อันตรายในจาน พบไมโครพลาสติกในทุกมื้ออาหารประจำวัน ภัยคุกคามใกล้ตัวที่หลีกเลี่ยงได้ยาก งานวิจัยล่าสุด เผยรายงานที่น่าตกใจ 2 เมนูโปรดของเด็ก เจอ “ไมโครพลาสติก” มากที่สุด
ในยุคที่พลาสติกกลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวันมากขึ้น งานวิจัยล่าสุดจากวารสาร Environmental Research ได้เปิดเผยข้อมูลที่น่าตกใจ เกี่ยวกับการปนเปื้อนของ “ไมโครพลาสติก” ในอาหารที่เราบริโภคทุกวัน ไม่ว่าจะเป็นโปรตีนจากสัตว์หรือพืช ไมโครพลาสติกเหล่านี้ กำลังเข้าสู่ร่างกายของเราผ่านมื้ออาหารต่างๆ การศึกษานี้ได้ตรวจสอบโปรตีนมากกว่า 10 ชนิด ที่คนทั่วไปนิยมบริโภค รวมถึงเนื้อวัว, กุ้งชุบแป้งทอด, กุ้งชนิดอื่นๆ อกไก่, นักเก็ตไก่, เนื้อหมู, อาหารทะเล, เต้าหู้ และเนื้อสัตว์เทียมจากพืช เช่น ไก่ป๊อปจากพืช และเนื้อบดจากพืช ที่มีลักษณะคล้ายเนื้อวัว
เมนูโปรดของเด็กมีไมโครพลาสติกสูงสุด
ผลวิจัยพบว่า กุ้งชุบแป้งทอด เป็นอาหารที่มีไมโครพลาสติกมากที่สุด เฉลี่ย 300 ชิ้นต่อมื้อ ตามมาด้วยนักเก็ตไก่ ที่มีปริมาณไมโครพลาสติกต่ำกว่า 100 ชิ้นต่อมื้อ ตามมาด้วย ชิ้นปลาคลุกแป้งขนมปัง, เนื้อกุ้งสด, และปลาแพลนท์เบสคลุกแป้งขนมปัง สิ่งเหล่านี้มักเป็นอาหารที่เด็กๆ ชื่นชอบ และพบในมื้ออาหารครอบครัวทั่วโลก
ส่วนอาหารที่มีไมโครพลาสติกน้อยที่สุด คือ เนื้ออกไก่ ถือเป็นอาหารที่มีการปนเปื้อนไมโครพลาสติกน้อยที่สุด ตามด้วยเนื้อหมูสันใน และเต้าหู้ ซึ่งแสดงให้เห็นว่า การเลือกอาหารที่มีการประมวลผลน้อยสามารถช่วยลดการสัมผัสไมโครพลาสติกได้
การวิจัยในเดือนกุมภาพันธ์ 2024 ยังพบว่า โปรตีนจากทั้งสัตว์และพืช ร้อยละ 90 มีการปนเปื้อนไมโครพลาสติก ซึ่งเป็นอนุภาคพลาสติกขนาดเล็กที่มีขนาดตั้งแต่ไม่ถึง 0.2 นิ้ว (5 มิลลิเมตร) ไปจนถึงขนาดที่เล็กกว่า 1 ไมโครเมตรที่เรียกว่า นาโนพลาสติก ซึ่งสามารถเข้าไปในเซลล์และเนื้อเยื่อของอวัยวะได้
เจอ ไมโครพลาสติก ในทุกมื้ออาหาร
ผักและผลไม้: แม้แต่ผู้ที่กินมังสวิรัติก็ไม่พ้นการปนเปื้อน เนื่องจากพืชสามารถดูดซับไมโครพลาสติกผ่านระบบราก และส่งต่อไปยังส่วนต่างๆ ของพืช การศึกษาในปี 2021 ยืนยันว่า พลาสติกขนาดเล็กสามารถเข้าสู่ระบบอาหารได้แม้ในผู้กินมังสวิรัติ
เกลือ: เกลือสีชมพูจากเทือกเขาหิมาลัยที่ขุดได้จากพื้นดินมีไมโครพลาสติกมากที่สุด ตามมาด้วยเกลือดำและเกลือทะเล การศึกษาในปี 2023 แสดงให้เห็นว่า เกลือเป็นอีกแหล่งที่มาของไมโครพลาสติกที่ไม่ควรมองข้าม
