สัมผัสวิถีเกษตรยั่งยืนที่ “สวนโกโก้ลุงอ้วน” อ.ด่านช้าง จ.สุพรรณบุรี จากอดีตไร่อ้อยสู่พื้นที่สีเขียว ‘โคกหนองนา’ เน้นการปลูกแบบเกษตรปลอดภัยไร้สารเคมี พร้อมกระบวนการแปรรูปแบบ Zero Waste ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เพื่อส่งต่อช็อกโกแลตคุณภาพดีสู่มือผู้บริโภค
จากไร่อ้อยที่ทำสืบต่อกันมานานกว่าครึ่งศตวรรษ วันนี้พื้นที่ในตำบลวังคัน อำเภอด่านช้าง จังหวัดสุพรรณบุรี กำลังกลายเป็นจุดหมายใหม่ของเกษตรกรต้นแบบ เมื่อเจ้าของไร่อ้อยตัดสินใจน้อมนำปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงมาปรับใช้ เปลี่ยนพื้นที่ว่างจากการทำพืชเชิงเดี่ยวสู่ “โคกหนองนา” และศูนย์เรียนรู้การปลูกโกโก้แบบเกษตรปลอดภัย แปรรูปผลผลิตสร้างมูลค่าเพิ่มภายใต้ชื่อ “สวนโกโก้ลุงอ้วน” ที่ไม่ได้ขายแค่ผลผลิต แต่ขาย “คุณภาพ” และ “ความยั่งยืน” ให้กับชุมชน
จากบทเรียน 10 ปี สู่ความสำเร็จที่ “สู้ไม่ถอย”
คุณวันชัย รัตนพงศ์ปกรณ์ หรือ “โกบ๋อ” ในวัย 50 ปี เล่าถึงจุดเริ่มต้นว่า ครอบครัวทำไร่อ้อยมานานกว่า 50 ปี จนกระทั่งเมื่อ 10 ปีที่แล้ว มีโอกาสรู้จักกับ “โกโก้สายพันธุ์ไอเอ็มวัน (IM1)” จากบริษัทในจังหวัดเชียงใหม่ ประกอบกับทางครอบครัวได้ย้ายบ้านมาอยู่ริมถนน ทำให้มีพื้นที่ว่างประมาณ 3-4 ไร่ จึงเกิดไอเดียปลูกพืชสวนเสริมเพื่อลดความเสี่ยงจากการปลูกพืชเชิงเดี่ยว
ในช่วงแรก โกบ๋อต้องเผชิญกับความท้าทาย ทั้งต้นที่ตายบ้างและเทคนิคการดูแลที่ยังไม่คุ้นเคย แต่ด้วยหัวใจที่ “สู้ไม่ถอย” เขาจึงทุ่มเทศึกษาหาความรู้อย่างจริงจัง ทั้งเรื่องการตัดแต่งกิ่งและการดูแลรักษา จนสามารถยืนหยัดและพัฒนาองค์ความรู้ในการจัดการหลังการเก็บเกี่ยวได้อย่างมืออาชีพ
ศาสตร์และศิลป์แห่งการหมัก: หัวใจสำคัญของโกโก้พรีเมียม
การปลูกโกโก้ในพื้นที่สุพรรณบุรีอาจดูเป็นเรื่องใหม่ แต่สำหรับโกบ๋อ เขามองว่าเป็นพื้นที่ศักยภาพสูง โดยเน้นการปลูกแบบเกษตรปลอดภัยและอินทรีย์เพื่อตอบโจทย์ตลาดสายสุขภาพ พร้อมกับทำเกษตรแบบผสมผสาน ปลูกโกโก้แซมในสวนมะม่วง และเตรียมปลูกส้มโอขาวแตงกวาพันธุ์ชัยนาทเพื่อสร้างร่มเงาให้แก่กัน
ทางด้าน คุณนภาลักษณ์ รัตนพงศ์ปกรณ์ ภรรยาของโกบ๋อ เสริมถึงเส้นทางการแปรรูปว่า ในช่วงแรกที่เริ่มให้ผลผลิตเคยส่งขายผลสดได้เพียงกิโลกรัมละ 8 บาท แต่เมื่อผลผลิตมากขึ้น การขนส่งไปไกลถึงเชียงใหม่จึงเริ่มไม่คุ้มค่า ทั้งคู่จึงตัดสินใจเข้ารับการอบรมการแปรรูปจากวิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยีสุพรรณบุรี
