3M ชี้ คนไทยเชื่อมั่น ‘วิทยาศาสตร์’ ช่วยพัฒนาคุณภาพชีวิตได้

by Igreen Editor

3 เอ็ม (3M) องค์กรวิทยาศาสตร์ระดับโลก เปิดผลสำรวจดัชนีสถานะวิทยาศาสตร์ประจำปี 2566 (3M State of Science Index 2023 – SOSI 2023) ซึ่งจัดทำขึ้นเป็นครั้งแรกในประเทศไทย สำรวจความคิดเห็นและความรู้สึกของผู้บริโภคเกี่ยวกับวิทยาศาสตร์ และผลกระทบของวิทยาศาสตร์ที่มีต่อโลกรอบตัว

ข้อมูลที่ได้จากดัชนีสถานะวิทยาศาสตร์ประจำปี 2566 จะช่วยให้องค์กรต่าง ๆ สามารถคาดการณ์ถึงความท้าทายในอนาคต และพัฒนานวัตกรรมและสร้างสรรค์โซลูชันใหม่ ๆ ที่ตอบสนองต่อความท้าทายเหล่านั้นได้

วิยะดา ศรีนาคนันทน์ ประธานบริหาร บริษัท 3เอ็ม ประเทศไทย จำกัด กล่าวว่า “คนไทยกว่า 91% เชื่อว่าผลลัพธ์ในเชิงบวกจะเกิดขึ้นได้หากมีการผนึกกำลังในการนำวิทยาศาสตร์มาใช้แก้ไขปัญหา ไม่ว่าจะเป็นการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ การพัฒนาระบบสาธารณสุข และการเกษตรที่ยั่งยืน ซึ่งข้อมูลเชิงลึกจากผลการสำรวจนี้จะช่วยให้เราสามารถขับเคลื่อนธุรกิจไปสู่ความเปลี่ยนแปลงในอนาคตได้อย่างมีประสิทธิภาพ และสร้างผลกระทบเชิงบวกต่อผู้คน ธุรกิจ และสังคมในวงกว้าง”

วิยะดา ศรีนาคนันทน์ ประธานบริหาร บริษัท 3เอ็ม ประเทศไทย จำกัด

วิยะดา ศรีนาคนันทน์ ประธานบริหาร บริษัท 3เอ็ม ประเทศไทย จำกัด

การสร้างความเท่าเทียมทางด้าน STEM (วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี วิศวกรรมศาสตร์ คณิตศาสตร์) ต้องทำอย่างจริงจัง

จากผลสำรวจดัชนีสถานะวิทยาศาสตร์ในประเทศไทย ประจำปี 2566 ระบุว่า 86% ของผู้ตอบแบบถามในประเทศไทย เชื่อว่าวิทยาศาสตร์มีบทบาทสำคัญในการพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชากรกลุ่มที่เปราะบางที่สุดของโลก และ 88% (เทียบกับ 84% ในระดับโลก) ต้องการทราบว่านักวิทยาศาสตร์มีมุมมองอย่างไรต่อปัญหาทางด้านสังคม

91% ของคนไทย (เทียบกับ 94% ในระดับโลก) เชื่อว่าผลลัพธ์เชิงบวกจะเกิดขึ้นได้หากผู้คนผนึกกำลังในการนำวิทยาศาสตร์มาใช้ในการแก้ไขปัญหา ตั้งแต่การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ การพัฒนาระบบสาธารณสุข และการเกษตรที่ยั่งยืน

ยิ่งไปกว่านั้น 89% เชื่อว่าโรงเรียนควรกำหนดให้การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศเป็นส่วนหนึ่งของหลักสูตรวิทยาศาสตร์ที่สอนแก่นักเรียน ซึ่งจะช่วยส่งเสริมให้นักเรียนมีความชอบในวิทยาศาสตร์ พร้อมทั้งสนับสนุนให้เยาวชนรุ่นต่อไปมีความตระหนักรู้ คิด และมีส่วนร่วมในการรับมือกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศตั้งแต่วัยเด็ก 89% ของคนไทยเห็นตรงกันว่า ผู้เชี่ยวชาญด้านสะเต็มจะสามารถช่วยแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ของอนาคตได้ อย่างไรก็ตาม มีแรงงานอีกจำนวนมากที่ไม่ได้รับโอกาสในการนำศักยภาพของตนออกมาใช้ได้อย่างเต็มที่

