้การเพาะปลูกข้าวช้าลงและเสี่ยงต่อผลผลิตลดฮวบ

สาเหตุเบื้องหลัง: ภาวะโลกร้อนที่เร่งตัว

ผู้เชี่ยวชาญจาก JMA ชี้ว่า ปัจจัยหลักมาจากปรากฏการณ์เอลนีโญ (El Niño) ที่ยังคงส่งผลกระทบต่อกระแสลมและรูปแบบฝนในภูมิภาคเอเชียตะวันออก รวมถึงการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศจากมนุษย์ที่ทำให้อุณหภูมิโลกสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง

ข้อมูลจากองค์กรนาซา (NASA) และบริการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศของยุโรป (Copernicus) ยืนยันว่า เดือนสิงหาคม 2568 เป็นเดือนที่ร้อนเป็นอันดับสามของโลก รองจากปี 2566 และ 2567 เท่านั้น สะท้อนให้เห็นว่าญี่ปุ่นไม่ได้เผชิญปัญหานี้เพียงลำพัง แต่เป็นส่วนหนึ่งของวิกฤตโลกร้อนที่รุนแรงขึ้นทั่วโลก

นอกจากนี้ ความร้อนยังส่งผลกระทบทางธรรมชาติ เช่น ต้นซากุระที่อาจบานช้ากว่าปกติหรือไม่บานเต็มที่ เนื่องจากฤดูใบไม้ร่วงและฤดูหนาวที่อุ่นผิดปกติไม่กระตุ้นการออกดอก และภูเขาไฟฟูจิที่ปกคลุมด้วยหิมะช้ากว่าปกติเป็นเวลายาวนานที่สุดในปีที่แล้ว ส่งสัญญาณเตือนถึงความไม่สมดุลของระบบนิเวศ

การตอบสนอง: จากรัฐบาลสู่ประชาชน

รัฐบาลญี่ปุ่นภายใต้นายกรัฐมนตรีชิเงรุ อิชิบะ ได้เร่งรัดมาตรการรับมือ โดย JMA คาดการณ์ว่าความร้อนรุนแรงจะยังคงดำเนินต่อไปอีก 2 สัปดาห์ โดยเฉพาะในพื้นที่ตะวันออกและตะวันตกของประเทศ สั่งให้ประชาชนหลีกเลี่ยงกิจกรรมกลางแจ้งช่วงบ่าย ใช้เครื่องปรับอากาศ ดื่มน้ำมากๆ และสวมเสื้อผ้าสีอ่อนเพื่อป้องกันฮีทสโตรก

สำหรับภาครัฐ มีการขยายระบบแจ้งเตือนภัยผ่านแอปพลิเคชัน และสนับสนุนเงินช่วยเหลือเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบจากภัยแล้งในขณะเดียวกัน ประชาชนญี่ปุ่นก็ปรับตัวอย่างรวดเร็ว เช่น การใช้ร่มกันแดดกันความร้อน (heat-repelling umbrellas) ที่กลายเป็นสินค้าขายดี หรือการติดตั้งเครื่องทำความเย็นแบบพกพาในที่สาธารณะ แต่ผู้เชี่ยวชาญเตือนว่านี่เป็นเพียงการเยียวยาชั่วคราว จนกว่านโยบายลดคาร์บอนระดับโลกจะเห็นผล

Related posts

ไทยตั้งเป้า Net Zero เร็วขึ้น 15 ปี เร่งภาคอุตสาหกรรมลดปล่อยคาร์บอน

รวมพลังจิตอาสา ‘ซีแอนด์จี makeover’ โรงเรียนชวดบัว นครนายก

ปชน.ถล่มไม่แก้ ‘สารหนู’ ปนเปื้อนแม่น้ำกกจากการทำเหมืองในเมียนมา