กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) ร่วมกับหน่วยงานระหว่างประเทศ บุกจับกุมผู้ต้องหาค้า “ลิงอุรังอุตัง” สัตว์ป่าคุ้มครองใกล้สูญพันธุ์ พร้อมช่วยเหลือลูกลิง 2 ตัว จากขบวนการพรากลูกลิงจากแม่ เพื่อค้าขายในตลาดมืด
กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (บก.ปทส.) ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง และ พล.ต.ต.วัชรินทร์ พูสิทธิ์ ผู้บังคับการ บก.ปทส. ร่วมกับหน่วยงานระหว่างประเทศ ได้แก่ U.S. Fish and Wildlife Service (USFWS), Wildlife Justice Commission (WJC) จากเนเธอร์แลนด์ และ The United Nations Office on Drugs and Crime (UNODC) ดำเนินการสืบสวนและจับกุม นายธนะสิทธิ์ อายุ 47 ปี ในข้อหา “มีไว้ในครอบครองซึ่งสัตว์ป่าควบคุมโดยไม่ได้แจ้งการครอบครองต่อพนักงานเจ้าหน้าที่”
การจับกุมเกิดขึ้นที่ปั๊มน้ำมันแห่งหนึ่งย่านถนนประเสริฐมนูกิจ เขตลาดพร้าว กรุงเทพมหานคร โดยเจ้าหน้าที่ตรวจยึด ลิงอุรังอุตัง 2 ตัว ซึ่งถูกขังอยู่ในตะกร้าพลาสติกขนาดเล็ก พร้อมขวดนมสำหรับป้อนอาหาร ลูกลิงทั้งสองตัวนี้กำลังจะถูกส่งมอบให้ลูกค้าในขบวนการค้าสัตว์ป่าผิดกฎหมาย ซึ่งมีมูลค่าซื้อขายในตลาดมืดตัวละประมาณ 300,000 บาท
จากการสอบสวนเบื้องต้น นายธนะสิทธิ์รับสารภาพว่า ได้รับการว่าจ้างให้ส่งมอบลิงทั้งสองตัวเพื่อแลกกับค่าตอบแทน โดยเจ้าหน้าที่ได้ส่งตัวผู้ต้องหาให้พนักงานสอบสวน กก.1 บก.ปทส. เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย ส่วนลูกลิงอุรังอุตังทั้งสองตัวถูกส่งต่อให้ กลุ่มงานจัดการสุขภาพสัตว์ป่า สำนักอนุรักษ์สัตว์ป่า กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช เพื่อฟื้นฟูสุขภาพ ควบคุมโรค และดูแลอย่างใกล้ชิด
CIB บุกช่วยลูกลิงอุรังอุตัง
ขบวนการค้าสัตว์ป่าผิดกฎหมาย
ปฏิบัติการครั้งนี้เป็นผลจากการสืบสวนร่วมกับหน่วยงานระหว่างประเทศ ซึ่งพบว่ามีขบวนการลักลอบค้าสัตว์ป่าคุ้มครองอย่างอุรังอุตัง โดยไม่เกรงกลัวกฎหมาย อุรังอุตังเป็นสัตว์ป่าที่อยู่ในบัญชี CITES (อนุสัญญาว่าด้วยการค้าระหว่างประเทศซึ่งชนิดสัตว์ป่าและพืชป่าที่ใกล้สูญพันธุ์) และถูกจัดอยู่ในสถานะ ใกล้สูญพันธุ์ขั้นวิกฤต การพรากลูกลิงจากแม่เพื่อนำมาค้าขายไม่เพียงแต่ผิดกฎหมาย แต่ยังส่งผลกระทบร้ายแรงต่อประชากรอุรังอุตังในธรรมชาติ
ความสำคัญของลิงอุรังอุตังต่อระบบนิเวศและการอนุรักษ์
อุรังอุตัง (Orangutan) เป็นหนึ่งในสัตว์ป่าที่มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อระบบนิเวศและเป็นสัญลักษณ์ของความหลากหลายทางชีวภาพในป่าเขตร้อน โดยเฉพาะในเกาะสุมาตราและบอร์เนียว ซึ่งเป็นถิ่นที่อยู่อาศัยหลักของพวกมัน อุรังอุตังมีบทบาทสำคัญดังนี้:
- ผู้กระจายเมล็ดพันธุ์
