‘ธนาคารปุ๋ยมูลช้าง’ หนุนเกษตรอินทรีย์ ลดปัญหาสิ่งแวดล้อม

by Pom Pom

มูลช้างมีค่า “พระครูอ๊อด” แห่งวัดเจดีย์หลวง จ.เชียงใหม่ ผุด “ธนาคารปุ๋ยมูลช้าง” จากทรัพยากรธรรมชาติ สู่เกษตรอินทรีย์ ลดปัญหาสิ่งแวดล้อม

 

ที่อำเภอแม่แตง จังหวัดเชียงใหม่ โครงการ ธนาคารปุ๋ยมูลช้าง ภายใต้การริเริ่มของ พระครูสังฆรักษ์วีรวัฒน์ วีรวฑฺฒโน หรือ “พระครูอ๊อด” วัดเจดีย์หลวงวรวิหาร ได้กลายเป็นต้นแบบของการใช้ทรัพยากรธรรมชาติอย่างรู้คุณค่า โดยเปลี่ยนมูลช้าง ซึ่งเดิมถูกมองว่าเป็นของเสีย ให้กลายเป็นปุ๋ยอินทรีย์คุณภาพสูงที่ส่งเสริมเกษตรกรรมยั่งยืนและลดปัญหาสิ่งแวดล้อมไปพร้อมกัน

 

จุดเริ่มต้นของแนวคิด

 

ช้าง สัตว์คู่บ้านคู่เมืองของไทย โดยเฉพาะในชุมชนบ้านช้างตระกูลแสน อำเภอแม่แตง เป็นสัตว์ที่บริโภคอาหารปริมาณมาก คิดเป็น 10% ของน้ำหนักตัวต่อวัน อาหารหลักคือหญ้าและผลไม้หลากชนิด ทำให้เกิดมูลช้างในปริมาณมากอย่างต่อเนื่อง พระครูอ๊อดเล็งเห็นโอกาสในการนำมูลช้างมาแปรรูปเป็นปุ๋ยอินทรีย์ จึงริเริ่มโครงการธนาคารปุ๋ยมูลช้าง โดยร่วมมือกับ มูลนิธิศึกษาพัฒนาชนบท เพื่อจัดการและกระจายปุ๋ยสู่เกษตรกรในเครือข่ายเกษตรอินทรีย์

 

พระครูอ๊อดสนับสนุนให้กลุ่มควาญช้างเก็บมูลช้าง โดยรับซื้อในราคากระสอบละ 5 บาท สร้างรายได้เสริมให้ควาญช้าง ขณะเดียวกันก็ลดปัญหาการทิ้งมูลช้างตามธรรมชาติที่อาจก่อให้เกิดมลพิษและกลิ่นรบกวน

ธนาคารปุ๋ยมูลช้าง: นวัตกรรมเกษตรจากวัดเจดีย์หลวง

กระบวนการผลิตและประโยชน์ของปุ๋ยมูลช้าง

 

มูลช้างที่รวบรวมได้ถูกนำไปหมักและแปรรูปเป็นปุ๋ยอินทรีย์ โดยผสมกับวัสดุอื่น เช่น แกลบและดิน เพื่อเพิ่มคุณภาพและเหมาะสมกับการเพาะปลูก ตัวอย่างความสำเร็จเห็นได้จากแปลงเกษตรของ นายอนันทวัฒน์ ทับทอง ลูกศิษย์พระครูอ๊อด ซึ่งใช้ปุ๋ยมูลช้างปรับปรุงดิน ส่งผลให้พืชผัก เช่น ฟักทอง มะละกอ กล้วย หน่อไม้ และสมุนไพร เจริญเติบโตดีและให้ผลผลิตที่สมบูรณ์

นอกจากนี้ บริเวณพื้นที่หมักปุ๋ยยังเกิดปรากฏการณ์ที่น่าสนใจ เมื่อพบ เห็ดคล้ายเห็ดฟาง ขึ้นเองตามธรรมชาติ ซึ่งสามารถเก็บไปประกอบอาหารได้ โดยมีรสชาติหวานหอม เป็นผลพลอยได้ที่สะท้อนถึงความอุดมสมบูรณ์ของระบบนิเวศที่เกิดจากปุ๋ยมูลช้าง

