“จระเข้” ปฏิวัติวงการก่อสร้างด้วยสุดยอดนวัตกรรม Dustless Technology รายเดียวในไทย ลดการฟุ้งกระจายของฝุ่น PM2.5 ถึง 80% สร้างมาตรฐานใหม่ “กาวซีเมนต์” ปลอดภัย-ยั่งยืน เร่งแก้วิกฤตฝุ่น-ลดผลกระทบต่อสุขภาพ
ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ประเทศไทยเผชิญวิกฤตฝุ่น PM2.5 ที่ทวีความรุนแรง ส่งผลกระทบต่อสุขภาพประชาชน และสิ่งแวดล้อมในหลายจังหวัดทั่วประเทศ จากข้อมูลของกระทรวงสาธารณสุข รายงานว่า ในเดือนมกราคม 2568 มีผู้ป่วยจากฝุ่น PM2.5 กว่า 144,000 ราย โดยพบโรคผิวหนังอักเสบ ตาอักเสบ และโรคเกี่ยวกับปอดเป็นส่วนใหญ่
แน่นอนว่า สาเหตุของฝุ่น PM2.5 มาจากหลายปัจจัย เช่น การเผาป่า โรงงานอุตสาหกรรม ไอเสียยานพาหนะ และการขยายตัวของงานก่อสร้าง ทั้งโครงการใหม่และงานซ่อมแซม ท่ามกลางสถานการณ์นี้ มีความพยายามจากเอกชนผู้ผลิตสินค้า ที่อยากมีส่วนช่วยลดปัญหานี้ ด้วยการผลิตสินค้าที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เช่นเดียวกับ บริษัท จระเข้ คอร์ปอเรชั่น จำกัด ผู้นำนวัตกรรมก่อสร้างครบวงจรสัญชาติไทย ตระหนักถึงความจำเป็นเร่งด่วนในการแก้ปัญหา จึงมุ่งมั่นพัฒนาเทคโนโลยีที่ยกระดับความปลอดภัยของผู้ใช้งาน และลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมตามมาตรฐานสากลอย่างต่อเนื่อง
Dustless Technology: นวัตกรรมกาวซีเมนต์ลดฝุ่นรายแรกและรายเดียวในไทย
จระเข้ ได้เปิดตัวนวัตกรรมล่าสุด Dustless Technology ซึ่งนำมาใช้ในผลิตภัณฑ์กาวซีเมนต์ปูกระเบื้องทั้ง 8 รุ่น ถือเป็นแบรนด์แรก และแบรนด์เดียวในประเทศไทยที่นำเทคโนโลยีนี้มาใช้ โดยสามารถลดการฟุ้งกระจายของฝุ่นในขั้นตอนการใช้งานได้สูงถึง 80% สร้างมาตรฐานใหม่ให้วงการก่อสร้างไทยที่ไม่เพียงเน้นประสิทธิภาพ แต่ยังคำนึงถึงสุขภาพผู้ใช้งาน และความยั่งยืนของโลก
ดร.จิรัฏฐ์ สิริเฉลิมพงศ์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่อาวุโส บริษัท จระเข้ คอร์ปอเรชั่น จำกัด กล่าวว่า เราเล็งเห็นความสำคัญของการลดฝุ่นในงานก่อสร้าง ตั้งแต่กระบวนการผลิตจนถึงการใช้งาน เพื่อปกป้องทั้งพนักงาน ช่างก่อสร้าง เจ้าของบ้าน และชุมชนรอบข้าง ด้วยการนำเทคโนโลยีระดับโลกมาปรับใช้ จระเข้ภูมิใจที่เป็นผู้นำรายแรกในไทย ที่พัฒนากาวซีเมนต์ลดฝุ่นครอบคลุมทุกรุ่น ตั้งแต่กาวซีเมนต์จระเข้เขียวที่ได้รับความนิยม ไปจนถึงรุ่นพรีเมียมอย่างกาวซีเมนต์จระเข้ทองสำหรับงานปูทับ
ดร.จิรัฏฐ์ สิริเฉลิมพงศ์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่อาวุโส บริษัท จระเข้ คอร์ปอเรชั่น จำกัด
ประสิทธิภาพที่พิสูจน์ได้จริง
