นโยบาย 4 เดือน! รัฐบาลอนุทินลุยแก้ภัยธรรมชาติ-ฝุ่น PM2.5 ยกระดับเกษตรและพลังงานสะอาด มุ่ง Net Zero “สังคมคาร์บอนต่ำ” ไทยจะไปถึงเป้า 2593 ได้หรือไม่?
“นโยบายด้านภัยธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม” เป็น 1 ใน 5 นโยบาย “รัฐบาลอนุทิน” ในวันแถลงนโยบายรัฐบาลต่อรัฐสภา เมื่อวันที่ 29 ก.ย. 2568 ที่จะต้องเร่งรัดภายในระยะเวลา 4 เดือน ก่อนยุบสภา ตาม MOA ที่ได้ทำร่วมกับพรรคประชาชน
ในเนื้อหาสาระถ้อยแถลงฉบับเต็ม แบ่งเป็นข้อย่อย ดังนี้
- เร่งติดตั้งเครื่องมือเตือนภัยและพัฒนาเครือข่ายการเตือนภัยพิบัติ โดยเฉพาะในพื้นที่ที่มีความเสี่ยงสูงเยียวยาและฟื้นฟูให้ประชาชนผู้ประสบภัยโดยเร่งด่วน
โดยเน้นการนำข้อมูลของส่วนราชการส่งต่อให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปปฏิบัติในพื้นที่อย่างจริงจัง การอนุรักษ์ ฟื้นฟู และรักษาทรัพยากรธรรมชาติที่มีอยู่อย่างยั่งยืน การส่งเสริมการใช้พื้นที่ป่าและป่าชุมชนอย่างถูกต้อง รวมถึงการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำอย่างเป็นระบบ เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
- ผลักดันสังคมคาร์บอนต่ำ โดยประกาศให้ไทยบรรลุเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิให้เป็นศูนย์ภายในปี พ.ศ. 2593 (ค.ศ. 2๐5๐) เพื่อรับมือกับการค้าระหว่างประเทศและการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ โดย
13.1 ส่งเสริมและสนับสนุนการใช้พลังงานสะอาด อาทิ พลังงานแสงอาทิตย์ในชุมชนและหน่วยงานของรัฐ การใช้ยานยนต์ไฟฟ้าและระบบขนส่งสาธารณะ รวมถึงเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงานโดยเฉพาะในภาคอุตสาหกรรม
13.2 พัฒนายกระดับวิถีเกษตรกรไปสู่เกษตรกรรุ่นใหม่ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม โดยเน้นการป้องกันและลดการเผาในภาคการเกษตรเพื่อลดปัญหาฝุ่นละออง PM2.5
13.3 จัดตั้งตลาดซื้อขายคาร์บอนเครดิตที่ได้มาตรฐานสากล และผลักดันกฎหมายด้านสิ่งแวดล้อมที่สำคัญให้มีผลบังคับใช้โดยเร็ว อาทิ ร่างพระราชบัญญัติการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ พ.ศ. ….”
การผลักดัน “สังคมคาร์บอนต่ำ” (Low-Carbon Society) ในประเทศไทย ไม่ใช่แนวคิดใหม่ที่เกิดขึ้นในรัฐบาลของนายอนุทิน ชาญวีรกูล แต่มีรากฐานมาจากนโยบายก่อนหน้านี้ โดยเฉพาะการประกาศเป้าหมายระดับชาติหลังการประชุม COP26 ในปี 2564 (ค.ศ. 2021) ภายใต้รัฐบาลพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ซึ่งกำหนดกรอบหลักคือ ความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) ในปี 2593 (ค.ศ. 2050) และ การปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero Emissions) ในปี 2608 (ค.ศ. 2065) จุดกำเนิดและกรอบเวลาหลักปีเริ่มต้นการประกาศอย่างเป็นทางการ: พ.ศ. 2564 (ค.ศ. 2021)
หลังจากนายกรัฐมนตรีพลเอกประยุทธ์เข้าร่วมการประชุม COP26 ที่เมืองกลาสโกว์ สกอตแลนด์ ไทยได้ประกาศเป้าหมายดังกล่าวเป็นครั้งแรก เพื่อสอดคล้องกับความตกลงปารีส (Paris Agreement) และแนวโน้มโลกที่มุ่งลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก เป้าหมายนี้ครอบคลุมการลดคาร์บอนในทุกภาคส่วน เช่น พลังงาน ขนส่ง อุตสาหกรรม เกษตร และป่าไม้ โดยมุ่งสร้างสังคมคาร์บอนต่ำผ่านการเปลี่ยนผ่านสู่พลังงานสะอาด การใช้เทคโนโลยีคาร์บอนต่ำ และการมีส่วนร่วมของภาคเอกชน-ประชาชน
แม้จะไม่มีประกาศใหญ่ แต่มีการวางรากฐานผ่านแผน เช่น แผนปฏิบัติการด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศแห่งชาติ (พ.ศ. 2562-2572) ที่มุ่งลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก 20-25% จากฐานปี 2558 ภายในปี 2573 โดยเน้นการพัฒนาเศรษฐกิจคาร์บอนต่ำ (Low-Carbon Economy) ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของแนวคิดสังคมคาร์บอนต่ำ
ปัจจุบันรัฐบาลอนุทินได้สานต่อและเร่งรัดเป้าหมายนี้ โดยเฉพาะผ่านนโยบายในงาน Sustainability Expo 2025 ที่นายกรัฐมนตรีกล่าวถึงการปรับตัว (Adaptation) สู่ความยั่งยืน 3 เสาหลัก (เศรษฐกิจ สังคม สิ่งแวดล้อม) รวมถึงโครงการ Solar ชุมชนเพื่อลดคาร์บอน แต่กรอบเวลาหลักยังยึดตามที่กำหนดไว้ตั้งแต่ปี 2564 โดยไม่มีเปลี่ยนแปลงใหญ่
การมุ่งสู่สังคมคาร์บอนต่ำคาดว่าจะช่วยลดผลกระทบจากโลกร้อน เช่น ภัยแล้ง น้ำท่วม และปัญหาสุขภาพ แต่สิ่งที่ท้าทายคือ การประกาศบรรลุเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิให้เป็นศูนย์ภายในปี 2593 (ค.ศ. 2๐5๐) ของรัฐบาลอนุทิน ที่ย่นระยะเวลาให้เร็วกว่าเดิม 25 ปี เป็นความท้าทายที่ต้องเผชิญ ภายใต้เงื่อนไข เช่น การลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน การเก็บภาษีคาร์บอน และการปรับตัวของ SME ที่อาจตามไม่ทัน โดยเฉพาะภายใต้เงื่อนไขรัฐบาล 4 เดือน