กทม. ยกระดับ 10 มาตรการสู้ฝุ่น PM2.5 ขยายเขต LEZ 50 เขต

ผู้ว่าฯ ชัชชาติ แถลงยกระดับมาตรการสู้ฝุ่น PM2.5 ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร โดยมีสาเหตุหลัก 3 ประการ คือ สภาพอากาศปิด การเผาไหม้ของเครื่องยนต์ และการเผาชีวมวล เดินหน้าใช้หลักวิทยาศาสตร์แก้ไขปัญหาที่ต้นตอ พร้อมประกาศมาตรการเชิงรุก เตรียมพร้อมรับมือช่วงฝุ่นสูงปี 2569

(8 ธ.ค. 68) นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร แถลงมาตรการสู้ฝุ่น และประกาศ ยกระดับมาตรการเพื่อควบคุม ลด และขจัดปัญหาฝุ่นละออง PM2.5 ในพื้นที่ ซึ่งเกิดขึ้นจากสาเหตุหลัก 3 ประการ ผู้ว่าฯ ชัชชาติ เน้นย้ำว่าปัญหาฝุ่นเป็นเรื่องสำคัญที่มีผลต่อการอยู่รอดของเมือง และต้องอาศัยการดำเนินการอย่างจริงจังเหมือนการวิ่งมาราธอน โดยใช้หลักวิทยาศาสตร์ในการระบุต้นตอของฝุ่น เพื่อให้สามารถแก้ไขได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าฯกทม.

จาก “นักสืบฝุ่น” สู่มาตรการเข้มข้น

ภายใต้ภารกิจ “นักสืบฝุ่น” กรุงเทพมหานครได้ศึกษาข้อมูลองค์ประกอบฝุ่นเพื่อกำหนดมาตรการทั้งระยะสั้นและระยะยาว โดยสำหรับช่วงปลายปี 2568 ถึงต้นปี 2569 ซึ่งเป็นช่วงที่มีปริมาณฝุ่นสูงขึ้น ได้มีการยกระดับมาตรการสำคัญดังนี้

การควบคุมแหล่งกำเนิดมลพิษ (รถยนต์/โรงงาน)

กรุงเทพมหานครได้ ยกระดับมาตรการเขตมลพิษต่ำ (LEZ) ให้ครอบคลุม 50 เขตทั่วกรุงเทพฯ โดยจะบังคับใช้เมื่อมีการประกาศสถานการณ์ฝุ่นวิกฤต มุ่งเน้นไปที่การลดมลพิษจากรถบรรทุก 6 ล้อขึ้นไป จากเดิมที่ครอบคลุมพื้นที่วงแหวนรัชดาภิเษกเท่านั้น พร้อมเปิดให้ผู้ประกอบการลงทะเบียน “บัญชีสีเขียว (Green List)” สำหรับยานพาหนะที่ผ่านการรับรองมาตรฐานเพื่อรับอนุญาตเข้าพื้นที่ ขณะเดียวกัน ยังมีการส่งเสริม โครงการ Green List Plus เชิญชวนประชาชนนำรถยนต์ 4 ล้อเข้ารับการบำรุงรักษา (เปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องและไส้กรองอากาศ) เพื่อลดการปล่อยมลพิษ และตั้งเป้าหมาย 500,000 คัน ภายในปี 2569

มาตรการที่เข้มข้นขึ้น คือการเพิ่มความเข้มข้นมาตรฐานการจัดการรถยนต์ควันดำ โดยห้ามเกิน 20% จากเดิม 30% เริ่ม 1 พ.ย. 68 ตั้งเป้าเรียกตรวจเฉลี่ยเดือนละ 10,000 คัน นอกจากนี้ ยัง ยกระดับการตรวจรถในไซต์ก่อสร้าง/สถานประกอบการ รวมถึง ยกระดับการจัดการมลพิษในโรงงาน ที่มีหม้อไอน้ำทุกแห่ง (รวม 256 โรงงาน) โดยให้ติดตั้งระบบตรวจวัดมลพิษอัตโนมัติ (CEMS) และเพิ่มความเข้มข้นของมาตรฐานมลพิษจากปล่องหม้อน้ำให้สูงขึ้น