ผู้ตอบแบบสำรวจชาวไทยเห็นว่าในสถานการณ์ปัจจุบัน มีแรงงานที่มีศักยภาพที่ยังไม่ได้รับโอกาสซ่อนอยู่ในกลุ่มแรงงานสาขา STEM ถึง 87% (เทียบกับ 82% ในระดับโลก) และ 79% (เทียบกับ 86% ในระดับโลก) ของคนไทยเห็นว่าผู้หญิงไม่ได้นำศักยภาพด้าน STEM ของตนออกมาใช้ได้อย่างเต็มที่ ซึ่งหากกลุ่มคนเหล่านี้ได้รับโอกาส ก็จะกลายเป็นกำลังสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ

86% ของคนไทยเห็นว่าจะต้องมีการดำเนินการอย่างจริงจัง เพื่อส่งเสริมให้นักเรียนกลุ่มด้อยโอกาสสามารถมีส่วนร่วมในการศึกษาในสาขา STEM เพิ่มมากขึ้น โดยที่ 89% (เทียบกับ 78% ในระดับโลก) กล่าวว่ากลุ่มด้อยโอกาสมักไม่ได้รับโอกาสอย่างเท่าเทียมในการเข้าถึงการศึกษาในสาขา STEM

แรงงานฝีมือที่มีทักษะเฉพาะทาง เป็นที่ต้องการอย่างเร่งด่วนในภาคอุตสาหกรรม

การขยายตัวของสังคมเมือง ดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง จากการขับเคลื่อนของแรงงานฝีมือที่มีทักษะในหลากหลายอุตสาหกรรม 91% เชื่อว่าเราจะต้องเพิ่ม DE&I ในกลุ่มแรงงานฝีมือ และ 90% (เทียบกับ 88% ในระดับโลก) เชื่อว่าเป็นสิ่งสำคัญที่จะต้องเพิ่มเรื่อง DE&I ในสาขาการบริการด้านสุขภาพ

ผลการสำรวจแสดงว่า 90% ของคนไทย (เทียบกับ 93% ในระดับโลก) เห็นว่าประเทศไทยมีความต้องการแรงงานฝีมือเพิ่มขึ้นอย่างเร่งด่วน ซึ่งการขาดแคลนนี้อาจเป็นผลมากจากมุมมองของสังคมที่มีต่อแรงงานฝีมือ โดย 71% (เทียบกับ 56% ในระดับโลก) เชื่อว่าสังคมมีทัศนคติเชิงลบต่อกลุ่มแรงงานฝีมือ ซึ่งสอดคล้องกับ 68% ของผู้ตอบแบบสำรวจ (เทียบกับ 58% ในระดับโลก) ที่เห็นว่าผู้ปกครองมักไม่ส่งเสริมให้ลูกหลานของตนเลือกศึกษาในวิชาชีพทางด้านงานฝีมือ

ผู้ตอบแบบสำรวจ 89% เห็นว่าหากประเทศไทยไม่สามารถแก้ไขปัญหาการขาดแคลนแรงงานกลุ่มนี้ได้ในเร็ววัน จะเกิดผลกระทบด้านลบต่อเศรษฐกิจ คุณภาพชีวิตของผู้คนโดยรวมจะแย่ลง เกิดความเสี่ยงด้านความปลอดภัย งานก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานและสาธารณูปโภคอาจจะไม่ได้ดำเนินการโดยแรงงานที่มีทักษะเฉพาะทางที่เหมาะสม และเกิดปัญหาความท้าทายต่อห่วงโซ่อุปทาน

ภาคธุรกิจและประชาชนต้องดำเนินงานรับมือกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศร่วมกัน

แม้จะมีการคาดการณ์ว่าอุณหภูมิทั่วโลกอาจสูงขึ้นมากกว่า 1.5 องศาเซลเซียส ภายในปี 2593* การดำเนินงานหรือนวัตกรรมเพื่อแก้ปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศจึงมีความจำเป็นมากกว่าที่ผ่านมาเป็นอย่างมาก ซึ่งองค์การสหประชาชาติได้ออกมาเตือนว่าประเทศที่กำลังพัฒนาเป็นกลุ่มที่จะได้รับผลกระทบทางสุขภาพที่เกิดจากสภาวะโลกร้อนมากที่สุด

สำหรับประเทศไทย ผู้คน 73% มีความกังวลว่าภัยพิบัติทางธรรมชาติจะทวีรุนแรงขึ้น ในขณะที่ 70% กังวลเรื่องปัญหามลพิษทางอากาศ และ 69% กังวลเรื่องมลพิษพลาสติก

