‘ChatGPT’ ปล่อย คาร์บอน เทียบเท่าเที่ยวบิน 260 เที่ยว

by Pom Pom

“ChatGPT” ความสะดวกสบายจาก AI มาพร้อมกับการสูญเสียความยั่งยืนของโลก ผลวิจัยพบ ปล่อยคาร์บอนสูง จากการใช้งานที่เพิ่มขึ้น เทียบเท่ากับเที่ยวบิน 260 เที่ยว จากนิวยอร์กไปลอนดอน

ในยุคที่เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) กำลังเปลี่ยนแปลงโลกของเรา มีหนึ่งประเด็นที่หลายคนอาจมองข้ามไป นั่นคือผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมจากการใช้งาน AI เช่น “ChatGPT” แม้ว่า AI จะช่วยให้ชีวิตเราง่ายขึ้น แต่มันก็มีราคาที่ต้องจ่าย ในแง่ของการปล่อยก๊าซเรือนกระจก โดยเฉพาะคาร์บอนไดออกไซด์ (CO₂) ซึ่งข้อมูลล่าสุดบ่งชี้ว่า การปล่อยมลพิษที่เกี่ยวข้องกับเครื่องมือเหล่านี้ เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เกิด “ภาวะโลกร้อน” ด้วยเช่นกัน

ChatGPT ปล่อยคาร์บอนสูง

จากการศึกษาวิจัยของ KnownHost พบว่า การใช้ ChatGPT จากผู้ใช้งานกว่า 164 ล้านคนต่อเดือน ก่อให้เกิดคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) มากกว่า 260,930 กิโลกรัม (573,000 ปอนด์) ต่อเดือน แม้ว่าจะปล่อย CO2 เพียง 1.59 กรัมต่อการดูหน้าเว็บหนึ่งครั้ง แต่ประสิทธิภาพดังกล่าว ก็ถูกชดเชยด้วยความนิยมที่เพิ่มสูงขึ้น นอกจากนี้ การศึกษาวิจัยยังระบุด้วยว่า ผลกระทบต่อคาร์บอนของ ChatGPT นั้น เทียบเท่ากับเที่ยวบิน 260 เที่ยวจากนิวยอร์กซิตี้ไปลอนดอนในช่วงเวลาเดียวกันเลยทีเดียว ซึ่งเป็นการเตือนใจอย่างชัดเจนว่า บริการดิจิทัลนั้น ทิ้งรอยประทับไว้บนสิ่งแวดล้อม

ChatGPT ไม่ใช่ผู้ละเมิดคาร์บอนเพียงรายเดียว

จากผลการศึกษา ไม่ใช่มีเฉพาะแค่ ChatGPT เท่านั้น ที่ปล่อยคาร์บอน แต่แพลตฟอร์ม AI อื่นๆ ก็มีการปล่อยคาร์บอนเช่นเดียวกัน ถึงแม้ปริมาณการปล่อยคาร์บอนรายเดือนจะน้อยกว่า แต่ปริมาณการปล่อยคาร์บอนต่อการเข้าเว็บไซต์แต่ละครั้งกลับสูงกว่า เช่น Rytr ปล่อยก๊าซคาร์บอนออกมา 10.1 กรัม (0.35 ออนซ์) ต่อการเข้าชมหนึ่งครั้ง ในขณะที่ Spellbook ปล่อยคาร์บอนออกมา 6.5 กรัม (0.23 ออนซ์) ต่อการเข้าชมหนึ่งครั้ง ดังนั้นหากแพลตฟอร์มเหล่านี้ได้รับความนิยมมากขึ้น ก็จะส่งผลต่อสิ่งแวดล้อมมากยิ่งขึ้น

ทำไม ChatGPT ถึงปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์

การทำงานของ ChatGPT หรือ AI ประเภทเดียวกันนั้น ต้องใช้พลังงานจำนวนมาก กระบวนการนี้เริ่มตั้งแต่การฝึกอบรมแบบจำลอง (model training) ซึ่งต้องใช้เซิร์ฟเวอร์ที่มีความสามารถในการประมวลผลสูง ไปจนถึงการรันแบบจำลองเพื่อตอบสนองต่อคำถามของผู้ใช้ แต่ละขั้นตอนนี้ใช้ไฟฟ้าเป็นจำนวนมหาศาล และไฟฟ้าส่วนใหญ่ยังคงผลิตมาจากแหล่งพลังงานฟอสซิลที่ปล่อยคาร์บอน เป็นมลพิษ