น้ำตาล: น้ำตาลเป็นอีกหนึ่งเส้นทางที่สำคัญในการสัมผัสกับไมโครพลาสติก การศึกษาในปี 2022 พบว่าน้ำตาลเป็น “เส้นทางสำคัญที่มนุษย์สัมผัสกับสารมลพิษขนาดเล็กเหล่านี้”
ชาในถุงพลาสติก: การชงชาด้วยถุงชาที่ทำจากพลาสติกสามารถปล่อยไมโครพลาสติกและนาโนพลาสติกออกมาในปริมาณมหาศาล การศึกษาจากมหาวิทยาลัยแม็กกิลล์ในควิเบก ประเทศแคนาดา พบว่าการชงชาถุงพลาสติกเพียงถุงเดียวปล่อยไมโครพลาสติกประมาณ 11,600 ล้านชิ้นและนาโนพลาสติก 3,100 ล้านชิ้น
ข้าว: การบริโภคข้าวก็สามารถเพิ่มปริมาณการสัมผัสไมโครพลาสติกได้ การศึกษาจากมหาวิทยาลัยควีนส์แลนด์พบว่าข้าว 100 กรัม (1/2 ถ้วย) ที่คนเรากินเข้าไป คนเรากินพลาสติกเข้าไป 3-4 มิลลิกรัม ซึ่งตัวเลขเพิ่มขึ้นเป็น 13 มิลลิกรัมต่อหนึ่งมื้อสำหรับข้าวสำเร็จรูป
น้ำขวด: น้ำ 1 ลิตร ซึ่งเทียบเท่ากับน้ำขวดขนาดมาตรฐาน 2 ขวด มีอนุภาคพลาสติกเฉลี่ย 240,000 อนุภาคจากพลาสติก 7 ประเภท, รวมถึงนาโนพลาสติก
ไมโครพลาสติก ผลกระทบต่อสุขภาพ
การค้นพบล่าสุด ไมโครพลาสติกพบในปอด, เนื้อเยื่อรกของมารดาและทารกในครรภ์, น้ำนมแม่, และเลือดของมนุษย์ การศึกษาในเดือนมีนาคม 2024 พบว่า ผู้ที่มีไมโครพลาสติก หรือนาโนพลาสติกในหลอดเลือดแดงที่คอ มีแนวโน้มที่จะมีอาการหัวใจวาย, โรคหลอดเลือดสมอง, หรือเสียชีวิตจากสาเหตุใดๆ ก็ตามในช่วงสามปีข้างหน้า มากกว่าผู้ที่ไม่มีไมโครพลาสติกถึงสองเท่า
ขณะที่ รายงานจาก The Washington Post ระบุว่า นักวิทยาศาสตร์ได้ตรวจสอบสมองของผู้ป่วยเสียชีวิต ที่ได้รับการวินิจฉัยว่ามีภาวะสมองเสื่อม 12 ราย และพบว่า สมองของพวกเขา มีไมโครพลาสติก มากกว่าสมองปกติถึง 3-5 เท่า โดยชิ้นส่วนพลาสติกขนาดเล็กเหล่านี้ กำลังรุกผ่านแนวกั้นระหว่างเลือดกับสมอง และเข้าสู่สมองของมนุษย์ ปริมาณไมโครพลาสติกในสมอง ดูเหมือนจะเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญเมื่อเวลาผ่านไป โดยการวิจัยพบว่า ในปี 2024 มีไมโครพลาสติกในสมองมากกว่าปี 2016 ถึงร้อยละ 50
นาโนพลาสติก: นาโนพลาสติกเป็นมลพิษทางพลาสติกประเภทที่น่าเป็นห่วงที่สุดต่อสุขภาพของมนุษย์ เนื่องจากอนุภาคขนาดเล็กสามารถบุกรุกเข้าไปในเซลล์และเนื้อเยื่อแต่ละเซลล์ในอวัยวะสำคัญ ซึ่งอาจขัดขวางกระบวนการของเซลล์และสะสมสารเคมีที่รบกวนต่อมไร้ท่อ เช่น บิสฟีนอล, พาทาเลต, สารหน่วงไฟ, PFAS, และโลหะหนัก
วิธีลดไมโครพลาสติกเข้าสู่ร่างกาย
การเลือกอาหารและเครื่องดื่ม
