ผู้ว่าฯ ชัชชาติ แถลงยกระดับมาตรการสู้ฝุ่น PM2.5 ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร โดยมีสาเหตุหลัก 3 ประการ คือ สภาพอากาศปิด การเผาไหม้ของเครื่องยนต์ และการเผาชีวมวล เดินหน้าใช้หลักวิทยาศาสตร์แก้ไขปัญหาที่ต้นตอ พร้อมประกาศมาตรการเชิงรุก เตรียมพร้อมรับมือช่วงฝุ่นสูงปี 2569
(8 ธ.ค. 68) นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร แถลงมาตรการสู้ฝุ่น และประกาศ ยกระดับมาตรการเพื่อควบคุม ลด และขจัดปัญหาฝุ่นละออง PM2.5 ในพื้นที่ ซึ่งเกิดขึ้นจากสาเหตุหลัก 3 ประการ ผู้ว่าฯ ชัชชาติ เน้นย้ำว่าปัญหาฝุ่นเป็นเรื่องสำคัญที่มีผลต่อการอยู่รอดของเมือง และต้องอาศัยการดำเนินการอย่างจริงจังเหมือนการวิ่งมาราธอน โดยใช้หลักวิทยาศาสตร์ในการระบุต้นตอของฝุ่น เพื่อให้สามารถแก้ไขได้อย่างมีประสิทธิภาพ
จาก “นักสืบฝุ่น” สู่มาตรการเข้มข้น
ภายใต้ภารกิจ “นักสืบฝุ่น” กรุงเทพมหานครได้ศึกษาข้อมูลองค์ประกอบฝุ่นเพื่อกำหนดมาตรการทั้งระยะสั้นและระยะยาว โดยสำหรับช่วงปลายปี 2568 ถึงต้นปี 2569 ซึ่งเป็นช่วงที่มีปริมาณฝุ่นสูงขึ้น ได้มีการยกระดับมาตรการสำคัญดังนี้
การควบคุมแหล่งกำเนิดมลพิษ (รถยนต์/โรงงาน)
กรุงเทพมหานครได้ ยกระดับมาตรการเขตมลพิษต่ำ (LEZ) ให้ครอบคลุม 50 เขตทั่วกรุงเทพฯ โดยจะบังคับใช้เมื่อมีการประกาศสถานการณ์ฝุ่นวิกฤต มุ่งเน้นไปที่การลดมลพิษจากรถบรรทุก 6 ล้อขึ้นไป จากเดิมที่ครอบคลุมพื้นที่วงแหวนรัชดาภิเษกเท่านั้น พร้อมเปิดให้ผู้ประกอบการลงทะเบียน “บัญชีสีเขียว (Green List)” สำหรับยานพาหนะที่ผ่านการรับรองมาตรฐานเพื่อรับอนุญาตเข้าพื้นที่ ขณะเดียวกัน ยังมีการส่งเสริม โครงการ Green List Plus เชิญชวนประชาชนนำรถยนต์ 4 ล้อเข้ารับการบำรุงรักษา (เปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องและไส้กรองอากาศ) เพื่อลดการปล่อยมลพิษ และตั้งเป้าหมาย 500,000 คัน ภายในปี 2569
มาตรการที่เข้มข้นขึ้น คือการเพิ่มความเข้มข้นมาตรฐานการจัดการรถยนต์ควันดำ โดยห้ามเกิน 20% จากเดิม 30% เริ่ม 1 พ.ย. 68 ตั้งเป้าเรียกตรวจเฉลี่ยเดือนละ 10,000 คัน นอกจากนี้ ยัง ยกระดับการตรวจรถในไซต์ก่อสร้าง/สถานประกอบการ รวมถึง ยกระดับการจัดการมลพิษในโรงงาน ที่มีหม้อไอน้ำทุกแห่ง (รวม 256 โรงงาน) โดยให้ติดตั้งระบบตรวจวัดมลพิษอัตโนมัติ (CEMS) และเพิ่มความเข้มข้นของมาตรฐานมลพิษจากปล่องหม้อน้ำให้สูงขึ้น
การรับมือและป้องกันผลกระทบ
ในด้านการรับมือและป้องกันผลกระทบต่อสุขภาพ ได้มีการ ยกระดับการจัดทำห้องปลอดฝุ่น ในโรงเรียนและศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก โดยตั้งเป้าหมายให้แล้วเสร็จ 100% ภายในเดือนมีนาคม 2569 นอกจากนี้ ยังมีการ ยกระดับมาตรการ Work From Home (WFH) โดยเพิ่มเป้าหมายผู้เข้าร่วมสูงสุด 300,000 คน และปรับแนวทางการร่วม WFH เป็น 2 แบบ คือ เมื่อ กทม. ประกาศขอความร่วมมือ และการ WFH อย่างน้อยสัปดาห์ละ 1 วัน ในช่วง ม.ค. 68 ถึง มี.ค. 69
ด้านการสื่อสาร ได้ ยกระดับการแจ้งเตือน โดยเพิ่มช่องทาง Cell Broadcast และพัฒนาระบบพยากรณ์คาดการณ์ฝุ่นรายเขตเรียลไทม์เป็น 7 วัน จากเดิม 3 วัน รวมถึงมีการสื่อสารเป็นภาษาอังกฤษ และเปิดโอกาสให้ประชาชนมีส่วนร่วมแจ้งเหตุแหล่งกำเนิดฝุ่นผ่าน Traffy Fondue สุดท้ายคือการ เพิ่มพื้นที่สีเขียว ด้วยการปลูกต้นไม้ล้านต้น โดยเพิ่มเป้าหมายเป็น 3 ล้านต้น และเพิ่มสวน 15 นาที ให้ครบ 500 แห่ง ตามเป้าหมาย
จับมือ 5 จังหวัดต้นลม แก้ไขปัญหาการเผา
นอกจากมาตรการภายในแล้ว กรุงเทพมหานครยังได้ ยกระดับการประสานงาน และสนับสนุนจังหวัดข้างเคียง ในการทำข้อตกลงร่วมกันเพื่อลดการเผาชีวมวล (การเกษตร) โดยมีการบูรณาการร่วมกับหลายหน่วยงานเพื่อหารือแนวทางลดการเผาในพื้นที่เกษตรใน 5 จังหวัดต้นลม ซึ่งเป็นพื้นที่เป้าหมาย ได้แก่ นครนายก, ปราจีนบุรี, ฉะเชิงเทรา, ชลบุรี, และสระแก้ว รวมถึงควบคุมและลดการเผาในพื้นที่ป่า โดยจะมีการสร้างความเข้าใจกับเกษตรกร และเสนอตั้งคณะทำงานร่วมระหว่างกระทรวงเกษตรฯ จังหวัด และ กทม. เพื่อนำไปสู่การแก้ไขปัญหา PM2.5 อย่างยั่งยืนในพื้นที่กรุงเทพมหานคร
การดำเนินการทั้งหมดนี้ตอกย้ำความมุ่งมั่นของ กทม. ที่จะต่อสู้กับฝุ่นเพื่อนำไปสู่ “กรุงเทพฯ อากาศสะอาด ประชาชนหายใจได้เต็มปอด”