HIA Forum 2025 เผยร่างกฎหมายฉบับประชาชน ที่ใช้ HIA และนวัตกรรมอย่าง AQHI และกองทุนอากาศสะอาด เพื่อจัดการฝุ่นพิษ PM2.5 ถึงรากเหง้า พร้อมให้ประชาชนมีส่วนร่วมอย่างแท้จริง
เวที “HIA Forum 2025” จัดโดยสำนักงานคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ (สช.) ร่วมกับกรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และหน่วยงานภาคีเครือข่าย ได้จัดการเสวนาในหัวข้อ “การแก้ไขปัญหา PM2.5 อย่างยั่งยืน: มาตรการด้านกฎหมายและการปกป้องสุขภาพระดับท้องถิ่นและระดับชาติ และ พ.ร.บ.อากาศสะอาด” เพื่ออัปเดตสถานการณ์ฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM2.5 ความคืบหน้าการผลักดันร่าง พ.ร.บ.บริหารจัดการเพื่ออากาศสะอาด และการเชื่อมโยงกับเครื่องมือการประเมินผลกระทบทางสุขภาพ (HIA) ตาม พ.ร.บ.สุขภาพแห่งชาติ พ.ศ. 2550
รศ. ดร.คนึงนิจ ศรีบัวเอี่ยม จากคณะนิติศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ในฐานะนายกสมาคมเครือข่ายอากาศสะอาดเพื่อสุขภาพ กล่าวว่า ร่าง พ.ร.บ.อากาศสะอาดฉบับประชาชน เกิดจากการรวมตัวของจิตอาสา สื่อ ภาคประชาสังคม และนักวิชาการที่ต้องการแก้ปัญหามลพิษทางอากาศเชิงโครงสร้างที่เรื้อรัง โดยเน้นการเปลี่ยนจากการจัดการมลพิษไปสู่การสร้างอากาศสะอาด ร่างกฎหมายนี้แตกต่างจากฉบับอื่น ด้วยการนำนวัตกรรมมาใช้ เช่น ดัชนีอากาศเพื่อสุขภาพ (AQHI) การกำหนดศักยภาพการรองรับของพื้นที่ ระบบพลเมืองเฝ้าระวังและแจ้งเตือน การแบ่งเขตเฝ้าระวังและเขตประสบมลพิษ รวมถึงการจัดตั้งกองทุนอากาศสะอาดที่ให้ผู้ก่อมลพิษรับผิดชอบค่าใช้จ่าย แม้ร่างกฎหมายนี้จะเผชิญอุปสรรค เช่น การถูกระงับเนื่องจากเป็นกฎหมายการเงิน แต่ปัจจุบันได้รับการพิจารณาใหม่ในฐานะหนึ่งในเจ็ดฉบับที่อยู่ระหว่างการพิจารณา
นายไพสิฐ พาณิชย์กุล จากคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ระบุว่า ร่าง พ.ร.บ.อากาศสะอาดจะสร้างระบบนิเวศใหม่ที่สนับสนุน HIA โดยกำหนดสิทธิในอากาศสะอาดและหน้าที่ของรัฐและประชาชนในการปกป้องคุณภาพอากาศ พร้อมทั้งปรับโครงสร้างการจัดการมลพิษ สร้างระบบฐานข้อมูลขนาดใหญ่เกี่ยวกับมลพิษ และส่งเสริมการมีส่วนร่วมของประชาชนอย่างแท้จริง เช่น การให้ประชาชนเป็นผู้ช่วยเจ้าพนักงานอากาศสะอาด มีสิทธิฟ้องร้อง และเข้าถึงข้อมูลมลพิษ นอกจากนี้ ร่างกฎหมายยังกำหนดนโยบาย ยุทธศาสตร์ และแผนปฏิบัติการตั้งแต่ระดับชาติถึงท้องถิ่น รวมถึงระบบเฝ้าระวังและการแจ้งเตือน เพื่อจัดการมลพิษอย่างมีประสิทธิภาพ
น.ส.กาญจนา สวยสม จากกรมควบคุมมลพิษ (คพ.) เปิดเผยว่า คพ. มีบทบาทในการเสนอนโยบายและแผนจัดการมลพิษ โดยล่าสุด คณะรัฐมนตรีได้อนุมัติแผนปฏิบัติการขับเคลื่อนวาระแห่งชาติเรื่องการแก้ไขปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก ฉบับที่ 2 พ.ศ. 2568-2570 ซึ่งเน้นควบคุมมลพิษที่แหล่งกำเนิดมากกว่าการแก้ไขปลายเหตุ สถานการณ์ PM2.5 ในปี 2568 พบว่า ค่าเฉลี่ยทั่วประเทศอยู่ที่ 28 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร แม้จะอยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน แต่บางวันในกรุงเทพฯ และปริมณฑลเกินมาตรฐานถึง 183 วัน และภาคเหนือ 163 วัน โดยมีสาเหตุจากคมนาคม ไฟป่า และการเผาในที่โล่ง คพ. ยังมีส่วนร่วมในการยกร่าง พ.ร.บ.อากาศสะอาดฉบับภาครัฐ และหากกฎหมายนี้ผ่าน จะนำไปสู่การจัดตั้งสำนักงานบริหารจัดการเพื่ออากาศสะอาด
นายสนธิ คชวัฒน์ นักวิชาการด้านสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ กล่าวถึงอันตรายของฝุ่น PM2.5 และ PM0.1 ซึ่งสามารถทะลุเข้าถุงลมปอดและเส้นเลือด เพิ่มความเสี่ยงต่อโรคหัวใจและมะเร็ง โดยเฉพาะ PM0.1 จากไอเสียรถยนต์ดีเซลที่องค์การอนามัยโลกจัดเป็นสารก่อมะเร็งกลุ่มที่ 1 แต่ประเทศไทยยังขาดการตรวจวัด PM0.1 อย่างเฉพาะเจาะจง ทำให้ประชาชนต้องตระหนักถึงความเสี่ยงเมื่ออยู่ในพื้นที่ที่มีมลพิษสูง เช่น ถนนที่มีการจราจรหนาแน่น
ร่าง พ.ร.บ.อากาศสะอาดฉบับประชาชนจึงเป็นความหวังในการแก้ปัญหาฝุ่นพิษ PM2.5 อย่างยั่งยืน โดยใช้ HIA เป็นเครื่องมือเชื่อมโยงการมีส่วนร่วมของประชาชนและนวัตกรรม เพื่อสร้างอากาศสะอาดและปกป้องสุขภาพประชาชนอย่างแท้จริง