“สรณ์สืบ” เสือโคร่งหายาก แห่งห้วยขาแข้ง ต้องจบชีวิตจากหลุมดักแร้ว กระตุ้นกรมอุทยานฯ สั่งเข้มขยายลาดตระเวน Smart Patrol ในเขต Buffer Zone พร้อมเคาะประตูบ้านชุมชน ห้ามวางกับดัก เพื่อปกป้องสัตว์ป่าให้ปลอดภัยในผืนป่าธรรมชาติ
นายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช สั่งการให้หัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยขาแข้ง เดินหน้าเพิ่มมาตรการปกป้องสัตว์ป่า ด้วยการขยายการลาดตระเวนเชิงคุณภาพผ่านระบบ Smart Patrol ครอบคลุมพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติและเขตกันชน (Buffer Zone) รอบเขตอนุรักษ์ เพื่อป้องกันการลักลอบล่าสัตว์และวางกับดัก พร้อมสั่งให้เจ้าหน้าที่ลงพื้นที่เคาะประตูบ้านชาวบ้านในชุมชนใกล้เคียง ขอความร่วมมือให้ช่วยเฝ้าระวัง และงดวางกับดักสัตว์ป่า เพื่อปกป้องสัตว์ป่าหายากให้ปลอดภัยในถิ่นที่อยู่อาศัยตามธรรมชาติ
คำสั่งนี้สอดคล้องกับนโยบายของนายสุชาติ ชมกลิ่น รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ที่เน้นย้ำให้เร่งป้องกันการล่าสัตว์ป่า โดยเฉพาะในพื้นที่ที่สัตว์ป่าใช้เป็นเส้นทางหากิน ซึ่งเสี่ยงต่อการตกเป็นเป้าหมายของการลักลอบล่า การขยายมาตรการป้องกันนอกเขตอนุรักษ์จะช่วยให้สัตว์ป่าหายากมีโอกาสรอดชีวิตมากขึ้น
กรณี “สรณ์สืบ” เสือโคร่งที่สูญเสียจากภัยคุกคาม
หนึ่งในตัวอย่างที่สะท้อนความสำคัญของการปกป้องสัตว์ป่าคือกรณีของ “สรณ์สืบ” เสือโคร่งเพศผู้ อายุ 3 ปี 3 เดือน เป็นลูกของครอบครัวเสือโคร่งแม่อภิญญา สอนสาตัวเมีย กับ สรณ์สืบตัวผู้ ซึ่งถูกติดตามพฤติกรรมในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยขาแข้ง โดยเริ่มติดปลอกคอดาวเทียมครั้งแรกเมื่อวันที่ 24 กันยายน 2566 เพื่อศึกษาการเคลื่อนไหวและพฤติกรรม อย่างไรก็ตาม ระบบดาวเทียม Iridium ทำงานได้เพียง 1 เดือน เนื่องจากขัดข้อง ทีมวิจัยจึงเปลี่ยนมาใช้สัญญาณวิทยุ VHF และติดตั้งกล้องดักถ่ายในพื้นที่ห้วยขาแข้งตอนกลางแทน
ในช่วง กรกฎาคม-สิงหาคม 2568 ทีมงานไม่ได้รับสัญญาณจากปลอกคอ และไม่พบภาพ “สรณ์สืบ” จากกล้องดักถ่าย จนกระทั่งเดือน กันยายน 2568 อุทยานแห่งชาติแม่วงก์รายงานว่า พบภาพเสือโคร่งใส่ปลอกคอ ซึ่งยืนยันว่าเป็น “สรณ์สืบ” โดยภาพสุดท้ายที่บันทึกได้ในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยขาแข้ง คือวันที่ 8 กรกฎาคม 2568 ใกล้ซากวัวแดงที่ “สรณ์สืบ” ล่าได้
ต่อมาเมื่อวันที่ 23 กันยายน 2568 ปลอกคอดาวเทียมส่งสัญญาณแจ้งเตือนครั้งสุดท้าย ทีมงานเข้าตรวจสอบในวันที่ 1 ตุลาคม 2568 ในพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ ป่าแม่วงก์-แม่เปิน อ.แม่เปิน จ.นครสวรรค์ ซึ่งอยู่นอกเขตห้วยขาแข้ง และอุทยานแห่งชาติแม่วงก์ พบเพียง ปลอกคอและชิ้นส่วนกระดูกของ “สรณ์สืบ” พร้อมหลักฐานสำคัญคือรอยหลุมขนาดใหญ่ที่สันนิษฐานว่าเป็น “หลุมดักแร้ว” ใกล้จุดที่พบปลอกคอ ซึ่งอาจเป็นสาเหตุการตายของเสือโคร่งตัวนี้
การตายของ “สรณ์สืบ” เป็นเครื่องเตือนใจถึงภัยคุกคามที่สัตว์ป่ายังเผชิญอยู่ ด้วยการร่วมมือกันผ่านการเฝ้าระวัง การรณรงค์ และการบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มงวด จะช่วยให้สัตว์ป่าหายากมีโอกาสรอดชีวิตและเติบโตในธรรมชาติต่อไปวันนี้ถึงเวลาแล้วที่เราจะร่วมกันปกป้องมรดกทางธรรมชาติของชาติ เพื่อให้ผืนป่าห้วยขาแข้งและพื้นที่ใกล้เคียงยังคงเป็นบ้านที่ปลอดภัยของสัตว์ป่าตลอดไป
อ้างอิง : กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช