‘หอยขม’ เหมืองแม่เมาะ ขึ้นแท่นแหล่งซากดึกดำบรรพ์ แหล่งที่ 27

by Pom Pom

คณะกรรมการคุ้มครองซากดึกดำบรรพ์ เห็นชอบให้แหล่งหอยขมเหมืองแม่เมาะ จ.ลำปาง เป็นแหล่งซากดึกดำบรรพ์ที่ 27 ของไทย เผย ชั้นหอยน้ำจืดหนา 12 เมตร หลักฐานทางธรณีวิทยาระดับโลก พร้อมพัฒนาเป็นแหล่งเรียนรู้และท่องเที่ยว

เมื่อวันที่ 16 กันยายน 2568 ดร.ชญานันท์ ภักดีจิตต์ ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการคุ้มครองซากดึกดำบรรพ์ ครั้งที่ 2/2568 โดยมีนายพิชิต สมบัติมาก อธิบดีกรมทรัพยากรธรณี พร้อมคณะกรรมการและผู้ทรงคุณวุฒิจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วม เพื่อรับทราบสรุปผลการดำเนินงาน ของคณะกรรมการบริหารกองทุนจัดการซากดึกดำบรรพ์

ดร.ชญานันท์ ภักดีจิตต์ ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.)

ในการประชุมครั้งนี้ ที่ประชุมได้พิจารณาแต่งตั้งผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการคุ้มครองซากดึกดำบรรพ์ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการดังกล่าว และกรรมการในคณะกรรมการติดตามและประเมินผลการดำเนินงานของกองทุนจัดการซากดึกดำบรรพ์ ตามพระราชบัญญัติคุ้มครองซากดึกดำบรรพ์ พ.ศ. 2551 นอกจากนี้ ยังได้เห็นชอบร่างแผนพัฒนาเชิงบูรณาการพื้นที่แหล่งซากดึกดำบรรพ์สัตว์ไม่มีกระดูกสันหลังเขาน้อย อ.ละงู จ.สตูล และร่างแผนพัฒนาเชิงบูรณาการพื้นที่แหล่งซากดึกดำบรรพ์หอยขมเหมืองแม่เมาะ อ.แม่เมาะ จ.ลำปาง พร้อมมอบข้อเสนอแนะจากคณะกรรมการและผู้ทรงคุณวุฒิ เพื่อนำไปปรับปรุงแผนให้สมบูรณ์ยิ่งขึ้น

ที่สำคัญ ที่ประชุมมีมติเห็นชอบให้ขึ้นทะเบียน “แหล่งซากดึกดำบรรพ์หอยขมเหมืองแม่เมาะ จังหวัดลำปาง” พื้นที่ 52 ไร่ เป็นแหล่งซากดึกดำบรรพ์แห่งที่ 27 ของประเทศไทย ตามมาตรา 14 แห่งพระราชบัญญัติคุ้มครองซากดึกดำบรรพ์ พ.ศ. 2551 ถือเป็นก้าวสำคัญในการอนุรักษ์ และบริหารจัดการมรดกทางธรณีวิทยาของชาติอย่างยั่งยืน สนับสนุนการวิจัยทางวิทยาศาสตร์ การศึกษา และการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ โดยให้ประโยชน์ต่อชุมชนท้องถิ่นในจังหวัดลำปาง

