นายกฯ สั่งด่วน นั่ง ‘รถไฟฟ้า-รถเมล์’ ฟรี 7 วัน แก้ฝุ่น PM2.5

by Pom Pom

“นายกฯ แพทองธาร” สั่งการด่วน แก้ “ฝุ่น PM2.5” เพิ่มเติม ให้กระทรวงคมนาคม ยกเว้นค่ารถไฟฟ้า-ค่ารถเมล์ ภายใต้กำกับของรัฐ เป็นเวลา 7 วัน ดีเดย์พรุ่งนี้ พื่อลดปริมาณฝุ่นที่เกิดจากรถยนต์ และ พบการเผา จับทันที

จากสถานการณ์ฝุ่น PM2.5 ในประเทศไทย ที่เข้าขั้นวิกฤต น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้พยายามที่จะเร่งแก้ปัญหา โดยได้สั่งการจากเมืองดาวอส สมาพันธรัฐสวิส ให้ทุกหน่วยงานระดมสรรพกำลัง แก้ไขฝุ่นควันเร่งด่วนทันที พร้อมให้ กทม. และ กระทรวงที่เกี่ยวข้อง อาทิ กระทรวงศึกษาธิการ ตัดสินใจออกประกาศในส่วนที่มีผลกระทบต่อสุขภาพ พร้อมวิดิโอคอนเฟอร์เรนท์ ออกมาตรการเพิ่มเติม

นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม แถลงด่วนถึงข้อสั่งการ นายกรัฐมนตรี ให้กระทรวงคมนาคม และส่วนราชการอื่นๆ สนับสนุนการแก้ไขปัญหาฝุ่นควันในกรุงเทพมหานคร ว่า ปัญหาฝุ่น PM2.5 เป็นเรื่องที่นายกรัฐมนตรีเป็นห่วงอย่างมาก โดยตั้งแต่วันพรุ่งนี้เป็นต้นไป (25-31 ม.ค. 2568) จะให้ประชาชนขึ้นรถรถไฟฟ้าฟรีทุกสาย รวมถึงรถขนส่ง ขสมก.ฟรี ซึ่งตนได้ประสานไปยังผู้ประกอบการ ทั้งกลุ่มบีทีเอส และ BEM ว่า รัฐบาลจะมีมาตรการนี้ โดยจะมีการขออนุมัติงบกลางเพื่อมาชดเชยรายได้ให้กับผู้ประกอบการที่สูญเสีย ตามค่าเฉลี่ย 7 วัน ประมาณ 140 ล้านบาท

นายสุริยะกล่าวว่า หลังจากนี้ จะนำข้อเสนอนี้เข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี เพื่อขอความเห็นชอบ และมั่นใจว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีจะให้ความเห็นชอบ เนื่องจากว่าเป็นความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชน และเป็นมาตรการลดภาวะ PM 2.5ขณะเดียวกันกระทรวงคมนาคมเองได้มีการตั้งจุดตรวจจับลดควันดำทั้งหมด 8 จุด ได้แก่

  • บริเวณหน้าพิวเจอพาร์ครังสิต
  • ท่าเรือคลองเตย
  • หน้าสวนจตุจักร ถ.พหลโยธิน
  • ถ.บางนา-ตราด กม.1
  • ถ.สุวินทวงศ์ หน้าการปะปามีนบุรี
  • ถ.พระรามสอง ขาออก หน้าแขวงการทางบางขุนเทียน
  • ถ.รังสิต-นครนายก กม.4 หน้าโลตัส
  • ถ.บรมราชชนนี ขาเข้า -ออก

นายสุริยะ กล่าวว่า คาดว่ามาตรการนี้ จะสามารถจูงใจให้ประชาชนมาใช้บริการรถสาธารณะเพิ่มขึ้น 20-30% ซึ่งหลังดำเนินการภายใน 7 วันแล้ว จะมีการประเมินสถานการณ์รวมถึงค่าฝุ่น เพื่อพิจารณาว่าจะมีการขยายเวลาเพิ่มอีกหรือไม่

นอกจากนี้ ยังได้ให้ กรมทางหลวง(ทล.) กรมทางหลวงชนบท(ทช.) การทางพิเศษแห่งประเทศไทย(กทพ.) การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย(รฟท.) และหน่วยงานที่มีการก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมต่างๆ เข้าบริหารจัดการพื้นที่ทันที เบื้องต้นให้ ผู้รับเหมาฉีดพรมน้ำ ทำความสะอาดล้อรถที่เข้า – ออกพื้นที่ก่อสร้าง กวาดล้างถนนที่เปื้อนดินจากการก่อสร้าง ปิดคลุมวัสดุก่อสร้างในการเก็บกองและขนย้าย และจัดการขยะอย่างเหมาะสม ห้ามเผาเด็ดขาด

ด้าน นายกรัฐมนตรี ได้ทวิตข้อความบนแพลตฟอร์ม X ระบุว่า “เนื่องจากสถานการณ์ฝุ่น PM 2.5 ยังเป็นที่น่ากังวล ดิฉันจึงขอให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมีมาตรการเร่งด่วนเพิ่มเติม เพื่อแก้ไขปัญหาระยะสั้น ดังนี้ค่ะ”

  1. ขอความร่วมมือหน่วยงานภาครัฐและบริษัทเอกชน ให้เจ้าหน้าที่และพนักงานสามารถทำงานแบบ WFH เพื่อลดการใช้รถยนต์ส่วนตัว
  2. สั่งการไปทางกระทรวงคมนาคมให้สนับสนุนยกเว้นค่ารถไฟฟ้า-ค่ารถเมล์ ภายใต้กำกับของรัฐเป็นเวลา 7 วัน ตั้งแต่วันพรุ่งนี้เป็นต้นไป เพื่อลดปริมาณฝุ่นที่เกิดจากรถยนต์
  3. ให้กรมฝนหลวงและการบินเกษตรเฝ้าดูอย่างใกล้ชิด หากมีความชื้นมากเพียงพอ ขอให้ปฏิบัติการฝนเทียมเจาะช่องบรรยากาศทั่วกรุงเทพฯ
  4. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ตรวจสอบทุกพื้นที่อย่างใกล้ชิด หากพบเห็นการเผา ขอให้ดำเนินคดีตามกฎหมายทันที
  1. ให้กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม จัดตั้งแอปพลิเคชันสำหรับรับแจ้งเหตุการเผา ให้พี่น้องประชาชนสามารถรายงานจุดที่เกิดการเผาได้อย่างรวดเร็วและเร่งแก้ปัญหาที่พบในทันที
  2. ขอความร่วมมือไปยังผู้ว่าฯ ชัชชาติ ให้กวดขันไซต์ก่อสร้างที่ไม่คลุมผ้าป้องกันฝุ่นตามกฏหมายโดยเคร่งครัด และช่วงอากาศปิด ขอความร่วมมือให้เลื่อนการก่อสร้างที่ทำให้เกิดฝุ่นละอองออกไปก่อน
  3. ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจทุกท่าน กวดขันรถควันดำโดยเคร่งครัด

ก่อนหน้านี้ นายกรัฐมนตรี ได้สั่งการให้หน่วยงานต่างๆ เร่งแก้ไขปัญหาฝุ่น PM2.5 ทันที ตามที่มีการกำหนดแนวทางในการประชุม และขอให้ทุกหน่วยงานเร่งดำเนินการให้เกิดผลเป็นรูปธรรม ทั้งการแก้ไขแบบเร่งด่วนทันที และแผนการระยะสั้น และระยะยาว โดยขอหน่วยงานต่างๆ รายงานการดำเนินการทุกวัน โดยกรุงเทพมหานคร ขอให้ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครตัดสินใจทันที ทั้งเรื่องการประกาศหยุดเรียนของนักเรียนในสังกัด กทม. โดยส่วนราชการอื่นๆ อาทิ กระทรวงศึกษาธิการให้ตัดสินใจพิจารณาดำเนินการ และกำชับให้ กทม. ใช้ 9 มาตรการ เช่น เข้มงวดตรวจวัดตรวจจับรถยนต์ควันดำทุกประเภทร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องตามแผนที่กำหนด ขอความร่วมมือทำงานหรือปฏิบัติงานในที่พัก (Work From Home) เข้มงวดตรวจตราควบคุมไม่ให้มีการเผาขยะหรือการเผาในที่โล่งทุกประเภท อย่างเข้มข้น

ขณะที่กระทรวงต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง อาทิ

  • กระทรวงอุตสาหกรรม ให้เข้มข้นในการดำเนินมาตรการงดการรับซื้ออ้อยไฟไหม้ และได้กวดขันโดยเจ้าหน้าที่ฝ่ายป้องกันและปราบปรามเขาตรวจสอบเป็นระยะ
  • กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ที่ได้ร่วมกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ให้บังคับใช้กฎหมายส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมอย่างเข้มงวดกับผู้เผาป่า เผาตอซังข้าว ข้าวโพด อ้อยและพืช ในทุกหมู่บ้านทุกอำเภอทั้งประเทศ และตั้งศูนย์ปฏิบัติการในพื้นที่ 14 กลุ่มป่า ตั้งจุดเฝ้าระวังไฟในพื้นที่ป่า และแผนการจัดจ้างคนในชุมชนประจำจุดเฝ้าระวังอีก 1,585 จุด และดำเนินคดีกับผู้เผาป่า ด้วยกฎหมายป่าไม้ที่เกี่ยวข้องทุกฉบับ และบังคับใช้กฎหมายกับผู้เผา อาทิ กฎหมายสาธารณสุข กฎหมายการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย และประมวลกฎหมายอาญา โดยให้รายงานสถิติการจับกุม
  • กระทรวงพาณิชย์ ร่วมกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง กำหนดมาตรการห้ามนำเข้าอ้อยไฟไหม้ รวมทั้งพืชเกษตรอื่น ๆ ที่ผ่านการเผา อย่างเด็ดขาดและให้ตรวจสอบตามด่านพรมแดนที่มีการนำเข้าอย่างเข้มงวด
  • กระทรวงมหาดไทย ได้กำชับ กทม. และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นทุกแห่ง ให้ควบคุมการก่อสร้างในเขตพื้นที่รับผิดชอบ รวมทั้งกำหนดมาตรการป้องกันการปล่อย PM2.5 จากไซต์งานก่อสร้าง รวมทั้งบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัดให้กับผู้ประกอบการที่ฝ่าฝืน หรือไม่ปฏิบัติตามกฎหมายหรือมาตรการดังกล่าวอย่างจริงจัง โดยให้จังหวัดและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นดำเนินการตามกฎหมายกับผู้เผาและให้รายงานสถิติการดำเนินการ
  • กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยกรมฝนหลวงและการบินเกษตร ขอให้ขึ้นบินปฏิบัติการต่อเนื่องการเจาะชั้นบรรยากาศเร่งระบายและลดการสะสมของฝุ่น PM2.5 รวมทั้งให้ทุกหน่วยงานในสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ อาทิ กรมการข้าว และ กรมฝนหลวง และการบินเกษตร ลงพื้นที่ให้ความรู้แก่เกษตรกรในการทำเกษตรกรรมแบบปลอดการเผา
  • กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ร่วมกับ กระทรวงอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม และ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม พัฒนา Platform ฐานข้อมูลกลางเกี่ยวกับ hotspot และ ventilation โดยใช้ข้อมูลจากดาวเทียม หรือ low cost sensors เพื่อให้หน่วยงานต่าง ๆ นำไปใช้ในการแก้ปัญหาการฟุ้งกระจายของ PM2.5 อย่างบูรณาการ
  • กระทรวงการต่างประเทศ หารือกับประเทศเพื่อนบ้านเพื่อร่วมมือและให้ความช่วยเหลือในการลดปัญหาฝุ่นควันข้ามพรมแดน
  • กระทรวงสาธารณสุข ให้ สธ. ทั่วประเทศ เข้ม 5 มาตรการ

(1) ให้ศูนย์ปฏิบัติการฉุกเฉินด้านการแพทย์และสาธารณสุขเตรียมพร้อม

(2) เร่งประชาสัมพันธ์เชิงรุกและสร้างความรอบรู้ภัยสุขภาพ

(3) สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดทั่วประเทศ (สสจ.) จัดทีมปฏิบัติการทางการแพทย์ลงพื้นที่ดูแลกลุ่มเสี่ยง กลุ่มเปราะบาง

(4) ขยายบริการด้านการแพทย์สาธารณสุขให้ครอบคลุม เช่น เพิ่มห้องปลอดฝุ่น มุ้งสู้ฝุ่น

(5) สนับสนุนอุปกรณ์เวชภัณฑ์ต่างๆ เช่น หน้ากากอนามัย อย่างเร่งด่วนต่อไป

ขณะที่ นายภูมิธรรม เวชยชัยรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้สั่งการให้หน่วยงานความมั่นคง และกรมศุลกากร ตรวจสอบการลักลอบการนำเข้าพืชที่ผ่านการเผาทุกชนิดตามแนวชายแดนต่างๆ อย่างเข้มงวดตลอดเวลา

สำหรับส่วนราชการอื่นๆ รัฐบาลได้สั่งการให้กระทรวงคมนาคม และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กวดขันจับกุม ห้ามใช้ยานพาหนะที่ปล่อยควันดำเกินมาตรฐานอย่างจริงจัง โดยเฉพาะรถพิกอัป รถโดยสาร รถบรรทุกขนาดใหญ่ ที่ปล่อยควันดำรวมทั้งรถโดยสารของ ขสมก. และรถร่วมบริการเส้นทางต่าง ๆ ที่อยู่ในความดูแลของรัฐ โดยขอให้ตรวจสอบและกวดขันการจับคุมให้เข้มข้น โดยในกรุงเทพมหานคร กองบังคับการตำรวจจราจร ได้ตั้งด่านตรวจควันดำใน 4 มุมเมืองของกรุงเทพมหานคร

Copyright @2021 – All Right Reserved.