ครม. อนุมัติร่างประกาศกระทรวงพาณิชย์ ห้ามนำ “ขยะอิเล็กทรอนิกส์” เข้ามาในราชอาณาจักร เพิ่มเป็น 463 รายการ ตามระบบฮาโมไนซ์ปี 2022 ภายใต้อนุสัญญาบาเซล หวังลดมลพิษ ที่จะส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม
(4 ก.พ. 2568) นางสาวศศิกานต์ วัฒนะจันทร์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติในหลักการ ร่างประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่อง ให้ขยะอิเล็กทรอนิกส์เป็นสินค้าที่ต้องห้าม ในการนำเข้ามาในราชอาณาจักร พ.ศ. … ตามที่กระทรวงพาณิชย์ (พณ.) เสนอ
ซึ่งมีสาระสำคัญ เป็นการปรับปรุงรายการสินค้าขยะอิเล็กทรอนิกส์ และพิกัดอัตราศุลกากร ตามบัญชีท้ายประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่อง กำหนดให้ขยะอิเล็กทรอนิกส์เป็นสินค้าที่ต้องห้ามในการนำเข้ามาในราชอาณาจักร พ.ศ. 2563
รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ร่างประกาศในเรื่องนี้เป็นการยกเลิกประกาศ พณ. เรื่อง กำหนดให้ขยะอิเล็กทรอนิกส์เป็นสินค้าที่ต้องห้ามในการนำเข้ามาในราชอาณาจักร พ.ศ. 2563 เพื่อปรับปรุงรายการสินค้าขยะอิเล็กทรอนิกส์ และพิกัดอัตราศุลกากร สำหรับของเสียอันตราย ภายใต้อนุสัญญาบาเซล ว่าด้วยการควบคุมการเคลื่อนย้ายข้ามเเดนของเสียอันตรายเเละการจำกัด จากระบบฮาโมไนซ์ ปี 2017 เป็นระบบฮาโมไนซ์ ปี 2022 จากเดิม 428 รายการ เป็น 463 รายการ
โดยกำหนดให้รายการสินค้าขยะอิเล็กทรอนิกส์ดังกล่าว เป็นสินค้าที่ต้องห้ามในการนำเข้ามาในราชอาณาจักร เพื่อลดปริมาณของเสียที่นำเข้ามากำจัดภายในประเทศ รวมทั้งช่วยลดมลพิษที่จะส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและสุขอนามัยของประชาชน
ร่างประกาศนี้จะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันถัดจากวันที่ประกาศในราชกิจจานุเบกษา โดยจะมีการรับฟังความคิดเห็นจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อประกอบการพิจารณาต่อไป
ขยะอิเล็กทรอนิกส์ ห้ามนำเข้า มีอะไรบ้าง
ตามข้อมูลที่มีการเผยแพร่ล่าสุด ประเทศไทยมีมติห้ามนำเข้าขยะอิเล็กทรอนิกส์ตามบัญชีประกาศกระทรวงพาณิชย์ ซึ่งมีการปรับปรุงรายการสินค้าขยะอิเล็กทรอนิกส์ที่ต้องห้ามนำเข้าเมื่อปี 2568 โดยมีการเพิ่มจำนวนรายการจาก 428 เป็น 463 รายการ ตามระบบฮาโมไนซ์ปี 2022 ภายใต้อนุสัญญาบาเซล ต่อไปนี้คือตัวอย่างของขยะอิเล็กทรอนิกส์ที่ถูกห้ามนำเข้า
- อุปกรณ์ไอที
คอมพิวเตอร์เครื่องเก่า, แผงวงจร, จอภาพ, ฮาร์ดดิสก์, แรม, และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์อื่นๆ ที่หมดสภาพใช้งาน
- เครื่องใช้ไฟฟ้าในครัวเรือน
โทรทัศน์, ตู้เย็น, เครื่องซักผ้า, เครื่องปรับอากาศ, ไมโครเวฟ, เตาอบ, พัดลม, และอุปกรณ์ที่เสียหรือไม่ใช้งานแล้ว
- อุปกรณ์สื่อสาร
โทรศัพท์มือถือ, แท็บเล็ต, อุปกรณ์เครือข่าย (เช่น โมเด็ม, ราวเตอร์) และอุปกรณ์เสริมอย่างหูฟัง, แบตเตอรี่ที่หมดสภาพ
- เครื่องมือและอุปกรณ์ทางการแพทย์
เครื่องมือวัดความดัน, เครื่องวัดอัตราการเต้นหัวใจ, อุปกรณ์การรักษา และอื่นๆ ที่ไม่สามารถใช้งานได้หรือหมดอายุ
- อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ในการทำงาน
เครื่องพิมพ์, สแกนเนอร์, ฟักซ์, อุปกรณ์ถ่ายเอกสาร, อุปกรณ์เครือข่ายสำนักงานที่ไม่ใช้งานแล้ว
- อุปกรณ์ไฟฟ้าและสายไฟ
