“วัคซีนคุมกำเนิดช้างป่า” จะเป็นทางออกที่ยั่งยืน ในการลดความขัดแย้งระหว่าง คนกับช้าง หรือเป็นเพียงการแก้ปัญหาที่ไม่ตรงจุด ขณะที่ จำนวนประชากรช้างป่า เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
“คุ้มครองช้างดีหรือยัง? ถึงเลือกวิธีคุมกำเนิดช้าง เรื่องนี้คงต้องถกกันยาวๆ วัคซีนคุมกำเนิดแก้ปัญหาช้างป่าได้จริงหรือ ในเมื่อช้างพูดไม่ได้ ดังนั้น ผมขอเป็นกระบอกเสียงแทนช้าง”
เสียงค้านจาก ชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร อดีตผู้อำนวยการ สำนักอุทยานฯ พลันที่ “วัคซีนคุมกำเนิดช้างป่า” หนึ่งในมาตรการที่กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช นำมาใช้อย่างเร่งด่วน ในเดือน ม.ค. 2568 เพื่อแก้ปัญหาความขัดแย้งระหว่างคนกับช้าง และควบคุมประชากรช้างป่าในพื้นที่อนุรักษ์ ที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว จนกลายเป็นปัญหาที่ทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ
การใช้วัคซีนคุมกำเนิดช้าง SpayVac® ในประเทศไทย กลายเป็นประเด็นที่ถูกพูดถึงอย่างกว้างขวาง โดยเฉพาะในบริบทของการจัดการประชากรช้างป่าที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว การใช้วัคซีนนี้ถูกมองว่าเป็นทางเลือกในการควบคุมจำนวนประชากรช้างเพื่อป้องกันความขัดแย้งระหว่างคนกับช้าง แต่คำถามที่สำคัญคือ วัคซีนนี้จะสามารถเป็นทางออกที่ยั่งยืนได้จริงหรือไม่?
จุดเริ่มต้น “วัคซีนคุมกำเนิดช้างป่า”
ประเด็นทำอย่างไรให้ “ช้างอยู่ได้ คนอยู่ได้” เป็นปัญหาที่เรื้อรังมานาน จากสถิติ มีผู้เสียชีวิตจากการถูกช้างทำร้ายถึง 240 ราย และได้รับบาดเจ็บอีก 208 ราย ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา และตัวเลขประชากรช้างป่า 4,013-4,422 ตัว ใน 16 กลุ่มป่าอนุรักษ์ พบว่า มีอัตราการเกิดมากถึง 8% ต่อปี มากสุดในผืนป่าตะวันออกเกือบ 600 ตัว การใช้วัคซีนคุมกำเนิดช้างป่า จึงเป็นหนึ่งในมาตรการ ที่กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ดึงมาใช้อย่างเร่งด่วน เพื่อควบคุมประชากรช้างในพื้นที่อนุรักษ์ จนเกิดเป็นข้อถกเถียง และเสียงคัดค้าน จากกลุ่มอนุรักษ์ช้าง ว่าการใช้วัคซีนคุมกำเนิดช้างป่า เป็นการทารุณกรรมหรือไม่ และอาจไม่ใช่ทางออกที่ยั่งยืน
วัคซีนคุมกำเนิด SpayVac® ที่ถูกใช้งานจริงในช้างแอฟริกา จึงได้นำมาทดลองฉีดในช้างเพศเมียเต็มวัย จำนวน 7 เชือก ตั้งแต่เดือน เม.ย. 2567 มีการเก็บตัวอย่างเลือด ตรวจสุขภาพ โดยวัคซีน 1 เข็ม จะควบคุมได้ระยะยาว 7 ปี และไม่มีผลต่อพฤติกรรมและสรีระของช้าง เป็นเพียงควบคุมฮอร์โมนช้างเพศเมียไม่ให้มีลูก
ผลการทดลองหลังการฉีดวัคซีนพบว่า วัคซีนมีความปลอดภัย ไม่มีผลข้างเคียง ไม่มีอาการอักเสบ ไม่ส่งผลกระทบต่อช้างที่อยู่ในระหว่างตั้งครรภ์ ไม่ส่งผลเสียต่อพฤติกรรมของตัวช้าง และพฤติกรรมทางสังคมของช้างป่า จึงได้มีโครงการนำร่องเพื่อขยายผลการใช้วัคซีนคุมกำเนิดระยะยาวในช้างป่า โดยจะเริ่มใช้ในเดือน ม.ค. 2568 ในพื้นที่กลุ่มป่าตะวันออก ซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีประชากรช้างเพิ่มสูง และมีปัญหาการออกนอกพื้นที่อนุรักษ์มากที่สุด
กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช อัปเดตประชากรช้างป่าของไทย พบว่า มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น
- ปี 2520 นพ.บุญส่ง เลขะกุล ได้ประเมินประชากรของช้างป่า 2,600–4,450 ตัว
- ปี 2532 ศูนย์ข้อมูลสัตว์ป่า ของมหาวิทยาลัยมหิดล ประเมินประชากรช้างป่าในพื้นที่อนุรักษ์ 1,797 ตัว
