“ขยะพลาสติก” ท่วมโลก สร้างวิกฤตสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ ต่างชาติใช้กลยุทธ์เข้มข้นจัดการขยะ ด้าน กทม. ออกข้อบัญญัติใหม่หวังลดขยะตั้งแต่ต้นทาง พร้อมงัดกลยุทธ์ “ไม่เทรวม” นักวิชาการชี้ อาจยังไม่เพียงพอเมื่อเทียบกับมาตรการสากล
รายงานจาก UNEP ระบุว่า ทั่วโลกผลิตพลาสติก มากกว่า 400 ล้านตันต่อปี โดยครึ่งหนึ่งของพลาสติกเหล่านี้ได้รับการออกแบบมาให้ใช้เพียงครั้งเดียว และในจำนวนนี้ มีเพียงไม่ถึง 10 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น ที่นำไปรีไซเคิล มีการคาดการณ์ว่าในแต่ละปี มีขยะราว 11 ล้านตันที่ไหลลงสู่ทะเลสาบ แม่น้ำและทะเล ซึ่งเทียบเท่ากับน้ำหนักของหอไอเฟล 2,200 หอ นอกจากนี้ ไมโครพลาสติก (อนุภาคขนาดเล็กกว่า 5 มม.) ยังปนเปื้อนในอาหาร น้ำ และอากาศ โดยคาดว่ามนุษย์บริโภคไมโครพลาสติกกว่า 50,000 อนุภาคต่อคนต่อปี ซึ่งอาจสูงกว่านี้หากรวมการสูดดม
หลายประเทศ เริ่มมีมาตรการและงัดกลยุทธ์ ในการกำจัดขยะออกมาสร้างแรงจูงใจ เพื่อรับมือวิกฤตขยะพลาสติกล้นโลก เช่น เยอรมนีใช้ระบบมัดจำคืนขวด ส่วนยุโรป เก็บภาษีถุงพลาสติกและการส่งเสริมถุงย่อยสลายได้
ตัวอย่างกลยุทธ์การจัดการขยะพลาสติกในต่างประเทศ
- เยอรมนี: ระบบมัดจำคืนขวด (Deposit-Return System)
เยอรมนีใช้ระบบมัดจำสำหรับกระป๋องและขวดพลาสติก เช่น คิดเงินมัดจำ 0.25 ยูโรต่อชิ้นเมื่อซื้อสินค้า ผู้บริโภคสามารถคืนเงินมัดจำได้โดยนำขวดหรือกระป๋องไปคืนที่เครื่องรับคืนอัตโนมัติ (Reverse Vending Machine) ซึ่งร้านค้าจะส่งต่อไปยังโรงงานเพื่อนำไป reuse หรือ recycle ระบบนี้สร้างแรงจูงใจให้ผู้บริโภคคืนขยะและลดปริมาณขยะที่ถูกทิ้ง
- ยุโรป: ภาษีถุงพลาสติกและการส่งเสริมถุงย่อยสลายได้
รัฐบาลประเทศในยุโรปเกือบทุกแห่งจะเก็บภาษีถุงพลาสติกจากร้านค้าทุกแห่งเพื่อกดดันให้ร้านค้าไปคิดเงินค่าถุงพลาสติกจากลูกค้าอีกที เช่นใบละ7-21บาทโดยถุงพลาสติกดังกล่าวจะต้องเป็นถุงพลาสติกที่้สามารถย่อยสลายได้ตามธรรมชาติเป็นฮัวมัสต่อไป ดังนั้นลูกค้าในยุโรปจึงนิยมพกถุงพลาสติกที่ใช้แล้วหรือถุงผ้าทุกครั้งที่ไปshopping
- ”บ้านนี้ไม่เทรวม” กทม. ปรับขึ้นค่าเก็บขยะ 3 เท่า เริ่ม ต.ค. 68
ในขณะที่ประเทศไทย โดย กทม. ออกข้อบัญญัติ พ.ศ. 2568 เก็บค่าธรรมเนียมจัดการขยะตามปริมาณ เช่น ขยะไม่เกิน 20 ลิตร/วัน คิด 60 บาท/เดือน แต่ถ้าคัดแยกและลงทะเบียนผ่านแอป BKK Waste Pay ลดเหลือ 20 บาท/เดือน ขยะเกิน 1 ลบ.ม./วัน คิด 8,000 บาท/ลบ.ม. ขยะติดเชื้อ เช่น ไม่เกิน 13 ลิตร/วัน คิด 780 บาท/เดือน ในโครงการ “บ้านนี้ไม่เทรวม” ส่งเสริมคัดแยกขยะเพื่อลดค่าธรรมเนียม
ดร.สนธิ คชวัฒน์ นักวิชาการด้านสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ ชมรมนักวิชาการสิ่งแวดล้อมไทย มองว่านโยบาย กทม. เป็นจุดเริ่มต้นที่ดีด้วยแรงจูงใจทางการเงิน แต่ส่วนลด เช่น 40 บาท/เดือน อาจไม่จูงใจมากพอ โครงสร้างพื้นฐานการคัดแยกและรีไซเคิลยังขาดประสิทธิภาพ การบังคับใช้และความตระหนักรู้ของประชาชนยังต่ำ เมื่อเทียบกับเยอรมนีหรือยุโรป ที่ใช้ระบบมัดจำและภาษีที่มีผลชัดเจน
“ประเทศไทยจะไปทิศทางไหนดี?หรือทำเพียงแค่ขอความร่วมมือให้ประชา ชน แยกขยะเท่านั้น ซึ่งไม่มีแรงจูงใจอะ ไรเลย สุดท้ายก็ต้องไปแยกขยะกันที่ปลายทาง เสียทั้งเวลาและงบประมาณหรือไม่ก็นำไปเทรวมกันเป็นภูเขาทั่วประเทศแบบง่ายๆ ตามที่เคยทำ”
อ้างอิง: