นักวิทยาศาสตร์ พบ “ไมโครพลาสติก” สะสมลึกในสมองของผู้ป่วยเสียชีวิต จากภาวะสมองเสื่อม มากกว่าสมองปกติถึง 3-5 เท่า และเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ
บทความที่ตีพิมพ์ในวารสาร Nature Medicine ได้เปิดเผยข้อมูลที่น่าตกใจว่า ปัจจุบัน “ไมโครพลาสติก” กำลังเข้าสู่สมองของมนุษย์ ซึ่งอาจส่งผลกระทบอันตรายต่อสุขภาพ และภาวะทางจิตใจของผู้คน
รายงานจาก The Washington Post ระบุว่า ชิ้นส่วนพลาสติกขนาดเล็กเหล่านี้ กำลังรุกผ่านแนวกั้นระหว่างเลือดกับสมองและเข้าสู่สมองของมนุษย์ ปริมาณไมโครพลาสติกในสมอง ดูเหมือนจะเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญเมื่อเวลาผ่านไป โดยการวิจัยพบว่า ในปี 2024 มีไมโครพลาสติกในสมองมากกว่าปี 2016 ถึงร้อยละ 50
ทั้งนี้ นักวิทยาศาสตร์ได้ตรวจสอบสมองของผู้ป่วยเสียชีวิต ที่ได้รับการวินิจฉัยว่ามีภาวะสมองเสื่อม 12 ราย และพบว่า สมองของพวกเขา มีไมโครพลาสติก มากกว่าสมองปกติถึง 3-5 เท่า
ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา การค้นพบทางวิทยาศาสตร์แสดงให้เห็นว่า สิ่งของพลาสติกหลายชนิด เช่น ถุงพลาสติก, ขวดน้ำ, ยางรถยนต์, และเสื้อผ้าที่ทำจากโพลีเอสเตอร์ หรือเส้นใยสังเคราะห์ สามารถหลุดออกมาเป็นชิ้นส่วน หรือเส้นใยขนาดเล็ก ที่แพร่กระจายในอากาศ, อาหาร, และน้ำ อนุภาคเหล่านี้เข้าสู่ร่างกายมนุษย์ และฝังลึกในอวัยวะต่างๆ ได้แก่ ตับ, รก, เลือด, อัณฑะ หรือแม้แต่หลอดเลือดแดงที่ไปเลี้ยงหัวใจ
การค้นพบนี้เสริมความตระหนักถึงความจำเป็นในการลดการใช้พลาสติกแบบครั้งเดียวทิ้ง และการจัดการขยะพลาสติกให้ดีขึ้นเพื่อปกป้องสุขภาพของมนุษย์ในอนาคต
ไมโครพลาสติก คืออะไร
ไมโครพลาสติก (Microplastic) คืออนุภาคพลาสติกขนาดเล็กกว่า 5 มิลลิเมตร หรือเล็กกว่ายางลบที่ปลายดินสอ สามารถเกิดขึ้นจากการผลิต หรือการหลุดลอกจากวัตถุพลาสติก ในขณะที่ นาโนพลาสติก มีขนาดเล็กยิ่งกว่า อาจมีความกว้างเพียงเศษเสี้ยวของเส้นผมมนุษย์ ซึ่งสามารถแบ่งออกเป็นสองประเภทหลักๆ คือ
- ไมโครพลาสติกหลัก (Primary Microplastic): พลาสติกที่ผลิตขึ้นมาในรูปแบบเล็กๆ ตั้งแต่แรก เช่น เม็ดพลาสติกที่ใช้ในการผลิตผลิตภัณฑ์ต่างๆ (เช่น เม็ดพลาสติกที่ใช้ในเครื่องสำอางหรือสบู่ขัดผิว) หรือเส้นใยพลาสติกที่มาจากการผลิตเสื้อผ้า ซึ่งสามารถหลุดออกมาในระหว่างการใช้และการซัก
- ไมโครพลาสติกรอง (Secondary Microplastic): พลาสติกที่เกิดจากการสลายตัวของพลาสติกขนาดใหญ่ เช่น ขวดพลาสติก หรือถุงพลาสติก เมื่อพลาสติกเหล่านี้สัมผัสกับแสงแดด, ความร้อน, หรือการกัดกร่อนทางธรรมชาติ จะค่อยๆ แตกตัวเป็นชิ้นส่วนขนาดเล็กลงจนกลายเป็นไมโครพลาสติก
แหล่งที่มาของไมโครพลาสติก
- การใช้ผลิตภัณฑ์ต่างๆ: เช่น เครื่องสำอาง (สบู่ขัดผิว), ยาสีฟัน, หรือน้ำหอมที่มีส่วนผสมของเม็ดพลาสติก
- การสลายตัวของขยะพลาสติก: ขยะพลาสติกที่ทิ้งในทะเลหรือที่ดิน เมื่อถูกแสงแดดหรือแรงลมทำให้แตกเป็นชิ้นเล็กๆ
- การใช้เสื้อผ้าและสิ่งทอ: เส้นใยจากเสื้อผ้าพลาสติกที่หลุดออกมาในระหว่างการซัก
ไมโครพลาสติก ผลกระทบ
ไมโครพลาสติก มีผลกระทบอย่างมากต่อสิ่งแวดล้อมและสุขภาพของมนุษย์ โดยเฉพาะในทะเลและแหล่งน้ำต่างๆ เนื่องจากไมโครพลาสติก สามารถเข้าสู่ห่วงโซ่อาหารได้ผ่านสัตว์ทะเลที่กินไมโครพลาสติกเหล่านี้ และอาจสะสมในร่างกายสัตว์เหล่านั้นได้ ซึ่งในที่สุดอาจส่งผลกระทบต่อมนุษย์ที่บริโภคสัตว์เหล่านั้น
ข้อมูลจากงานวิจัย พบไมโครพลาสติกในสิ่งแวดล้อมแทบทุกที่ เช่น อากาศ ดิน แหล่งน้ำในธรรมชาติและจากชุมชน เนื้อสัตว์จากธรรมชาติและจากฟาร์ม ผัก และผลไม้ สิ่งที่น่าเป็นห่วง คือปริมาณการปนเปื้อนของไมโครพลาสติกในสิ่งแวดล้อมมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยมีสาเหตุจากปริมาณการใช้พลาสติกที่เพิ่มขึ้น และการสลายตัวของไมโครพลาสติกได้เป็นอนุภาคขนาดเล็ก หรือที่รู้จักกันในชื่อ นาโนพลาสติก จึงทำให้ปัญหาการปนเปื้อนของไมโครพลาสติกในสิ่งแวดล้อมทวีความรุนแรงขึ้นตามไปด้วย
ไมโครพลาสติกจะเข้าสู่ร่างกายของเราผ่านการกินและการหายใจ งานวิจัยเมื่อไม่นานมานี้ ได้ตรวจพบไมโครพลาสติกในเลือด ปอด รก และน้ำนมของอาสาสมัคร รวมถึงในเลือดของทารกแรกเกิด
ดังนั้น ความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบของไมโครพลาสติกต่อสุขภาพที่จะตามมาในอนาคตจึงเป็นประเด็นที่ถูกพูดถึงอยู่ในขณะนี้ รวมทั้งการจัดการกับไมโครพลาสติก จึงเป็นความท้าทายที่สำคัญในการปกป้องสิ่งแวดล้อมและสุขภาพในระยะยาว
อ้างอิง :