ไขปริศนา ‘เผาอ้อยทำไม’ สาเหตุและการแก้ปัญหา ฝุ่น PM2.5

by Pom Pom

นักวิชาการ ไขปริศนา “เผาอ้อยทำไม” สำรวจความจริงเบื้องหลังการเผาอ้อย และทางออก จากวิกฤตฝุ่น PM 2.5 ตัวทำลายสุขภาพคนไทยทุกปี   

ฝุ่น PM2.5 เกิดปัญหาขึ้นทุกปี มีผลกระทบต่อสุขภาพประชาชนเป็นอย่างมาก จากข้อมูลของกรมควบคุมมลพิษ พบว่า หนึ่งในสาเหตุที่ทำให้เกิดปัญหา PM2.5 มาจากการเผาไหม้ของเครื่องยนต์ดีเซล และการเผาพืชตามไร่นา ซึ่งส่วนใหญ่จะเกิดจากการเผาอ้อย ในช่วงเดือนธันวาคมถึงเมษายน ที่เป็นช่วงเก็บเกี่ยวอ้อย จากการประเมินการปล่อยฝุ่น PM2.5 จากการเผาในพื้นที่เกษตร การเผาอ้อยในช่วงฤดูเปิดหีบเกิดขึ้นประมาณ 48,000 ตัน การเผาในพื้นที่นาข้าวและข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ เกิดขึ้นประมาณ 25,000 ตัน และ 17,000 ตัน การเผาอ้อยจึงถูกกล่าวหาว่า เป็นการสร้าง PM2.5 ในภาคอีสาน รวมทั้งต้นตอฝุ่นพิษที่เกิดขึ้นทั่วประเทศ

เผาอ้อยทำไม

“ในฐานะที่เติบโตมาในโรงงานผลิตเครื่องจักรกลเกษตรในจังหวัดที่มีไร่อ้อยเยอะมากๆ จนต่อมาได้ทุนรัฐบาลญี่ปุ่นไปเรียนต่อ แล้วเลือกไปที่ okinawa เพราะอยากจะทำรถตัดอ้อยขนาดเล็กช่วยชาวไร่จะได้ไม่ต้องเผา จนกลับมาเป็นอาจารย์ที่สาขาวิศวกรรมเกษตร คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น ตั้งแต่เริ่มทำงานจนปัจจุบันก็ยังทำวิจัยเกี่ยวกับเครื่องจักรกลเกษตรในไร่อ้อยมาตลอด 14 ปี วันนี้ขอมาตอบคำถามที่หลายคนที่ไม่คุ้นเคยกับอ้อยสงสัยว่า “ทำไมต้องเผาอ้อย”

เป็นข้อความที่ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ขวัญตรี แสงประชาธนารักษ์ อาจารย์สาขาวิศวกรรมเกษตร คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น ให้ข้อมูลผ่านเพจเฟซบุ๊ก สรุปคำถาม “เผาอ้อยทำไม”

  • แรงงาน: การไม่เผาทำให้การตัดอ้อยยากขึ้นเพราะหญ้ารก, มีหมามุ่ย, ใบอ้อยบาดตัว, และขนใบอ้อยเข้าตา การเผาช่วยลดปัญหาเหล่านี้ทำให้ตัดได้เร็วขึ้น 3-4 เท่า แต่หากไม่เผาก็จะหาแรงงานมาตัดยากขึ้น
  • ต้นทุน: ค่าจ้างแรงงานตัดอ้อยสดสูงกว่าตัดอ้อยเผาถึง 3 เท่า ค่าจ้างตัดอ้อยสดอยู่ที่ 15-18 บาทต่อกอง ขณะที่อ้อยเผาอยู่ที่ 5 บาทต่อกอง ส่วนต่างนี้คิดเป็น 10-15% ของราคาอ้อย
  • การบังคับขาย: เจ้าของแปลงเล็กๆ มักไม่มีแรงงานหรือรถตัดอ้อย ต้องขายเหมาแปลงหรือให้โควตารายใหญ่มาตัดให้ บางทีถ้าไม่ยินยอมก็อาจโดนลักลอบเผา ซึ่งจะทำให้อ้อยเน่าถ้าไม่ตัดทันที
  • การแข่งขันราคา: พ่อค้าอ้อยต้องการลดต้นทุนให้มากที่สุดเพื่อแข่งขันราคาซื้ออ้อยกับคนอื่น
  • ระยะยาว: การเผาทำให้เสียอินทรีย์วัตถุในดิน มีปัญหาแมลงศัตรูพืชมากขึ้นเพราะระบบนิเวศถูกทำลาย แต่เจ้าของแปลงมักไม่มีทางเลือก

ใช้เครื่องจักรแทนได้ไหม?

  • อุปสรรคทางเทคนิค: อ้อยเป็นพืชที่โตเป็นกอ ต้องสับและเป่าแยกใบหลายรอบ รถตัดอ้อยจึงต้องใหญ่และมีกำลังสูง
  • ราคาเครื่องจักร: รถตัดอ้อยใหญ่ราคาประมาณ 12 ล้านบาท รุ่นกลางหรือมือสองอยู่ที่ 5-6 ล้านบาท มาพร้อมกับข้อจำกัดและความเร็วในการตัดที่ลดลง
  • การเข้าถึงแปลง: รถตัดใหญ่ต้องการพื้นที่กว้าง ไม่มีคันนา และต้องมีถนนเข้าถึงได้ แปลงเล็กๆ จึงไม่เหมาะ
  • เวลาในการตัด: เปิดแปลงใหม่ต้องใช้เวลาครึ่งวัน ต้องตัดช้าๆ และต้องตัดหลายแถวก่อนจะเริ่มขนอ้อยได้

ใช้เครื่องจักรเล็กๆ ได้ไหม?

  • เครื่องมือมีให้เลือก: มีเครื่องจักรเล็กสำหรับงานอ้อยหลายชนิด แต่การใช้งานจริงยังมีความท้าทาย เช่น การสางใบอ้อยต้องขับรถไถเปิดในป่าอ้อย ซึ่งก่อให้เกิดปัญหาหลายอย่าง ค่าต้นทุนการใช้งานเครื่องจักรเล็กๆ ก็สูงเมื่อเทียบกับการเผา

ทำไมต้องรีบ รอคิวรถตัด คนงานหาไม่ได้ก็ค่อยๆ ทำไปเท่าที่ได้?

  1. โรงงานน้ำตาลเป็นโรงงานที่ใช้ระบบเครื่องจักรขนาดใหญ่ ใช้วงจรไอน้ำในการทำงาน เดินเครื่องทีแล้วต้องรันยาวๆ ไม่หยุดไม่พัก ต้องให้มีอ้อยป้อนเข้าต่อเนื่อง เต็ม capacity เพื่อไม่ให้ขาดทุน มีวันเปิดหีบ และวันปิดหีบที่ชัดเจน ชาวไร่ต้องขายอ้อยช่วงนี้เท่านั้น
  2. อ้อยเป็นพืชไร่อายุยาว ต้องตัดขายปีละครั้ง ไม่เหมือนเงินเดือนที่จ่ายเดือนละครั้ง ดังนั้น ถ้ามีคนมาบอกว่า ส่งงานนี้ให้ทันวันนี้ๆ นะ ถ้าส่งไม่ทัน เงินเดือนทั้งปีที่ผ่านมาจะสูญทั้งหมด แล้วมีอีกคนยื่นมือมาบอกว่าทำแบบนี้สิ ส่งงานทันแน่นอน ได้เงินแน่ ถึงจะรู้อยู่ว่าวิธีนั้นมันมีผลเสียยังไง ส่งผลต่อส่วนรวมยังไง จึงมีความกดดันในการเก็บเกี่ยวให้ทันเวลา

แล้วเราต้องอยู่กับการเผาอ้อยตลอดไปหรือไม่?

การเผาอ้อยไม่ใช่สิ่งที่ใครอยากทำตลอดไป แต่มีการดำเนินการหลายอย่างเพื่อลดการเผา:

มาตรการรัฐบาล

  • จำกัดการรับซื้ออ้อยไฟ ไม่เกิน 25% และลดลงเรื่อยๆ
  • ให้อ้อยสดได้คิวเทอ้อยก่อน
  • ให้เงินรางวัลอ้อยสด
  • สนับสนุนเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำสำหรับรถตัดอ้อย หรือโครงการให้ยืมเครื่องสางใบ
  • รับซื้อใบอ้อยเพื่อผลิตพลังงาน
  • การรวมกลุ่มเกษตรกรแปลงเล็กที่ติดกันเป็นแปลงใหญ่ ร่วมกันวางแผนปลูกอ้อยและวางแนวแถวไปทางเดียวกัน เพื่อให้ตัดอ้อยด้วยรถตัดอ้อยได้

ในส่วนของงานวิจัย จากมหาวิทยาลัยขอนแก่น ที่พยายามช่วยลดการเผา ทั้งในทางช่วยเพิ่มรายได้ให้ชาวไร่ และมีการพัฒนาเครื่องมือและนวัตกรรม เช่น

  • แนวทางการส่งเสริมชุดเครื่องจักรเก็บเกี่ยวลดการเผา
  • โดรนประเมินผลผลิตและความหวานของอ้อยในแปลง เพื่อให้สามารถใช้รถตัดอ้อยแบบรวมแปลงเล็กหลายๆแปลงเป็นแปลงใหญ่
  • เครื่องสับกลบใบอ้อยในอ้อยตอ
  • เครื่องอัดใบอ้อย เป็นก้อนเต๋า 1 นิ้ว ให้ง่ายต่อการขนย้ายและใช้เป็นเชื้อเพลิง
  • ผลิตภัณฑ์ต่างๆจากใบอ้อยเพื่อเพิ่มมูลค่า Bio-plastic, Bio-char, ปุ๋ย, น้ำมันเชื้อเพลิง
  • การวางแผน Logistic ใบอ้อยให้สามารถขยายพื้นที่รับซื้อใบอ้อย
  • โดรนอัตโนมัติ บินเก็บหลักฐานร่องรอยการเผา จากจุดความร้อนที่ได้จากภาพถ่ายดาวเทียม
  • AI ประมวลผลภาพถ่ายจากกล้องวงจรปิด ช่วยจำแนกอ้อยสดและอ้อยเผาที่โรงงาน