อุรังอุตังเป็นสัตว์ที่กินผลไม้เป็นหลัก โดยพวกมันจะกินและเคลื่อนย้ายเมล็ดพันธุ์พืชไปยังพื้นที่ต่าง ๆ ผ่านมูลของมัน ช่วยให้ป่าเขตร้อนสามารถฟื้นฟูและเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง การลดจำนวนอุรังอุตังจึงส่งผลกระทบต่อความสมดุลของระบบนิเวศป่า
- ตัวชี้วัดสุขภาพของป่า
อุรังอุตังเป็นสัตว์ที่ต้องพึ่งพาป่าดิบชื้นที่มีความอุดมสมบูรณ์ การที่ประชากรอุรังอุตังลดลงมักเป็นสัญญาณว่าป่าในพื้นที่นั้นกำลังถูกทำลาย ไม่ว่าจะจากการตัดไม้ทำลายป่า การขยายพื้นที่เกษตรกรรม หรือการรุกล้ำถิ่นที่อยู่อาศัย
- มรดกทางวัฒนธรรมและวิทยาศาสตร์
อุรังอุตังเป็นญาติใกล้ชิดของมนุษย์ มีความเหมือนทางพันธุกรรมกับมนุษย์ถึง 97% การศึกษาพฤติกรรมและวิวัฒนาการของอุรังอุตังช่วยให้เราเข้าใจที่มาของมนุษย์และความหลากหลายทางชีวภาพมากขึ้น นอกจากนี้ อุรังอุตังยังมีบทบาทในวัฒนธรรมท้องถิ่นของชุมชนในพื้นที่ที่พวกมันอาศัยอยู่
- การท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์
อุรังอุตังเป็นหนึ่งในสัตว์ที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกให้มาเยี่ยมชมอุทยานแห่งชาติและเขตสงวนในอินโดนีเซียและมาเลเซีย การท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์นี้สร้างรายได้ให้ชุมชนท้องถิ่นและสนับสนุนการปกป้องถิ่นที่อยู่อาศัยของอุรังอุตัง
CIB บุกช่วยลูกลิงอุรังอุตัง
ภัยคุกคามต่ออุรังอุตัง
อุรังอุตังเผชิญภัยคุกคามหลายประการที่ทำให้ประชากรของพวกมันลดลงอย่างน่าตกใจ:
- การสูญเสียถิ่นที่อยู่อาศัย: การตัดไม้ทำลายป่าเพื่อขยายพื้นที่เกษตรกรรม เช่น สวนปาล์มน้ำมัน และเหมืองแร่ ทำให้ป่าดิบชื้นที่เป็นบ้านของอุรังอุตังหดหายลง
- การค้าสัตว์ป่าผิดกฎหมาย: ลูกลิงอุรังอุตังมักถูกพรากจากแม่เพื่อขายเป็นสัตว์เลี้ยงหรือเพื่อความบันเทิง การพรากลูกลิงมักต้องฆ่าแม่ลิงเพื่อให้ได้ลูกลิงมา ทำให้ประชากรอุรังอุตังลดลงอย่างรวดเร็ว
- การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ: การเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศส่งผลต่อแหล่งอาหารและที่อยู่อาศัยของอุรังอุตัง ทำให้พวกมันเผชิญความยากลำบากในการดำรงชีวิต
การช่วยเหลือลูกลิงอุรังอุตัง 2 ตัวจากขบวนการค้าสัตว์ป่าผิดกฎหมายโดยตำรวจสอบสวนกลางเป็นเพียงจุดเริ่มต้นของการต่อสู้เพื่อปกป้องสัตว์ป่าที่ใกล้สูญพันธุ์ อุรังอุตังไม่เพียงแต่เป็นสัตว์ที่มีความสำคัญต่อระบบนิเวศ แต่ยังเป็นส่วนหนึ่งของมรดกทางธรรมชาติที่เราต้องรักษาไว้ให้คนรุ่นหลัง การร่วมมือกันระหว่างหน่วยงานในประเทศและต่างประเทศ รวมถึงการมีส่วนร่วมของประชาชน จะเป็นกุญแจสำคัญในการหยุดยั้งภัยคุกคามและรักษาอุรังอุตังให้คงอยู่ในธรรมชาติต่อไป