“การหมักคือหัวใจสำคัญ” คุณนภาลักษณ์เน้นย้ำ โดยทางสวนใช้เวลาหมักนาน 7 วัน และต้องคนเมล็ดทุก 2 วัน เพื่อให้ยีสต์และแบคทีเรียเปลี่ยนน้ำตาลในเมือกให้กลายเป็นแอลกอฮอล์และกรด ซึมเข้าสู่เมล็ดจนเกิดปฏิกิริยาเคมีที่สร้างสี กลิ่น และรสชาติที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว
Zero Waste: ทุกส่วนของโกโก้คือรายได้
- เปลือกโกโก้: นำไปทำปุ๋ยหมักคืนสู่ดิน
- เมล็ดแห้ง: นำมาคั่วด้วยอุณหภูมิที่พอเหมาะเพื่อให้เปลือกและเนื้อแยกออกจากกัน
- เปลือกเมล็ดคั่ว: นำไปทำ “ชาโกโก้” ที่มีกลิ่นหอม
- เนื้อเมล็ด (Cacao Nibs): นำมาบดละเอียดจนไขมันโกโก้ (Cocoa Butter) ละลาย กลายเป็น “โกโก้แมส” (Cocoa Mass) ซึ่งเป็นพื้นฐานของช็อกโกแลตคุณภาพ
ปัจจุบัน สวนแห่งนี้สามารถสร้างรายได้จากการจำหน่ายผลิตภัณฑ์แปรรูป เช่น สบู่โกโก้ น้ำโกโก้สด และโกโก้แมส กว่า 10,000 บาทต่อเดือน และมีเป้าหมายที่จะยกระดับสู่การผลิต “ไวท์โกโก้” มาตรฐานสากลในอนาคต
มากกว่ารสชาติ คือ “สุขภาพ” และ “ความมั่นคงของชุมชน”
โกบ๋อเน้นย้ำถึงสรรพคุณของโกโก้แท้ 100% ว่าอุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ (Flavonoids) ช่วยบำรุงสมอง หัวใจ และลดความเครียดด้วยสาร Theobromine ซึ่งตอบโจทย์กลุ่มผู้รักสุขภาพอย่างมาก
นอกจากนี้ สวนโกโก้ลุงอ้วนยังได้รับการสนับสนุนจาก องค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) วังคัน ที่เข้ามาช่วยบูรณาการความร่วมมือกับมหาวิทยาลัย เพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์และหาช่องทางการตลาด โดยมีเป้าหมายผลักดันให้สวนได้รับมาตรฐาน GAP (เกษตรปลอดภัย) เพื่อการันตีคุณภาพสู่ตลาดสากล
“ในอนาคต ผมมองว่าโกโก้สุพรรณบุรีจะเติบโตในระดับอาเซียนได้ เพราะเรามีชัยภูมิที่ดี การน้อมนำหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงมาใช้ จะทำให้โกโก้ไม่ใช่แค่พืชตามกระแส แต่เป็นอาชีพที่สร้างรายได้มั่นคง ยืดหยุ่น และยั่งยืน” โกบ๋อกล่าวทิ้งท้าย
สนใจเยี่ยมชมหรือสั่งซื้อผลิตภัณฑ์: เกษตรกรหรือผู้สนใจสามารถเข้าศึกษาเรียนรู้วิธีการปลูกและการแปรรูปได้ที่ สวนโกโก้ลุงอ้วน (มองมาเท่ห์ @ วังคัน) ต.วังคัน อ.ด่านช้าง จ.สุพรรณบุรี
โทรศัพท์: 087-155-2557 หรือ 086-079-8960
Facebook: ไร่ลุงอ้วน