สายไฟ, สายชาร์จ, แบตเตอรี่, หัวชาร์จ, และอุปกรณ์ไฟฟ้าอื่นๆ ที่เสียหรือไม่สามารถใช้งานได้
ทั้งนี้ รายการขยะอิเล็กทรอนิกส์ที่ห้ามนำเข้า ยังรวมถึงชิ้นส่วนสำคัญของอุปกรณ์เหล่านี้อีกด้วย เช่น แผงวงจร, ชิปอิเล็กทรอนิกส์, และส่วนประกอบอื่นๆ ที่มีสารอันตราย
ขยะอิเล็กทรอนิกส์ คืออะไร
ขยะอิเล็กทรอนิกส์ (Electronic Waste หรือ e-Waste) คือขยะที่มาจากอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ และเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ถูกทิ้งเมื่อหมดอายุการใช้งาน หรือไม่สามารถใช้งานได้อีกต่อไป ซึ่งชิ้นส่วนหลายชิ้น ไม่สามารถย่อยสลายตามธรรมชาติได้ และมีสารประกอบที่เป็นพิษ ประกอบไปด้วย
- อุปกรณ์ไอที: เช่น คอมพิวเตอร์, แล็ปท็อป, โทรศัพท์มือถือ, แท็บเล็ต, USB drives
- เครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้าน: เช่น โทรทัศน์, ตู้เย็น, เครื่องซักผ้า, เครื่องปรับอากาศ, ไมโครเวฟ
- อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์เฉพาะทาง: เช่น เครื่องมือทางการแพทย์, อุปกรณ์ทางอุตสาหกรรม, อุปกรณ์ที่ใช้ในสำนักงาน
- อุปกรณ์เสริม: เช่น หูฟัง, เครื่องชาร์จ, แบตเตอรี่, สายไฟ
ปัญหา ขยะอิเล็กทรอนิกส์ กระทบทั้งสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ
ด้วยความก้าวกระโดดของขยะอิเล็กทรอนิกส์ สิ่งเหล่านี้จะมีสารพิษปนเปื้อน ทั้งสารตะกั่ว ปรอท แคดเมียม ปนเปื้อนดิน น้ำ อากาศ ทำลายระบบนิเวศ สามารถคุกคามชีวิตสัตว์และมนุษย์ เมื่อเราได้รับสารพิษจาก E-Waste ก็จะส่งผลกระทบต่อสุขภาพ ที่เกิดจากสารต่างๆ ที่อยู่ในขยะ ซึ่งแบ่งเป็นสาร 4 ประเภท
- สารตะกั่ว: ส่งผลต่อระบบประสาท สมอง ไต
- สารปรอท: ส่งผลต่อระบบประสาท สมอง ไต ปอด
- แคดเมียม: ส่งผลต่อไต กระดูก ปอด
- สารหน่วงไฟ: ส่งผลต่อระบบสืบพันธุ์ ฮอร์โมน มะเร็ง
และไม่เพียงแต่ผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม และ สุขภาพเท่านั้น เมื่อขยะล้นเมือง เป็นอีกหนึ่งปัญหาที่เกิดจากปริมาณ E-Waste ที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว กลายเป็นปัญหาการจัดการและกำจัดขยะ ส่งผลต่อสุขอนามัย มลพิษ และทัศนียภาพตามลำดับ
อันตรายของ ขยะอิเล็กทรอนิกส์
จากสถิติและแนวโน้มของปริมาณขยะอิเล็กทรอนิกส์ โดยข้อมูลจาก Global E-Waste Monitor (GEM) พบว่า ทั้งโลกผลิตขยะอิเล็กทรอนิกส์อยู่ที่ 62 ล้านตัน โดยในภูมิภาคเอเชียมีสัดส่วนมากที่สุด รองลงมาเป็นอเมริกา และยุโรป และจากข้อมูลล่าสุด มีเพียง 18% ของจำนวนขยะอิเล็กทรอนิกส์เท่านั้นที่ได้รับการจัดการอย่างถูกต้อง
สำหรับข้อมูลขยะอิเล็กทรอนิกส์ในไทย ข้อมูลจากกรมควบคุมมลพิษ ระบุว่า ในปี 2564 ประเทศไทยมีปริมาณขยะอันตรายจากเครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์สูงถึง 435,187 ตัน และคาดการณ์ว่า ปริมาณจะเพิ่มสูงขึ้นในทุกๆ ปีด้วย
อย่างไรก็ตาม การจัดการขยะอิเล็กทรอนิกส์อย่างถูกวิธี การคัดแยก จะช่วยให้การรีไซเคิลทำได้อย่างมีประสิทธิภาพ ลดการปนเปื้อนสารพิษสู่สิ่งแวดล้อม และนำวัสดุกลับมาใช้ใหม่ได้ เป็นส่วนสำคัญในการลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและสุขภาพมนุษย์
อ้างอิง :
- https://sustainability.ais.co.th/th/update/e-waste/788/what-is-ewaste
- https://phtci-thaijo.org/index.php/JRIST/article/view/250105