 

ผลกระทบเชิงบวกต่อชุมชนและสิ่งแวดล้อม

 

  • ด้านเศรษฐกิจ: ควาญช้างมีรายได้เสริมจากการจำหน่ายมูลช้าง ขณะที่เกษตรกรลดต้นทุนจากการใช้ปุ๋ยเคมี ด้วยการหันมาใช้ปุ๋ยอินทรีย์จากโครงการ
  • ด้านสิ่งแวดล้อม: การจัดการมูลช้างอย่างเป็นระบบช่วยลดการปล่อยก๊าซมีเทนและมลพิษจากมูลที่ถูกทิ้งไว้
  • ด้านเกษตรกรรม: ปุ๋ยมูลช้างช่วยฟื้นฟูดินให้มีความสมบูรณ์ ส่งเสริมการเกษตรอินทรีย์และยั่งยืน
  • ด้านชุมชน: โครงการสร้างความร่วมมือระหว่างควาญช้าง เกษตรกร และหน่วยงานท้องถิ่น เสริมสร้างความเข้มแข็งของชุมชน

ธนาคารปุ๋ยมูลช้าง: นวัตกรรมเกษตรจากวัดเจดีย์หลวง

แรงบันดาลใจและอนาคต

 

พระครูอ๊อดกล่าวว่า โครงการนี้เป็นก้าวสำคัญในการใช้ทรัพยากรธรรมชาติอย่างรู้คุณค่า โดยไม่เพียงส่งเสริมเกษตรอินทรีย์และการพึ่งพาตนเองของชุมชน แต่ยังเป็นการต่อยอดสู่การพัฒนาที่ยั่งยืนตามแนวทางของมูลนิธิศึกษาพัฒนาชนบท ธนาคารปุ๋ยมูลช้างจึงเป็นตัวอย่างที่ชัดเจนว่า “ของเสีย” เมื่อได้รับการมองด้วยมุมมองใหม่ สามารถกลายเป็น “ทรัพย์สิน” ที่สร้างประโยชน์ให้ชุมชนและสิ่งแวดล้อมได้อย่างมหาศาล

 

ในอนาคต โครงการนี้มีแผนขยายผลไปยังชุมชนเลี้ยงช้างอื่นๆ ในจังหวัดเชียงใหม่และพื้นที่ใกล้เคียง โดยมุ่งหวังให้เกษตรกรทั่วไปหันมาใช้ปุ๋ยอินทรีย์มากขึ้น พร้อมพัฒนาผลิตภัณฑ์จากมูลช้าง เช่น กระดาษมูลช้าง หรือผลิตภัณฑ์แปรรูปอื่นๆ เพื่อเพิ่มมูลค่าและสร้างรายได้หมุนเวียนในชุมชน นอกจากนี้ ยังมีแนวคิดจัดตั้งศูนย์เรียนรู้เพื่อถ่ายทอดความรู้ด้านการผลิตปุ๋ยอินทรีย์และเกษตรยั่งยืนให้กับเยาวชนและผู้สนใจ

 

ธนาคารปุ๋ยมูลช้างไม่เพียงเปลี่ยนมูลช้างให้เป็นปุ๋ย แต่ยังจุดประกายให้ชุมชนเห็นคุณค่าของทรัพยากรในท้องถิ่น และพิสูจน์ว่าการรวมพลังกันสามารถสร้างความท้าทายให้กลายเป็นโอกาสที่ยิ่งใหญ่ได้ ด้วยวิสัยทัศน์ของพระครูอ๊อดและความร่วมมือของชุมชน แม่แตงกำลังก้าวสู่การเป็นชุมชนต้นแบบของเกษตรอินทรีย์ที่ยั่งยืนอย่างแท้จริง

Copyright @2021 – All Right Reserved.