ทำความรู้จัก Green Bonds “ตราสารหนี้สีเขียว” เครื่องมือใหม่แก้ปัญหาโลกร้อน สนค. แนะ โอกาสโตสูงในประเทศไทย ทั่วโลกกำลังเร่งระดมทุน เปลี่ยนธุรกิจ เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เพื่อใช้แก้ไขปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
ปัจจุบัน สำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) กระทรวงพาณิชย์ ได้เน้นย้ำถึงความสำคัญของ “ตราสารหนี้สีเขียว” (Green Bonds) ในการระดมทุนเพื่อพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน และเปลี่ยนแปลงธุรกิจให้เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม นายพูนพงษ์ นัยนาภากรณ์ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า ชี้ให้เห็นว่า ภูมิอากาศที่เปลี่ยนแปลงและปัญหาสิ่งแวดล้อม เป็นประเด็นที่ทุกภาคส่วนต้องร่วมมือกันแก้ไข โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสภาพเศรษฐกิจและธุรกิจที่ต้องปรับตัวให้เท่าทันต่อมาตรการและกฎเกณฑ์ด้านสิ่งแวดล้อมใหม่ๆ
การลงทุนในตราสารหนี้สีเขียว: แนวโน้มและความจำเป็น
รายงานจาก IPCC ชี้ให้เห็นว่า อุณหภูมิโลกจะเพิ่มขึ้นถึง 1.5 องศาเซลเซียส ภายในปี 2583 จากปี 2564 ซึ่งหมายความว่าจะต้องมีการลงทุนด้านการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกอย่างมหาศาล โดยคาดการณ์ว่า จะมีค่าใช้จ่ายราว 2.4 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐต่อปี ในช่วง 19 ปีนี้ เมื่อพิจารณาถึงความท้าทายทางการเงินในการเปลี่ยนผ่านสู่การปล่อยคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero Carbon Emissions) ตามที่รายงานจาก World Economic Forum และ ETH Zurich ระบุ จะต้องมีการลงทุนประมาณ 3 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐต่อปีเลยทีเดียว
ตราสารหนี้สีเขียว: ทางเลือกในการระดมทุน
การออกตราสารหนี้สีเขียว เป็นวิธีการหนึ่งที่ทั้งภาครัฐและเอกชน สามารถใช้เพื่อระดมทุนสำหรับโครงการที่ส่งเสริมการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม เช่น พลังงานหมุนเวียน, ระบบขนส่งสะอาด, การจัดการขยะ, และการสร้างอาคารสีเขียว ตราสารหนี้สีเขียวแบ่งออกเป็นสองประเภทหลัก
- พันธบัตรสีเขียว: ออกโดยรัฐบาล หรือรัฐวิสาหกิจ
- หุ้นกู้สีเขียว: ออกโดยภาคเอกชน
การเติบโตของตราสารหนี้สีเขียวทั่วโลกและในไทย
ตลาดตราสารหนี้สีเขียว มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยรายงานจาก Climate Bonds Initiative ระบุว่า ในไตรมาสที่ 3 ของปี 2567 มูลค่าสะสมของตราสารหนี้สีเขียวทั่วโลก ตั้งแต่ปี 2550 อยู่ที่ประมาณ 3.3 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ ประเทศที่มีการออกตราสารหนี้สีเขียวมากที่สุดคือ จีน มีมูลค่า 2 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ และสหรัฐอเมริกา มีมูลค่า 1.94 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ ทำให้การลงทุนและการระดมทุนสำหรับโครงการที่เกี่ยวกับสิ่งแวดล้อมและความยั่งยืนในทวีปอื่น โดยเฉพาะในเอเชียและยุโรปเพิ่มมากขึ้น สะท้อนให้เห็นว่า ทั่วโลกกำลังเร่งระดมทุนเพื่อใช้แก้ไขปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
แต่อย่างไรก็ตาม นโยบายของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ไม่ได้สนับสนุนการลงทุนในโครงการที่เกี่ยวกับสิ่งแวดล้อมและความยั่งยืน ได้ส่งผลให้การลงทุน และการระดมทุน ที่เกี่ยวกับสิ่งแวดล้อมและความยั่งยืน ลดลง ในขณะที่ประเทศอื่นๆ เช่น ในเอเชียและยุโรป มีการเพิ่มขึ้นของการลงทุนในด้านนี้
ตัวอย่างการออกตราสารหนี้สีเขียวในประเทศต่างๆ
- อินเดีย ออกพันธบัตรสีเขียวสำหรับสนับสนุนโครงการพลังงานหมุนเวียนต่าง ๆ เพื่อให้อินเดียสามารถผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียน และเปลี่ยนผ่านสู่เศรษฐกิจที่ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์
- เบลเยียม ออกพันธบัตรสีเขียวเพื่อสนับสนุนโครงการก่อสร้างอาคารสีเขียว ระบบขนส่งที่ใช้พลังงานสะอาด และโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียน
- สหรัฐอเมริกา บริษัท Apple ออกหุ้นกู้สีเขียวเพื่อระดมทุนสำหรับสนับสนุนโครงการพลังงานแสงอาทิตย์และโครงการพลังงานลม
- แคนาดา ออกพันธบัตรสีเขียวเพื่อนำไปใช้ในโครงการที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม อาทิ การพัฒนาเครื่องมือดักจับคาร์บอน และ
- ซาอุดีอาระเบีย บริษัท Saudi Electricity Company ออกหุ้นกู้สีเขียวเพื่อใช้ในโครงการก่อสร้างอาคารสีเขียวและโรงไฟฟ้าพลังงานทดแทน
ตราสารหนี้สีเขียวในประเทศไทย
ไทยเริ่มออกตราสารหนี้สีเขียวครั้งแรกในปี 2558 และมีการกำหนดหลักเกณฑ์การเสนอขายโดย ก.ล.ต. ในปี 2561 ตราสารหนี้สีเขียวของไทยมีมูลค่าสะสมประมาณ 4.8 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2566 โดยมีบริษัทเอกชนและธนาคารหลายแห่งเข้าร่วม เช่น
- บริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) ออกหุ้นกู้สีเขียวเพื่อใช้ในโครงการรถไฟฟ้าที่ใช้พลังงานสะอาด
- บริษัท ราช กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ออกหุ้นกู้สีเขียวเพื่อใช้ในโครงการโรงไฟฟ้ากังหันลมในออสเตรเลีย และโครงการรถไฟฟ้าในไทย
- บริษัท โกลบอล เพาเวอร์ซินเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) ออกหุ้นกู้สีเขียวเพื่อใช้ในโครงการก่อสร้างโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ และโครงการบริหารจัดการขยะแบบครบวงจร ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (EXIM BANK) ออกพันธบัตรอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมเพื่อ SMEs (SME Green Bond) สำหรับนำไปปล่อยสินเชื่อให้แก่ผู้ประกอบการ SMEs ที่จะดำเนินโครงการพลังงานสะอาด
- ธนาคารซีไอเอ็มบี ไทย (CIMB THAI) ออกตราสารหนี้สีเขียวเพื่อระดมเงินทุนสำหรับปล่อยกู้ให้กับโครงการเพื่อรักษาสิ่งแวดล้อมในระยะยาว
ตราสารหนี้สีเขียว คืออะไร
ตราสารหนี้สีเขียว (Green Bonds) คือตราสารหนี้ (bonds) ที่ออกโดยสถาบันการเงิน บริษัท หรือหน่วยงานรัฐบาล เพื่อระดมทุนสำหรับโครงการที่มีวัตถุประสงค์ในการส่งเสริมความยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อมและการจัดการทรัพยากรธรรมชาติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการลดผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (climate change) และการพัฒนาที่ยั่งยืน
วัตถุประสงค์การใช้เงินทุน:ตราสารหนี้สีเขียว
เงินที่ได้จากการออกตราสารหนี้สีเขียว จะถูกนำไปใช้ในโครงการที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เช่น:
- โครงการพลังงานหมุนเวียน (renewable energy) เช่น พลังงานแสงอาทิตย์ ลม หรือน้ำ
- โครงการเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน (energy efficiency)
- โครงการลดมลพิษ (pollution prevention and control)
- โครงการจัดการน้ำและน้ำเสียอย่างยั่งยืน
- โครงการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและความหลากหลายทางชีวภาพ
- โครงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานที่ยั่งยืน เช่น ระบบขนส่งสาธารณะที่ใช้พลังงานสะอาด
ความโปร่งใส:ตราสารหนี้สีเขียว
ผู้ออกตราสารหนี้สีเขียว ต้องรายงานการใช้เงินทุนอย่างชัดเจน เพื่อให้มั่นใจว่า เงินถูกนำไปใช้ในโครงการที่เกี่ยวข้องกับสิ่งแวดล้อมจริงๆ บางครั้งมีการใช้การรับรองจากบุคคลที่สาม (third-party certification) เช่น ตามมาตรฐานของ Green Bond Principles (GBP) หรือการรับรองจาก Climate Bonds Initiative (CBI)
ผลตอบแทน:ตราสารหนี้สีเขียว
ตราสารหนี้สีเขียวมีลักษณะคล้ายกับตราสารหนี้ทั่วไปในแง่ของการจ่ายดอกเบี้ย (coupon) และการไถ่ถอนเมื่อครบกำหนด (maturity) แต่อย่างไรก็ตาม ผู้ลงทุนอาจยอมรับผลตอบแทนที่ต่ำกว่าเล็กน้อยในบางกรณี เนื่องจากตราสารหนี้เหล่านี้ตอบโจทย์ด้านความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม (ESG – Environmental, Social, Governance)
ความสำคัญของตราสารหนี้สีเขียว
- เป็นเครื่องมือสำคัญในการระดมทุนเพื่อสนับสนุนเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (Sustainable Development Goals – SDGs) และเป้าหมายด้านสภาพภูมิอากาศ เช่น การลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกตามข้อตกลงปารีส (Paris Agreement)
- ช่วยให้ภาคเอกชนและรัฐบาลสามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนสำหรับโครงการที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
- สร้างแรงจูงใจให้เกิดการลงทุนในเทคโนโลยีและโครงสร้างพื้นฐานที่ยั่งยืน
ข้อควรระวัง
- Greenwashing: มีความเสี่ยงที่บางบริษัทอาจอ้างว่าเป็น “ตราสารหนี้สีเขียว” แต่ไม่ได้ใช้เงินในโครงการที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมอย่างแท้จริง ดังนั้น การตรวจสอบและการรับรองจากบุคคลที่สามจึงมีความสำคัญ
- การขาดมาตรฐานสากลที่ชัดเจน: แม้ว่าจะมีกรอบการทำงาน เช่น Green Bond Principles แต่การตีความและการปฏิบัติอาจแตกต่างกันไปในแต่ละประเทศ
อย่างไรก็ตาม การเน้นย้ำถึงการใช้ตราสารหนี้สีเขียวนี้ ไม่เพียงแต่เป็นกลยุทธ์ในการระดมทุนที่มีประสิทธิภาพเท่านั้น แต่ยังเป็นการสร้างความยั่งยืนทางสิ่งแวดล้อมและเศรษฐกิจในระยะยาวอีกด้วย
อ้างอิง :