แหล่งซากดึกดำบรรพ์หอยขมเหมืองแม่เมาะ

แหล่งซากดึกดำบรรพ์หอยขมเหมืองแม่เมาะ ตั้งอยู่ใน อ.แม่เมาะ จ.ลำปาง บริเวณเหมืองถ่านหินลิกไนต์เปิดขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศไทย (และใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ภาคพื้นทวีป) ซึ่งดำเนินการโดยการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) แหล่งนี้ถูกค้นพบครั้งแรกในปี 2546 ขณะที่ กฟผ. กำลังขุดถ่านหิน โดยซากดึกดำบรรพ์วางตัวแทรกอยู่ระหว่างชั้นถ่านหินสองชั้นในแอ่งแม่เมาะ ซึ่งเป็นทะเลสาบน้ำจืดโบราณขนาดใหญ่เมื่อราว 13 ล้านปีก่อน (สมัยไมโอซีนกลาง) แหล่งนี้มีลักษณะเด่นคือชั้นหอยขมน้ำจืดที่หนาที่สุดในโลก ความหนา 12 เมตร กว้าง 90 เมตร พื้นที่หลักประมาณ 22 ไร่ (ขยายเป็น 52 ไร่ในขอบเขตที่คุ้มครอง) และประกอบด้วยซากหอยนับล้านตัวที่สะสมตัวแน่นขนัด สะท้อนถึงสภาพแวดล้อมน้ำจืดที่อุดมสมบูรณ์ในอดีต

แหล่งซากดึกดำบรรพ์หอยขมเหมืองแม่เมาะ

นอกจากนี้ แหล่งยังพบซากดึกดำบรรพ์อื่นๆ เช่น กระดูกช้างโบราณ กรามช้าง ฟันหมีหมา และสัตว์มีกระดูกสันหลังอื่นๆ ซึ่งช่วยให้เข้าใจวิวัฒนาการของสิ่งมีชีวิต และการเปลี่ยนแปลงทางธรณีวิทยาในภาคเหนือของไทย ก่อนหน้านี้ แหล่งนี้เคยเผชิญข้อพิพาททางกฎหมายเกี่ยวกับการขุดถ่านหินที่อาจกระทบต่อการอนุรักษ์ (เช่น คำพิพากษาศาลปกครองสูงสุดปี 2561 ที่ยกฟ้อง แต่ กฟผ. ยืนยันไม่ขุดพื้นที่นี้ตั้งแต่ปี 2547) แต่การขึ้นทะเบียนล่าสุดช่วยให้มีการจัดการอย่างยั่งยืน โดยสามารถนำไปสู่การพัฒนาเป็นแหล่งศึกษาธรรมชาติและท่องเที่ยว เช่น เชื่อมโยงกับพิพิธภัณฑ์ศูนย์ถ่านหินลิกไนต์ศึกษาเหมืองแม่เมาะ ซึ่งจัดแสดงข้อมูลธรณีวิทยาและฟอสซิลที่พบในพื้นที่ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับหอยขมเหมืองแม่เมาะ

“หอยขม” คือ หอยน้ำจืดโบราณในวงศ์ Viviparidae (หอยทากน้ำจืด) สกุล Bellamya (หรือที่รู้จักในชื่อภาษาอังกฤษว่า Mud Snail หรือ Apple Snail ในบางสายพันธุ์สมัยใหม่) ซึ่งเป็นหอยที่เจริญเติบโตและสืบพันธุ์ได้ทุกฤดูกาล โดยออกลูกเป็นตัวครั้งละ 30-50 ตัว อาศัยในแหล่งน้ำจืดตื้น อาหารหลักคือพืชน้ำและเศษอินทรียวัตถุ ซากดึกดำบรรพ์เหล่านี้มีอายุราว 13 ล้านปี พบในรูปแบบเปลือกหอยที่สมบูรณ์และสะสมเป็นชั้นหนา แสดงถึงการตายหมู่จากเหตุการณ์สิ่งแวดล้อม เช่น การเปลี่ยนแปลงระดับน้ำ หรือการปิดตัวของทะเลสาบโบราณ

ชั้นหอยนี้ถือเป็นหลักฐานทางธรณีวิทยาที่สำคัญระดับโลก เนื่องจากไม่มีรายงานชั้นหอยน้ำจืดที่หนากว่านี้ที่ใดในโลก และช่วยนักวิทยาศาสตร์ศึกษาความหลากหลายทางชีวภาพและสภาพภูมิอากาศในสมัยไมโอซีนของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

Copyright @2021 – All Right Reserved.