ทะเลไทย รอดไปอีกด่าน เมื่อที่ประชุมวุฒิสภา มีมติ 128 ต่อ 8 เสียง เห็นชอบตามข้อเสนอ กรรมาธิการวุฒิสภา ห้ามใช้อวนล้อมจับทุกชนิด หรือ อวนตาถี่ ที่ช่องตาอวนเล็กกว่า 2.5 ซม. ทำการประมงในเวลากลางคืน
ท้องทะเลไทยที่เคยอุดมสมบูรณ์ กำลังเผชิญวิกฤตจากเครื่องมือประมงบางประเภท โดยเฉพาะ อวนล้อมจับ และ อวนตาถี่ ซึ่งมีช่องตาข่ายเล็กกว่า 2.5 เซนติเมตร เครื่องมือเหล่านี้ถูกใช้จับสัตว์น้ำจำนวนมากในคราวเดียว โดยมักใช้กับแสงไฟล่อในเวลากลางคืนเพื่อดึงดูดฝูงปลา แม้จะช่วยเพิ่มผลผลิตให้ประมงพาณิชย์ แต่กลับสร้างปัญหาใหญ่ เมื่อจับสัตว์น้ำวัยอ่อนและชนิดที่ไม่ต้องการไปด้วย ส่งผลให้ประชากรสัตว์น้ำลดลงอย่างรวดเร็ว ระบบนิเวศเสียสมดุล และกระทบต่อชาวประมงพื้นบ้านที่พึ่งพาทรัพยากรทะเลในการดำรงชีวิต
ปัญหานี้กลายเป็นประเด็นถกเถียงในวงกว้าง เมื่อการแก้ไขกฎหมายประมงถูกหยิบยกขึ้นมาเพื่อหาทางออกที่ยั่งยืนให้ท้องทะเลไทย
แต่ในที่สุด ที่ประชุมวุฒิสภาวันนี้ มีมติ 128 ต่อ 8 เสียง เห็นชอบตามข้อเสนอกรรมาธิการวุฒิสภา “ห้ามใช้อ้วนล้อมจับทุกชนิดที่ช่องตาอวนเล็กกว่า 2.5 ซม. ทำการประมงในเวลากลางคืน ซึ่งแย้งกับร่างฯ ที่สภาผู้แทนราษฏรเห็นชอบ ใช้อวนล้อมจับตาถี่ในเวลากลางคืนได้ แต่ต้องนอกเขต 12 ไมล์ทะเล”
มติที่ประชุมวุฒิสภา แก้มาตรา 69
ที่ประชุมวุฒิสภา ครั้งที่ 18 สมัยสามัญประจำปีครั้งที่สอง เมื่อวันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2568 ได้พิจารณาวาระ 2 รายมาตรา “ร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมพระราชกำหนดการประมง พ.ศ. 2558 พ.ศ. ….” หรือที่เรียกกันว่า “ร่างกฎหมายประมงฉบับใหม่” ซึ่งผ่านการพิจารณาของคณะกรรมาธิการวิสามัญวุฒิสภาแล้ว โดยมีนายมงคล สุระสัจจะ ประธานวุฒิสภา เป็นประธานการประชุม และนายธวัช สุระบาล ประธานคณะกรรมาธิการวิสามัญฯ วุฒิสภา เป็นผู้เสนอรายงาน
ร่างกฎหมายฉบับนี้ มีทั้งหมด 71 มาตรา โดยคณะกรรมาธิการวิสามัญฯ ได้เชิญตัวแทนจากภาคส่วนต่างๆ เช่น ประมงพาณิชย์ ประมงพื้นบ้าน นักวิชาการ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง มาร่วมให้ความเห็นเพื่อประกอบการพิจารณา
ในการพิจารณารายมาตรา มาตรา 28 ซึ่งเป็นการแก้ไขมาตรา 69 ของพระราชกำหนดการประมง พ.ศ. 2558 ที่ประชุมวุฒิสภาไม่เห็นชอบตามร่างที่สภาผู้แทนราษฎรเคยรับรอง แต่เห็นด้วยกับข้อเสนอของคณะกรรมาธิการวิสามัญฯ วุฒิสภา ที่กำหนดว่า “ห้ามมิให้ผู้ใดใช้เครื่องมืออวนล้อมจับทุกประเภท ที่มีช่องตาอวนเล็กกว่าสองจุดห้าเซนติเมตร ทำการประมงในเวลากลางคืน” โดยมีมติเห็นชอบ 128 เสียง ไม่เห็นด้วย 8 เสียง งดออกเสียง 3 เสียง จากผู้ลงมติ 139 คน
ต่อมาในเวลา 15.42 น. ที่ประชุมวุฒิสภา มีมติผ่านวาระ 3 ด้วยคะแนนเห็นด้วย 141 เสียง ไม่เห็นด้วย 3 เสียง งดออกเสียง 4 เสียง จากผู้เข้าร่วมประชุม 148 คน อย่างไรก็ตาม เนื่องจากวุฒิสภาแก้ไขบางมาตราไม่ตรงกับที่สภาผู้แทนราษฎรเห็นชอบ ร่างกฎหมายนี้จึงต้องส่งกลับไปให้สภาผู้แทนราษฎรพิจารณาอีกครั้ง หากสภาผู้แทนราษฎรเห็นชอบตามวุฒิสภา ร่างกฎหมายจะเข้าสู่ขั้นตอนการประกาศใช้ แต่หากไม่เห็นชอบ จะต้องตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญร่วมสองสภาเพื่อพิจารณาต่อไป
ก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2568 คณะกรรมาธิการวิสามัญฯ วุฒิสภาลงมติ 10 ต่อ 5 ตีตกข้อเสนอแก้ไขมาตรา 69 ตามที่สภาผู้แทนราษฎรรับรอง โดยสภาผู้แทนราษฎรเคยเสนอให้แก้ไขเป็น “ห้ามมิให้ผู้ใดใช้เครื่องมืออวนล้อมจับที่มีช่องตาอวนเล็กกว่าสองจุดห้าเซนติเมตร ทำการประมงในเขตสิบสองไมล์ทะเล นับจากแนวชายฝั่งในเวลากลางคืน” และกำหนดเงื่อนไขเพิ่มเติมสำหรับการประมงนอกเขตสิบสองไมล์ รวมถึงการใช้แสงไฟล่อตามที่รัฐมนตรีกำหนด แต่คณะกรรมาธิการวิสามัญฯ วุฒิสภาเห็นว่า ควรห้ามใช้เครื่องมืออวนล้อมจับทุกประเภทที่มีตาข่ายเล็กในเวลากลางคืนโดยไม่มีข้อยกเว้น เพื่อรักษาความยั่งยืนของทรัพยากรประมง
ในวันประชุมวุฒิสภา ตัวแทนจากสมาคมสมาพันธ์ชาวประมงพื้นบ้านแห่งประเทศไทย นำโดยนายปิยะ เทศแย้ม ได้ยื่นหนังสือถึงประธานวุฒิสภา ขอให้สนับสนุนมติคณะกรรมาธิการวิสามัญฯ โดยระบุว่า การห้ามใช้อวนล้อมจับตาถี่ในเวลากลางคืนสอดคล้องกับเจตนารมณ์ของประชาชน และการประมงอย่างยั่งยืน ซึ่งได้รับการรับหนังสือโดยนายธนกร ถาวรชินโชติ สมาชิกวุฒิสภา
ด้านความเห็นในที่ประชุมวุฒิสภา นายปริญญา วงษ์เชิดขวัญ และนายประเทศ ซอรักษ์ สมาชิกวุฒิสภา ที่สงวนความเห็น สนับสนุนร่างของสภาผู้แทนราษฎร โดยชี้ว่า การอนุญาตให้จับปลากะตักด้วยอวนตาถี่ในเวลากลางคืน จะช่วยเศรษฐกิจ เนื่องจากปลากะตักมีอายุสั้น และต้องใช้อวนตาเล็กจับ ขณะที่นายชวพล วัฒนพรมงคล เห็นด้วยว่า ควรใช้ประโยชน์จากปลากะตักอย่างสมดุลตามร่างของสภาผู้แทนราษฎร
อย่างไรก็ตาม นายนรเศรษฐ์ ปรัชญากร สนับสนุนการแก้ไขของคณะกรรมาธิการวิสามัญฯ โดยระบุว่า การอนุญาตให้ใช้อวนตาถี่และไฟล่อ จะกระทบระบบนิเวศ และลดประชากรสัตว์น้ำ รวมถึงปลาเศรษฐกิจที่มีมูลค่าสูง เช่น ปลาเก๋าและปลานกฮูก ซึ่งพบได้นอกเขต 12 ไมล์ทะเล นอกจากนี้ นายเทวฤทธิ์ มณีฉาย ย้ำว่า การแก้ไขของวุฒิสภาสอดคล้องกับเป้าหมายการประมงยั่งยืน และไม่ได้ห้ามจับปลากะตักในเวลากลางวัน
หลังการลงมติ เพจ “คนอนุรักษ์” และนายวิโชคศักดิ์ รณรงค์ไพรี นายกสมาคมรักษ์ทะเลไทย แสดงความยินดีที่วุฒิสภาสนับสนุนการห้ามใช้อวนล้อมจับตาถี่ในเวลากลางคืน พร้อมส่งกำลังใจให้สภาผู้แทนราษฎรเห็นชอบตามวุฒิสภา ส่วนนายปิยะ เทศแย้ม ตัวแทนชาวประมงพื้นบ้าน ขอบคุณวุฒิสภาที่ปกป้องผลประโยชน์ชาติ และหวังว่าสภาผู้แทนราษฎรจะยอมรับมติโดยไม่ต้องตั้งคณะกรรมาธิการร่วม เพื่อให้กฎหมายนี้ประกาศใช้ได้ทันที