สภาล่ม 1 เสียง ‘พ.ร.บ.อากาศสะอาด’ ชะงัก สิทธิหายใจถูกทิ้งกลางทาง

by Pom Pom

สภาล่มเพียง 1 เสียง “ร่าง พ.ร.บ.อากาศสะอาด” สะดุด พ่อหมอกฤตไทออกโรงทวงสิทธิ์หายใจของประชาชน ท่ามกลางวิกฤตฝุ่น PM2.5 ที่คร่าชีวิตและสุขภาพคนไทย การเมืองจะขวางความหวังนี้ได้อีกนานแค่ไหน?

“สภาล่ม” เพียงเพราะขาดสมาชิกที่เข้าร่วมประชุมไปเพียง 1 เสียงเท่านั้น จนทำให้ พ.ร.บ.อากาศสะอาด ต้องสะดุด เพราะการพิจารณาถูกเลื่อนออกไปอย่างไม่มีกำหนด หลังที่ประชุมรัฐสภา มีนัดพิจารณาร่าง พ.ร.บ. บริหารจัดการเพื่ออากาศสะอาด พ.ศ. … ในวาระที่ 2 เมื่อวันที่ 25 ก.ย. 2568 ที่ผ่านมา

เหตุการณ์นี้สร้างความผิดหวังอย่างมาก โดยเฉพาะเมื่อสาเหตุหลักมาจากการขาด สส.บางส่วน โดยเฉพาะจากพรรคเพื่อไทย ซึ่งถูกวิจารณ์ว่าบางคนอาจไม่ให้ความสำคัญกับวาระนี้ นายณรงเดช วิมลเฉลา สส.พรรคประชาชาติ โพสต์ยืนยันว่าเขาอยู่ร่วมลงมติจนถึงช่วงเย็นก่อนไปงานศพพ่อ ขณะที่พรรคประชาชนเรียกร้องให้ทุกพรรคเร่งผลักดันกฎหมายนี้ให้สำเร็จ ซ้ำยังมีดราม่าเมื่อพรรคเพื่อไทยชงพิจารณาเรื่อง “ถนนทรุดสามเสน” แต่ถูกคัดค้าน เพราะเห็นว่า พ.ร.บ.อากาศสะอาดสำคัญกว่า ส่งผลให้การประชุมตึงเครียดและต้องพักชั่วคราว การล่มสภาครั้งนี้ทำให้ร่างกฎหมายที่ประชาชนรอคอยมานานกว่า 1 ปี 8 เดือนต้องชะงัก ท่ามกลางวิกฤตฝุ่นพิษ PM2.5 ที่คาดว่าจะรุนแรงในช่วงมกราคม-มีนาคม 2569

เสียงสะท้อนจากพ่อหมอกฤตไท: อากาศสะอาดไม่ใช่เกมการเมือง

นายไทภัทร ธนสมบัติกุล พ่อของ หมอกฤตไท หรือ ดร.กฤตไท ธนสมบัติกุล เจ้าของเพจ “สู้ดิวะ” ผู้เสียชีวิตจากมะเร็งปอดในวัยเพียง 30 ปี ซึ่งเชื่อว่าฝุ่น PM2.5 เป็นหนึ่งในสาเหตุของโรค โพสต์คลิปย้อนฟังคำพูดของลูกชายที่เคยพูดถึงปัญหาฝุ่นพิษว่าไม่มีองค์กรใดให้ความสำคัญอย่างจริงจัง พร้อมเขียนข้อความว่า “#สู้ดิวะ อากาศสะอาด ไม่ใช่ของเล่นทางการเมือง! อากาศสะอาด คือสิทธิ์ในการมีชีวิตอยู่!”

นายไทภัทรระบุว่า “ฟังลูกชายเล่าถึงภัยร้ายจากฝุ่นพิษ PM2.5 แล้วใจหาย นี่ไม่ใช่แค่ฝุ่นธรรมดา แต่มันคือฆาตกรเงียบที่แทรกซึมเข้าสู่ปอด สมอง กระดูก และทุกอวัยวะ มันกัดกินสุขภาพทีละน้อย จนต้องเผชิญความเจ็บปวดทรมาน และตายในที่สุด” เขาย้ำว่า PM2.5 ไม่เลือกวัย ไม่ว่าจะเด็ก ผู้ใหญ่ หรือผู้สูงอายุ ทุกคนตกอยู่ในความเสี่ยง ทุกลมหายใจที่สูดฝุ่นคือการกลืนยาพิษ เขาเรียกร้องให้ประชาชนลุกขึ้นทวงสิทธิ์พื้นฐานในการมีอากาศสะอาด ซึ่งไม่ใช่เรื่องพรรคการเมืองหรือผลประโยชน์ แต่คือ สิทธิ์ในการมีชีวิต พร้อมประณามผู้ที่บิดเบือนหรือหน่วงเหนี่ยวกฎหมายนี้ว่า “ขอให้ผู้นั้นและคนใกล้ชิดเผชิญชะตากรรมเดียวกับผู้ป่วยทางเดินหายใจที่ทรมานและสิ้นใจท่ามกลางอากาศพิษ”

ที่มาของ พ.ร.บ.อากาศสะอาด: การต่อสู้เพื่อลมหายใจของชาติ

การผลักดัน พ.ร.บ.อากาศสะอาด เกิดจากวิกฤตฝุ่น PM2.5 ที่รุนแรงขึ้นทุกปี โดยเฉพาะในกรุงเทพฯ และภาคเหนือ ซึ่งบางช่วงมีค่า PM2.5 สูงเกิน 100 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร (เกินมาตรฐาน WHO ที่ 25 ไมโครกรัมฯ) ส่งผลให้มีผู้ป่วยโรคทางเดินหายใจและมะเร็งปอดเพิ่มขึ้นกว่า 20% ในบางพื้นที่ ตั้งแต่ปี 2566-2567 ฝุ่นพิษนี้มาจากหลายแหล่ง เช่น ไฟป่า การจราจร อุตสาหกรรม และมลพิษข้ามพรมแดนจากประเทศเพื่อนบ้าน ความรุนแรงของปัญหานี้ผลักดันให้หลายฝ่ายร่วมกันร่างกฎหมายเพื่อจัดการอย่างเป็นระบบ

เมื่อวันที่ 17 มกราคม 2567 สภาผู้แทนราษฎรผ่านร่าง พ.ร.บ.อากาศสะอาดทั้ง 7 ฉบับ ในวาระแรกด้วยคะแนน 439 ต่อ 0 เสียง แสดงถึงความเห็นพ้องว่าปัญหานี้เร่งด่วน จากนั้น สภาตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญ 39 คน เพื่อรวมร่างทั้ง 7 เป็นร่างเดียว โดยลงนามโดย นายเศรษฐา ทวีสิน อดีตนายกรัฐมนตรี และ นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ จากพรรคเพื่อไทย ร่างทั้ง 7 ฉบับที่รวมกัน ได้แก่:

  • ร่าง พ.ร.บ.เพื่ออากาศสะอาด เสนอโดยคณะรัฐมนตรี
  • ร่าง พ.ร.บ.อากาศสะอาดเพื่อประชาชน เสนอโดยนายอนุทิน ชาญวีรกูล พรรคภูมิใจไทย
  • ร่าง พ.ร.บ.อากาศสะอาดเพื่อสิทธิมนุษยชนขั้นพื้นฐาน เสนอโดยนายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ พรรคเพื่อไทย
  • ร่าง พ.ร.บ.กำกับดูแลการจัดการอากาศสะอาดเพื่อสุขภาพแบบบูรณาการ เสนอโดยนางคนึงนิจ ศรีบัวเอี่ยม เครือข่ายอากาศสะอาด และผู้มีสิทธิเลือกตั้ง 22,251 คน
  • ร่าง พ.ร.บ.บริหารจัดการเพื่ออากาศสะอาด เสนอโดยนางสาวตรีนุช เทียนทอง พรรคพลังประชารัฐ
  • ร่าง พ.ร.บ.ส่งเสริมและรักษาอากาศเพื่อสุขภาพ เสนอโดยนายร่มธรรม ขำนุรักษ์ พรรคประชาธิปัตย์
  • ร่าง พ.ร.บ.ฝุ่นพิษและการก่อมลพิษข้ามพรมแดน เสนอโดยนายภัทรพงษ์ ลีลาภัทร์ พรรคประชาชน

ร่างรวมนี้มุ่งกำหนดมาตรฐานคุณภาพอากาศ จัดการแหล่งกำเนิดฝุ่น ทั้งในและนอกประเทศ สร้างคณะกรรมการกลาง และกำหนดบทลงโทษผู้ฝ่าฝืน เพื่อลด PM2.5 ให้ต่ำกว่ามาตรฐาน WHO และปกป้องสุขภาพประชาชนอย่างยั่งยืน

ทางออก: ลมหายใจของประชาชนต้องมาก่อน

การล่มสภาครั้งนี้ไม่เพียงชะลอร่างกฎหมาย แต่ยังสะท้อนถึงการเมืองที่อาจให้ความสำคัญกับผลประโยชน์มากกว่าชีวิตประชาชน นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาฯ ระบุว่า เป็น “สถานการณ์เฉพาะ” และจะไม่กระทบการทำงานต่อไป แต่สำหรับประชาชน การชะงักครั้งนี้คือความสูญเสียโอกาสในการมีอากาศสะอาด พ.ร.บ.นี้มีสาระสำคัญ เช่น การกำหนดแผนจัดการฝุ่นระยะสั้น-ยาว การตรวจวัดคุณภาพอากาศแบบเรียลไทม์ การควบคุมยานพาหนะเก่า ไฟป่า และมลพิษข้ามพรมแดน ซึ่งทั้งหมดล้วนเร่งด่วน

ประชาชนต้องร่วมกดดันให้สภาเร่งพิจารณาร่างนี้ในนัดถัดไป โดยคาดว่าจะบรรจุวาระในเดือนตุลาคม 2568 เพื่อให้ทันฤดูฝุ่นพิษที่กำลังมา อากาศสะอาดไม่ใช่แค่ความหวัง แต่เป็นสิทธิ์ขั้นพื้นฐานของทุกคน ดังที่นายไทภัทรย้ำ: “ประเทศไทยต้องมี พ.ร.บ.อากาศสะอาดที่บังคับใช้ได้จริง ไม่ใช่แค่ตัวหนังสือไร้พลัง จงจำไว้!” การต่อสู้ครั้งนี้ไม่ใช่แค่เพื่อหมอกฤตไท แต่เพื่อลมหายใจของคนไทยทุกคน

Copyright @2021 – All Right Reserved.