กทม.สู้ฝุ่น PM2.5

การรับมือและป้องกันผลกระทบ

ในด้านการรับมือและป้องกันผลกระทบต่อสุขภาพ ได้มีการ ยกระดับการจัดทำห้องปลอดฝุ่น ในโรงเรียนและศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก โดยตั้งเป้าหมายให้แล้วเสร็จ 100% ภายในเดือนมีนาคม 2569 นอกจากนี้ ยังมีการ ยกระดับมาตรการ Work From Home (WFH) โดยเพิ่มเป้าหมายผู้เข้าร่วมสูงสุด 300,000 คน และปรับแนวทางการร่วม WFH เป็น 2 แบบ คือ เมื่อ กทม. ประกาศขอความร่วมมือ และการ WFH อย่างน้อยสัปดาห์ละ 1 วัน ในช่วง ม.ค. 68 ถึง มี.ค. 69

ด้านการสื่อสาร ได้ ยกระดับการแจ้งเตือน โดยเพิ่มช่องทาง Cell Broadcast และพัฒนาระบบพยากรณ์คาดการณ์ฝุ่นรายเขตเรียลไทม์เป็น 7 วัน จากเดิม 3 วัน รวมถึงมีการสื่อสารเป็นภาษาอังกฤษ และเปิดโอกาสให้ประชาชนมีส่วนร่วมแจ้งเหตุแหล่งกำเนิดฝุ่นผ่าน Traffy Fondue สุดท้ายคือการ เพิ่มพื้นที่สีเขียว ด้วยการปลูกต้นไม้ล้านต้น โดยเพิ่มเป้าหมายเป็น 3 ล้านต้น และเพิ่มสวน 15 นาที ให้ครบ 500 แห่ง ตามเป้าหมาย

จับมือ 5 จังหวัดต้นลม แก้ไขปัญหาการเผา

นอกจากมาตรการภายในแล้ว กรุงเทพมหานครยังได้ ยกระดับการประสานงาน และสนับสนุนจังหวัดข้างเคียง ในการทำข้อตกลงร่วมกันเพื่อลดการเผาชีวมวล (การเกษตร) โดยมีการบูรณาการร่วมกับหลายหน่วยงานเพื่อหารือแนวทางลดการเผาในพื้นที่เกษตรใน 5 จังหวัดต้นลม ซึ่งเป็นพื้นที่เป้าหมาย ได้แก่ นครนายก, ปราจีนบุรี, ฉะเชิงเทรา, ชลบุรี, และสระแก้ว รวมถึงควบคุมและลดการเผาในพื้นที่ป่า โดยจะมีการสร้างความเข้าใจกับเกษตรกร และเสนอตั้งคณะทำงานร่วมระหว่างกระทรวงเกษตรฯ จังหวัด และ กทม. เพื่อนำไปสู่การแก้ไขปัญหา PM2.5 อย่างยั่งยืนในพื้นที่กรุงเทพมหานคร

การดำเนินการทั้งหมดนี้ตอกย้ำความมุ่งมั่นของ กทม. ที่จะต่อสู้กับฝุ่นเพื่อนำไปสู่ “กรุงเทพฯ อากาศสะอาด ประชาชนหายใจได้เต็มปอด”

Related posts

11 ธ.ค. ‘วันภูเขาสากล’ ตระหนักถึง ‘หอคอยน้ำ’ หัวใจของระบบนิเวศโลก

รู้จัก ‘ชยันต์ เมืองสง’ แม่ทัพน้ำคนใหม่ หวนคืนถิ่นคุม สทนช.

ครม. เคาะปรับมาตรการ EV3–EV3.5 ป้องกันรถไฟฟ้าล้นตลาด