- การสำรวจในปี พ.ศ.2534 พบว่าช้างป่าเหลืออยู่ในไทย 1,975 ตัว กระจายอยู่ในพื้นที่อนุรักษ์ราว 47 แห่ง
- ปี 2543 คาดว่าประเทศไทยน่าจะมีช้างป่าอยู่ประมาณ 2,384 ตัว อาศัยอยู่ในพื้นที่ป่าอนุรักษ์ 63 แห่ง (กฤษฎา, 2543)
- ปี 2547 พบประชากรช้างป่าในไทย 3,000-3,500 ตัว กระจายในพื้นที่ป่าอนุรักษ์ 68 แห่ง โดยกระจายในอุทยาน แห่งชาติ 38 แห่ง และเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า 30 แห่ง
- IUCN รายงานจำนวนประชากรช้างป่าในปี 2562 จำนวน 3,126- 3,341 ตัว
- ปี 2567 มีการประเมินประชากรช้างป่าอย่างเป็นทางการจากหน่วยงานทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องว่ามีประชากรอาศัยอยู่ตามธรรมชาติ 4,013-4,422 ตัว ในพื้นที่อนุรักษ์ทั้งในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า เขตห้ามล่าสัตว์ป่า และอุทยานแห่งชาติ วนอุทยาน จำนวน 91 แห่ง
วัคซีนคุมกำเนิดช้างป่า ไม่ใช่ทางออกสำหรับช้างไทย
ชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร มองว่า วัตถุประสงค์เดิมของ SpayVac® ตัวนี้ ทำเพื่อลดความก้าวร้าวของช้างแอฟริกา ไม่ได้มาลดประชากร หรือวัตถุประสงค์ของช้างไทย เพราะการก้าวร้าวของช้าง มันมีวิธีจัดการของมันอยู่แล้ว คุณคิดว่าคุณทำหมันช้างพวกนี้แล้ว มันจะไม่ออกมาทำร้ายคน คุณจะเอาเงินไปละลายแม่น้ำ กับสิ่งที่ผมแนะนำว่า ทำรั้วได้มั้ย ล้อมหมู่บ้านได้มั้ย ล้อมเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า เอาสัตว์เกเรเข้าไปอยู่ คุมพื้นที่ชุมชน
“ผมไม่ได้ขัดแย้งว่า มันจะทำได้จริงหรือไม่ได้ แต่คุณแค่ทดลองเสร็จ แล้วคุณก็จะมาทดลองกับช้างป่าเลย คุณบอกว่าสามารถคุมกำเนิดช้างได้ถึง 7 ปี แล้วคุณรู้มั้ยว่าถ้าหลังจาก 7 ปี มันจะสามารถท้องได้ หรือไม่ท้อง หรือระหว่าง 7 ปี มันจะก้าวร้าวขึ้นหรือไม่ อย่าลืมว่าช้างตัวเมียก็มีประจำเดือน เมื่อถูกวัคซีนเข้าไปกด ย่อมทำให้อารมณ์เปลี่ยนแปลงได้”
ขณะที่ ตัวแทนเครือข่ายภาคประชาชนกลุ่มสู้เพื่อช้าง ก็ได้เรียกร้องให้มีการชะลอโครงการฉีดวัคซีนคุมกำเนิดช้างป่า โดยให้เหตุผลว่า ยังไม่มีการสรุปผลสำเร็จของประสิทธิภาพยาคุมกำเนิดช้าง และยังอยู่แค่ขั้นทดลอง ตามข้อมูลที่กรมอุทยานแห่งชาติฯ ระบุว่า ยาคุมกำเนิดจะออกฤทธิ์ในตัวช้างป่าเพศเมียได้นาน 7 ปี จึงอยากให้มีการทดลองศึกษากับช้างไปตามอายุของฤทธิ์ยา เพื่อสังเกตผลข้างเคียงที่จะเกิดขึ้นกับตัวช้าง ก่อนจะนำออกมาใช้จริง
แนวทางการอนุรักษ์ช้างอย่างยั่งยืน
การใช้วัคซีน เป็นเพียงหนึ่งในหลายวิธีในการจัดการประชากรช้าง การอนุรักษ์ช้าง ไม่เพียงแต่เกี่ยวข้องกับการควบคุมประชากร แต่ยังรวมถึงการปกป้องถิ่นที่อยู่อาศัยของพวกเขา ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญในการรักษาสมดุลของระบบนิเวศ การสร้างพื้นที่เชื่อมโยงระหว่างป่าอนุรักษ์ เช่น โครงการ Terai Arc Landscape ในอินเดียและเนปาล เป็นตัวอย่างที่ดีในการช่วยให้ช้างสามารถเดินทางและหากินได้อย่างปลอดภัย
การสร้างพื้นที่เชื่อมโยงระหว่างป่าอนุรักษ์และพื้นที่เกษตรกรรม รวมถึงการใช้เทคนิคธรรมชาติในการป้องกัน เช่น รั้วผึ้ง จะช่วยลดโอกาสในการเผชิญหน้าระหว่างคนกับช้างได้ นอกจากนี้ การสร้างความตระหนักรู้ในชุมชน เกี่ยวกับพฤติกรรมของช้าง ก็เป็นสิ่งสำคัญในการอยู่ร่วมกันอย่างสงบสุข รวมทั้ง การสร้างสมดุลระหว่างการอนุรักษ์ และความต้องการของมนุษย์ จะช่วยให้ทั้งคนและช้างสามารถอยู่ร่วมกันได้อย่างยั่งยืนในอนาคต
อ้างอิง :