การประมาณการปล่อยคาร์บอน

การประมาณการปล่อยคาร์บอนของ AI ยังคงเป็นเรื่องที่ท้าทาย เนื่องจากมีหลายปัจจัยที่เกี่ยวข้อง ตัวอย่างเช่น การศึกษาจากมหาวิทยาลัยแมสซาชูเซตส์ (MIT) ระบุว่า การฝึกอบรมแบบจำลองขนาดใหญ่ สามารถปล่อยคาร์บอน ได้มากเท่ากับการปล่อยคาร์บอนจากการขับรถระยะทางหลายแสนกิโลเมตร นอกจากนี้ การใช้งานประจำวันของ AI ก็เพิ่มปริมาณคาร์บอนไดออกไซด์อย่างต่อเนื่อง

การจัดการกับปัญหา

เพื่อลดผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม มีหลายวิธีที่นักวิจัยและบริษัทเทคโนโลยีกำลังทำ เช่น

  • พลังงานสะอาด: การใช้พลังงานหมุนเวียนเช่น พลังงานแสงอาทิตย์หรือลมในการขับเคลื่อนเซิร์ฟเวอร์ จะช่วยลดปริมาณคาร์บอน ที่ปล่อยออกมาได้อย่างมาก
  • การออกแบบ AI ที่มีประสิทธิภาพ: การพัฒนาแบบจำลอง AI ที่ใช้พลังงานน้อยลง หรือการปรับปรุงอัลกอริทึมให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น จะช่วยลดการบริโภคพลังงาน
  • การเปิดเผยข้อมูล: บริษัทต่างๆ เริ่มเปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับการปล่อยคาร์บอนของพวกเขา ซึ่งเป็นก้าวสำคัญในการสร้างความโปร่งใสและความรับผิดชอบ

ChatGPT คืออะไร

ChatGPT เป็นระบบปัญญาประดิษฐ์ (AI) ที่พัฒนาโดย OpenAI ซึ่งใช้ในการสร้างการสนทนาที่เป็นธรรมชาติกับผู้ใช้ คำว่า “Chat” หมายถึงการสนทนา และ “GPT” ย่อมาจาก “Generative Pretrained Transformer” ซึ่งเป็นรูปแบบของเครือข่ายประสาทเทียม ที่ถูกฝึกอบรมด้วยปริมาณข้อมูลขนาดใหญ่ เพื่อสร้างข้อความที่มีความเหมือนจริงสูง

คุณสมบัติหลักของ ChatGPT

  • การสนทนา: สามารถสนทนาได้อย่างเป็นธรรมชาติ ตอบคำถาม ให้คำแนะนำ หรือแม้แต่สร้างเนื้อหาข้อความต่างๆ
  • การเรียนรู้จากข้อมูลขนาดใหญ่: ถูกฝึกอบรมด้วยข้อความจากอินเทอร์เน็ตจำนวนมาก ทำให้มีความรู้ และความสามารถในการตอบคำถามในหลายๆ หัวข้อ
  • การปรับปรุงต่อเนื่อง: รุ่นต่างๆ ของ ChatGPT ได้รับการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้การตอบสนองมีความแม่นยำและเป็นธรรมชาติมากขึ้น
  • การใช้งาน: สามารถใช้ในหลากหลายบริบท เช่น การช่วยเหลือลูกค้าในธุรกิจ, เป็นเครื่องมือเรียนรู้, การสร้างเนื้อหาสำหรับนักเขียน หรือแม้แต่เป็นเพื่อนคุยออนไลน์

สรุป

ChatGPT จึงเป็นตัวอย่างของ AI ที่มีความสำคัญต่อการพัฒนาเทคโนโลยีในอนาคต แต่ก็มาพร้อมกับความท้าทาย ที่เราต้องจัดการด้วยความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อมและสังคม การตระหนักถึงปัญหาและการดำเนินการแก้ไขเป็นสิ่งจำเป็น เพื่อให้เราสามารถเพลิดเพลินกับความก้าวหน้าของเทคโนโลยีไปพร้อมๆ กับการดูแลโลกของเราให้มีสุขภาพดีและยั่งยืนต่อไป

อ้างอิง :

Copyright @2021 – All Right Reserved.