ข้อมูลเพิ่มเติมจากผลสำรวจดัชนีสถานะวิทยาศาสตร์ ประจำปี 2566 มีความสอดคล้องกับมุมมองทั่วไปของผู้คนกว่า 92% ที่กล่าวว่าพวกเขากังวลเกี่ยวกับผลกระทบของการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ซึ่งคำตอบของการบรรเทาผลกระทบเหล่านี้ได้คือ การพึ่งพาวิทยาศาสตร์ เพราะ 89% เชื่อว่าวิทยาศาสตร์จะสามารถช่วยบรรเทาผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศได้

ตามรายงานล่าสุดของ WMO ชี้ให้เห็นว่า อุณหภูมิของโลกมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นเป็นประวัติการณ์ภายใน 5 ปีข้างหน้า ส่งผลให้ความรับผิดชอบในการดำเนินการเกี่ยวกับเรื่องนี้ตกเป็นของภาคธุรกิจและประชาชน

89% เห็นว่าบริษัทต่าง ๆ จำเป็นต้องเร่งการพัฒนาและนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมไปใช้ในการรับมือกับการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ ในขณะที่ 88% (เทียบกับ 90% ในระดับโลก) เห็นด้วยว่าเราควรนำวิทยาศาสตร์มาใช้เพื่อทำให้โลกเกิดความยั่งยืนมากขึ้น

รถยนต์ไฟฟ้าจะมีบทบาทสำคัญในการสร้างอนาคตที่ยั่งยืน

คนไทยกว่า 95% (เทียบกับ 94% ในระดับโลก) เชื่อมั่นในนวัตกรรมทางด้านการขนส่งว่ามีความปลอดภัย ซึ่งรวมไปถึงระบบขนส่งสาธารณะที่ใช้พลังงานไฟฟ้าด้วย

ในขณะที่รถยนต์ไฟฟ้าเริ่มแพร่หลายมากขึ้นทั้งในระดับภูมิภาคและในระดับโลก ผู้ตอบแบบสำรวจชาวไทยกว่า 91% กล่าวว่ารถยนต์ไฟฟ้าจะสามารถช่วยลดมลพิษได้ อีกทั้งยังเชื่อว่าการเปลี่ยนผ่านไปสู่รถยนต์ไฟฟ้าจะเกิดขึ้นทั่วโลก

โดย 88% (เทียบกับ 77% ในระดับโลก) กล่าวว่าภายในปี 2575 ประเทศต่าง ๆ จะต้องการให้รถยนต์ที่ผลิตขึ้นใหม่เป็นรถยนต์ไฟฟ้า หรือรถยนต์ไฮบริด

“การเข้าใจถึงความรู้สึกของผู้คนต่อวิทยาศาสตร์และผลกระทบของวิทยาศาสตร์มีบทบาทสำคัญในการปรับเปลี่ยนวิธีคิดและแนวทางในการสร้างนวัตกรรมเพื่อการแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ผลการสำรวจดัชนีสถานะวิทยาศาสตร์เป็นข้อพิสูจน์ประการหนึ่งว่าโลกอนาคตจะพึ่งพาการค้นพบทางวิทยาศาสตร์มากขึ้น และ 3M มุ่งใช้วิทยาศาสตร์เป็นศูนย์กลางในการขับเคลื่อนการดำเนินงานของเราในทุก ๆ เรื่อง ทั้งการดำเนินธุรกิจ การสนับสนุน DE&I ในสาขา STEM การพัฒนาทักษะแรงงานฝีมือ และการมีส่วนร่วมกับชุมชน” วิยะดา กล่าวสรุป

เกี่ยวกับผลสำรวจดัชนีสถานะวิทยาศาสตร์

ผลสำรวจดัชนีสถานะวิทยาศาสตร์ หรือ State of Science Index (SOSI) เป็นการสำรวจประจำปีที่ 3เอ็ม ได้จัดให้ Ipsos ซึ่งเป็นบริษัทวิจัยตลาดระดับโลก ทำการสำรวจความคิดเห็นของผู้คนที่มีต่อวิทยาศาสตร์ใน 17 ประเทศทั่วโลก ระหว่างเดือนกันยายน – ธันวาคม 2565

โดย Ipsos ได้สำรวจผู้บริโภคที่เป็นกลุ่มประชาชนทั่วไปประเทศละ 1,000 ราย โดยในปี 2566 นี้ เป็นการสำรวจความคิดเห็นเกี่ยวกับอนาคตของวิทยาศาสตร์ และความรู้สึกของผู้คนที่มีต่อความเท่าเทียมทางด้านสะเต็ม แรงงานฝีมือ ความยั่งยืน สุขภาพ และนวัตกรรมต่าง ๆ โดยสามารถศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับผลสำรวจดัชนีสถานะวิทยาศาสตร์ได้ที่ 3M.com/ScienceIndex

Copyright @2021 – All Right Reserved.