จากการทดสอบ Dustless Technology โดยการเขย่ากาวซีเมนต์ปูกระเบื้องลดฝุ่นเป็นเวลา 30 วินาที แล้ววางทิ้งไว้ในภาชนะปิด พบว่า ในวินาทีที่ 48 หลังหยุดเขย่า ปริมาณฝุ่นในอากาศลดลงถึง 80% เมื่อเทียบกับกาวซีเมนต์สูตรทั่วไป ช่วยให้ผู้รับเหมา ช่างก่อสร้าง และเจ้าของบ้านมั่นใจได้ว่า งานก่อสร้างจะปลอดภัยต่อสุขภาพและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้น ซึ่งถือเป็นแบรนด์เดียวในประเทศไทย ที่มีนวัตกรรมดังกล่าวมาใช้ในผลิตภัณฑ์กาวซีเมนต์ นับเป็นการสร้างมาตรฐานใหม่ให้วงการก่อสร้าง ในกลุ่มผลิตภัณฑ์กาวซีเมนต์ ซึ่งนวัตกรรมนี้ครอบคลุมกาวซีเมนต์ทั้ง 8 รุ่น ได้แก่
- กาวซีเมนต์จระเข้เขียว
- กาวซีเมนต์จระเข้แดง สำหรับงานปูกระเบื้องสระว่ายน้ำ
- นวัตกรรมกาวซีเมนต์สำหรับงานปูทับทั้งสองรุ่น
- กาวซีเมนต์จระเข้เงินและจระเข้ทอง ชูการประหยัดเวลาในการทำงาน ไม่ต้องรื้องานเก่า และลดฝุ่น PM2.5 จากการทุบกระเบื้องเก่า
- กาวซีเมนต์จระเข้เอ็กซ์ตรีม สำหรับกระเบื้อง Big Slab
- กาวซีเมนต์จระเข้สโตนเมท สำหรับงานปูหินอ่อนและหินธรรมชาติ
- กาวซีเมนต์จระเข้เกรย์สโตนเมท สำหรับปูกระเบื้องและหินธรรมชาติสีเข้ม
- กาวซีเมนต์จระเข้เอ็กซ์เพรส นวัตกรรมสำหรับงานเร่งด่วน ชูคุณสมบัติแห้งเร็ว เปิดใช้พื้นที่ได้ไว
ความมุ่งมั่นเพื่อความยั่งยืนกว่า 32 ปี
จระเข้ ดำเนินธุรกิจมากว่า 32 ปี ด้วยปณิธานในการพัฒนานวัตกรรมที่ยกระดับคุณภาพชีวิตและลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม โดยได้สร้างสัญลักษณ์ “Jorakay Green Products” เพื่อรับรองผลิตภัณฑ์ที่ปลอดภัยต่อผู้ใช้และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ครอบคลุมกลุ่มผลิตภัณฑ์ปูกระเบื้อง ซ่อมสร้าง และสีทาอาคาร นอกจากนี้ บริษัทยังติดตั้งระบบกำจัดฝุ่นที่ทันสมัยในโรงงาน พัฒนาฟีเจอร์คำนวณปริมาณการใช้ผลิตภัณฑ์บนเว็บไซต์เพื่อลดการสิ้นเปลือง และขับเคลื่อนนโยบายความยั่งยืนผ่านเป้าหมาย 5SD ได้แก่
- ลดการปล่อย CO2 กว่า 18 ล้านกิโลกรัม
- ลดขยะและของเสียกว่า 170,000 กิโลกรัม
- ลดฝุ่นกว่า 4 ล้านกิโลกรัม
- เพิ่มสัดส่วนสินค้าเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมถึง 62% ของยอดขาย
- พัฒนาทักษะบุคลากรกว่า 20,000 คน
คำมั่นสู่การก่อสร้างสีเขียว
ดร.จิรัฏฐ์ กล่าวทิ้งท้ายว่า จระเข้มุ่งมั่นสร้างสมดุลระหว่างการพัฒนาเศรษฐกิจ สังคม และความยั่งยืน ด้วยนวัตกรรมอย่าง Dustless Technology เราหวังเป็นส่วนหนึ่งในการลดปัญหาฝุ่น PM2.5 และยกระดับอุตสาหกรรมก่อสร้างไทยให้ก้าวสู่อนาคตที่ยั่งยืนยิ่งขึ้น นวัตกรรมกาวซีเมนต์ลดฝุ่นของจระเข้ ไม่เพียงตอบโจทย์ประสิทธิภาพ แต่ยังสะท้อนความรับผิดชอบต่อสุขภาพผู้คนและสิ่งแวดล้อมอย่างแท้จริง
