เล็กแต่ร้าย วิจัย ชี้ กทม. พบ ‘ฝุ่นนาโน’ สูงกว่า 90%

by Pom Pom

งานวิจัยพบ “ฝุ่นนาโน” ขนาดเล็กกว่า 0.1 ไมครอน ครองสัดส่วนกว่า 90% ใน กทม. ส่งผลกระทบร้ายแรงต่อสุขภาพ ชี้ การแก้ปัญหาฝุ่นต้องครอบคลุมทุกขนาด ไม่ใช่แค่ PM2.5  โดยพบว่า การเผาไหม้ชีวมวล และไอเสียรถยนต์ คือแหล่งกำเนิดหลักของฝุ่น ใน กทม. และปริมณฑล

ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา คำว่า “PM2.5” กลายเป็นคำที่คุ้นหูคนไทย โดยเฉพาะในช่วงฤดูหนาวและฤดูแล้ง ที่ปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็กครอบคลุมเมืองใหญ่ โดยเฉพาะกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ถึงแม้ว่าดัชนีคุณภาพอากาศ (AQI) บางวันจะบ่งชี้ว่า อากาศอยู่ในเกณฑ์ “ดี” แต่ความจริงแล้ว อากาศที่เราหายใจอาจไม่ได้สะอาดอย่างที่คิด ฝุ่นละอองขนาดเล็กยังคงลอยอยู่ในอากาศ และที่น่ากังวลยิ่งกว่าคือ ฝุ่นเหล่านี้ไม่ได้มีเพียงแค่ PM2.5 เท่านั้น แต่ยังมีฝุ่นขนาดเล็กจิ๋วที่อันตรายต่อสุขภาพมากยิ่งขึ้น

งานวิจัยเชิงบูรณาการด้านเทคโนโลยีเพื่อบรรเทาปัญหาฝุ่นละออง PM2.5 ในพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล ภายใต้การสนับสนุนจากสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) โดย รศ. ดร.ศิริมา ปัญญาเมธีสกุล (หัวหน้าแผนงานวิจัย) และ ดร.วิยงค์ กังวานศุภมงคล (หัวหน้าโครงการวิจัยย่อย) ได้ศึกษาและวิเคราะห์องค์ประกอบทางเคมีและแหล่งกำเนิดของฝุ่นละอองขนาดเล็กไม่เกิน 2.5 ไมครอน (PM2.5) ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร ผลการวิจัยเผยให้เห็นถึงความซับซ้อนของฝุ่นละอองในอากาศที่เราหายใจ และชี้ให้เห็นถึงความจำเป็นในการจัดการฝุ่นขนาดเล็กจิ๋วที่อาจถูกมองข้าม

การเก็บตัวอย่างและวิธีการวิจัย

งานวิจัยนี้ มุ่งศึกษาแหล่งกำเนิดและองค์ประกอบทางเคมีของฝุ่นละอองขนาดเล็กในกรุงเทพมหานคร โดยเก็บตัวอย่างฝุ่นจากสถานีตรวจวัดคุณภาพอากาศของกรมควบคุมมลพิษ 3 แห่ง ซึ่งเป็นตัวแทนของพื้นที่ที่มีลักษณะแตกต่างกัน ดังนี้:

  • สถานีกรมประชาสัมพันธ์ อารีย์: ตัวแทนพื้นที่ชุมชน
  • สถานีการเคหะชุมชนดินแดง: ตัวแทนพื้นที่ที่มีการจราจรหนาแน่น
  • สถานีกรมอุตุนิยมวิทยา บางนา: ตัวแทนพื้นที่อุตสาหกรรม

ทีมวิจัยใช้เครื่องมือพิเศษที่เรียกว่า NanoSampler ซึ่งสามารถเก็บและแยกฝุ่นละอองได้อย่างละเอียดถึง 6 ระดับขนาด ตั้งแต่ขนาดเล็กจิ๋วระดับนาโน (เล็กกว่า 0.1 ไมครอน) ไปจนถึงฝุ่นขนาดใหญ่กว่า 10 ไมครอน ได้แก่ PM0.1, PM0.1-0.5, PM0.5-1, PM1-2.5, PM2.5-10 และ PM>10 การเก็บตัวอย่างดำเนินการในช่วงเดือนมกราคมถึงธันวาคม 2564 รวมทั้งสิ้น 40 ครั้งต่อสถานี จากนั้นนำตัวอย่างไปวิเคราะห์องค์ประกอบทางเคมีและประเมินแหล่งกำเนิดของฝุ่นโดยใช้ข้อมูลจากแหล่งต่างๆ ร่วมกับเทคนิคทางสถิติ

ข้อค้นพบสำคัญจากงานวิจัย

งานวิจัยนี้ เผยให้เห็นข้อมูลสำคัญเกี่ยวกับฝุ่นละอองในกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ซึ่งสามารถแบ่งออกเป็น 3 ประเด็นหลัก ดังนี้:

  • ความเข้มข้นของฝุ่นสูงสุดในช่วงฤดูหนาว-แล้ง

ผลการตรวจวัดพบว่า ในช่วงเดือนธันวาคมถึงมีนาคม ค่าความเข้มข้นของฝุ่น PM10 และ PM2.5 ในทุกสถานีสูงเกินค่ามาตรฐานรายวันของประเทศไทย สาเหตุหลักมาจากการปล่อยฝุ่นจากแหล่งกำเนิดในพื้นที่ เช่น การเผาไหม้และไอเสียยานพาหนะ ประกอบกับสภาพอากาศที่มีอัตราการระบายอากาศ (Ventilation Rate) ต่ำในช่วงฤดูหนาวและฤดูแล้ง ซึ่งทำให้ฝุ่นสะสมอยู่ในชั้นบรรยากาศได้ง่ายขึ้น ปัญหานี้ชี้ให้เห็นว่า นอกจากปริมาณฝุ่นที่ถูกปล่อยออกมา สภาพอากาศยังเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้สถานการณ์ฝุ่นรุนแรงขึ้น

  • แหล่งกำเนิดหลักของฝุ่นในกรุงเทพฯ

จากการวิเคราะห์องค์ประกอบทางเคมีของฝุ่น พบว่าแหล่งกำเนิดหลักของฝุ่น PM2.5 ในกรุงเทพฯ และปริมณฑลมาจาก:

การเผาไหม้ชีวมวล: เช่น การเผาเศษวัสดุทางการเกษตรในที่โล่ง ซึ่งพบในทุกสถานี โดยวิเคราะห์จากอัตราส่วนระหว่างสารอินทรีย์คาร์บอน (OC) ต่อธาตุคาร์บอน (EC) หรือ OC/EC ratio ที่สูงกว่า 2 ค่านี้ยังบ่งชี้ถึงการเกิดฝุ่นทุติยภูมิ (Secondary Organic Aerosol – SOA) ซึ่งเป็นฝุ่นที่เกิดจากปฏิกิริยาทางเคมีของก๊าซในบรรยากาศ

ไอเสียยานพาหนะ: โดยเฉพาะที่สถานีการเคหะชุมชนดินแดง ซึ่งมีความเข้มข้นของธาตุคาร์บอน (EC) สูงกว่าสถานีอื่น ๆ อย่างมีนัยสำคัญ เนื่องจากเป็นพื้นที่ที่มีการจราจรหนาแน่น ส่งผลให้ฝุ่นจากไอเสียรถยนต์มีสัดส่วนสูง โดยเฉพาะในช่วงเดือนมกราคมถึงมีนาคมที่มีการระบายมลพิษต่ำตามฤดูกาล

ฝุ่นขนาดเล็กจิ๋ว: ภัยเงียบที่ถูกมองข้าม

หนึ่งในข้อค้นพบที่น่าสนใจคือ สัดส่วนของฝุ่น PM2.5 ที่มีขนาดเล็กกว่า 1 ไมครอน (PM1) คิดเป็นถึง 70% ของฝุ่น PM2.5 ตลอดทั้งปีในทุกสถานี และเมื่อวัดจำนวนอนุภาค (by number) ฝุ่นขนาดนาโน (PM0.1 หรือเล็กกว่า 0.1 ไมครอน) มีสัดส่วนสูงถึงกว่า 90% เมื่อเทียบกับฝุ่นขนาดอื่น ฝุ่นขนาดเล็กจิ๋วเหล่านี้สามารถแทรกซึมเข้าสู่ร่างกายได้ลึกและง่ายกว่าฝุ่นขนาดใหญ่ ทำให้ส่งผลกระทบร้ายแรงต่อสุขภาพ เช่น ระบบทางเดินหายใจและระบบหัวใจและหลอดเลือด

ข้อค้นพบจากงานวิจัยนี้ชี้ให้เห็นว่า การจัดการปัญหาฝุ่นละอองในกรุงเทพมหานครและปริมณฑลจำเป็นต้องให้ความสำคัญไม่เพียงแค่ฝุ่น PM2.5 เท่านั้น แต่ยังรวมถึงฝุ่นขนาดเล็กกว่า 1 ไมครอน (PM1) และฝุ่นระดับนาโน (PM0.1) ซึ่งมีจำนวนมากและอันตรายต่อสุขภาพมากกว่า การควบคุมแหล่งกำเนิดฝุ่น เช่น การเผาไหม้ชีวมวลและไอเสียยานพาหนะ ต้องทำควบคู่ไปกับการจัดการฝุ่นทุติยภูมิที่เกิดจากปฏิกิริยาทางเคมีในบรรยากาศ

นอกจากนี้ สภาพอากาศที่มีการระบายอากาศต่ำในช่วงฤดูหนาวและฤดูแล้งยังเป็นปัจจัยที่ทำให้ฝุ่นสะสมมากขึ้น ดังนั้น การพัฒนามาตรการที่ครอบคลุมทั้งการลดการปล่อยมลพิษจากแหล่งกำเนิด การส่งเสริมการใช้ยานพาหนะที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และการเพิ่มพื้นที่สีเขียวเพื่อดูดซับมลพิษ จะช่วยลดผลกระทบจากฝุ่นละอองได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น

อ้างอิง:

สภาลมหายใจกรุงเทพ

Copyright @2021 – All Right Reserved.