ใบอ้อย ปัญหาสำคัญ ทำต้อง เผาอ้อย

อาจารย์ขวัญตรี สรุปว่า การแก้ปัญหาใบอ้อยและการเผาอ้อยมีความซับซ้อน ปัญหาหลัก คือการเผาอ้อยก่อนตัด โรงงานรับซื้ออ้อยสดราคาสูงและไม่รับซื้ออ้อยเผาช่วยลดการเผาก่อนตัดได้ แต่การเผาใบอ้อยหลังตัด ยังคงเป็นปัญหาเพราะการรับซื้อใบอ้อยไม่ทั่วถึง และไม่คุ้มค่าในพื้นที่ที่ต้องขนส่งไกล

ปัญหาของใบอ้อย

ใบอ้อยย่อยสลายยาก และเป็นเชื้อเพลิงที่ติดไฟง่าย สร้างความเสี่ยงต่อไฟไหม้ ซึ่งวิธีการจัดการใบอ้อย ด้วยการสับกลบลงดิน เป็นการเพิ่มคุณภาพดิน แต่ก็ต้องใช้ทรัพยากรสูง หรือทิ้งใบคลุมดิน เพื่อช่วยรักษาความชื้นและควบคุมวัชพืช แต่ก็มีความเสี่ยงจากไฟ รวมทั้งการใช้น้ำหมักยูเรีย ช่วยเร่งการย่อยสลาย แต่ต้องการน้ำและแรงงาน

แนวทางแก้ปัญหา

  • สร้างมูลค่าเพิ่มให้ใบอ้อย: การวิจัยและพัฒนาการใช้ประโยชน์จากใบอ้อย เช่น เป็นเชื้อเพลิง ปุ๋ย หรือผลิตภัณฑ์อื่นๆ
  • ลดต้นทุนการขนส่งใบอ้อย: หาวิธีการขนส่งที่ประหยัดหรือสร้างจุดรับซื้อให้ใกล้ชิดกับแปลงอ้อยมากขึ้น

ทั้งนี้ แนวทางการแก้ปัญหาการเผาอ้อย ต้องมีแผนงานที่ชัดเจน มีแผนปฏิบัติการที่กำหนดหน้าที่และความรับผิดชอบของแต่ละหน่วยงานอย่างชัดเจน มีการติดตามผลการดำเนินการ สร้างความร่วมมือและความเข้มแข็งในชุมชน เพื่อสร้างจุดยืนร่วมกัน ไม่สนับสนุนการเผาใบอ้อย ผ่านการจูงใจและการรณรงค์ และที่สำคัญ ภาครัฐต้องจริงจังในการบังคับใช้กฎหมาย เพื่อลดการเผาใบอ้อย

เผาอ้อย ผิดกฎหมายไหม

การเผาอ้อย มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 220 วรรคแรก ผู้ใดกระทำให้เกิดเพลิงไหม้แก่วัตถุใดๆ แม้เป็นของตนเอง จนน่าจะเป็นอันตรายแก่บุคคลอื่นหรือทรัพย์ของผู้อื่น ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 7 ปี และปรับไม่เกิน 14,000 บาท และการเผาอ้อยเป็นการทำผิด มาตรา 25 วรรคสี่ แห่งพระราชบัญญัติการสาธารณสุข พ.ศ. 2535 การกระทำใดๆ อันเป็นเหตุให้เกิดกลิ่น แสง รังสี ความร้อน สิ่งมีพิษ ความสั่นสะเทือน ฝุ่น ละออง เขม่า เถ้า หรือกรณีอื่นใด จนเป็นเหตุให้บั่นทอน หรืออาจเป็นอันตรายต่อสุขภาพ

ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ขวัญตรี ระบุว่า แต่การบังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจัง ยังขาดอยู่ และทำได้ยากมาก กับการติดตาม จับกุม ปรับ ขัง คนที่จุดไฟวางเพลิง โดยเฉพาะกรณีที่เจ้าของแปลงไม่ได้จุด แล้วจะไปตามจับคนที่จุดจริงๆ ได้อย่างไรท่ามกลางความมืด และกลางป่าอ้อย ขณะที่ในหลายพื้นที่มีการให้รางวัลนำจับ แต่ก็ช่วยได้บ้าง ไม่ได้บ้าง เพราะมีเรื่องของผู้มีอิทธิพลในท้องถิ่นมาเกี่ยวข้อง การบังคับใช้กฎหมาย จึงยังเป็นความท้าทาย รวมถึงการสร้างมูลค่าเพิ่มให้ใบอ้อยและการลดต้นทุนการขนส่งใบอ้อย

อ้างอิง :

Copyright @2021 – All Right Reserved.