- หลีกเลี่ยงอาหารแปรรูป: เลือกอาหารที่มีการประมวลผลน้อย เพราะอาหารแปรรูปมักมีความเสี่ยงสูงต่อการปนเปื้อนไมโครพลาสติก เช่น งดกินกุ้งชุบแป้งทอด, นักเก็ตไก่ หรืออาหารทอดที่มีการคลุกแป้งขนมปัง
- เลือกอาหารสด: อาหารสดจากธรรมชาติเช่น อกไก่, เนื้อหมูสันใน และเต้าหู้ มีการปนเปื้อนน้อยกว่า
- ล้างผักและผลไม้: การล้างผักและผลไม้ก่อนรับประทาน สามารถช่วยลดไมโครพลาสติกบนพื้นผิวได้ แม้ไม่สามารถกำจัดได้ทั้งหมดหากมีการดูดซับเข้าไปในเนื้อพืช
- เลือกน้ำประปา หรือใช้ภาชนะที่ไม่ใช่พลาสติก: หลีกเลี่ยงการดื่มน้ำจากขวดพลาสติก ใช้น้ำประปา หรือหากต้องใช้น้ำขวด ให้เลือกขวดแก้ว, สแตนเลส หรือขวดน้ำที่สามารถใช้ซ้ำได้
- ชาจากใบชาหรือชากรอง: หลีกเลี่ยงการใช้ถุงชาที่ทำจากพลาสติก หันมาใช้ใบชา หรือชาที่บรรจุในตะแกรงชา ที่สามารถนำกลับมาใช้ซ้ำได้
การเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมการใช้พลาสติก
- ลดการใช้พลาสติกครั้งเดียวทิ้ง: หลีกเลี่ยงการใช้ถุงพลาสติก, หลอดดูด, ฝาปิดกาแฟ และภาชนะพลาสติกแบบใช้ครั้งเดียวทิ้ง
- ใช้ภาชนะที่นำกลับมาใช้ได้: พกถุงผ้า, กล่องอาหารแบบนำกลับมาใช้ได้, ขวดน้ำ, หรือภาชนะอาหารที่ทำจากวัสดุที่ไม่ใช่พลาสติก
- เลือกเกลือและน้ำตาลที่ปลอดไมโครพลาสติก: หากเป็นไปได้ เลือกซื้อเกลือและน้ำตาลที่มีการรับรองว่ามีการปนเปื้อนไมโครพลาสติกน้อย
การจัดการในครัวเรือน
- ล้างข้าวก่อนหุง: การล้างข้าวก่อนหุงสามารถลดปริมาณไมโครพลาสติกได้ถึง 40% และยังช่วยลดสารหนูในข้าวด้วย
- ใช้เครื่องกรองน้ำ: หากเป็นไปได้ ใช้เครื่องกรองน้ำที่สามารถกรองไมโครพลาสติกออก
สังคมและสิ่งแวดล้อม
- สนับสนุนกฎหมายและนโยบายการลดพลาสติก: ให้ความร่วมมือและสนับสนุนนโยบายที่ช่วยลดการใช้พลาสติกในระดับชุมชนหรือประเทศ
- การรีไซเคิลและการจัดการขยะ: รีไซเคิลพลาสติกให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ และร่วมมือในการจัดการขยะอย่างถูกวิธีเพื่อป้องกันไม่ให้พลาสติกเข้าสู่สิ่งแวดล้อม
อย่างไรก็ตาม การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเหล่านี้ ไม่เพียงช่วยลดการสัมผัส “ไมโครพลาสติก” ของตัวเราเองเท่านั้น แต่ยังช่วยลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและสุขภาพของคนรุ่นต่อๆ ไปด้วย
อ้างอิง :
- https://edition.cnn.com/2024/04/22/health/plastics-food-wellness-scn/index.html
- https://plus.thairath.co.th/topic/naturematter/104631