Part 7 การปล่อยวางภาพลักษณ์ การปล่อยวางประการต่อมา คือ “การปล่อยวางภาพลักษณ์” พระไพศาล บอกว่า เวลาเจ็บป่วยภาพลักษณ์เราจะไม่เหมือนเดิม ถ้าเรายังยึดติดกับภาพลักษณ์ในอดีตที่ยังแข็งแรง ไม่เจ็บไม่ป่วยเราจะทุกข์มาก เมื่อร่างกายเรามันสวยงามไม่เนี๊ยบเหมือนเมื่อก่อน
Admin
พระไพศาล บอกว่า แม้กระทั่งนักปฏิบัติธรรมก็มีความอยากไม่ต่างคนทั่วไป เพราะเวลานั่งสมาธิอยากให้สงบ ยิ่งอยากสงบ จิตมันยิ่งไม่สงบ เพราะมันไปบังคับจิตให้สงบ จิตมันก็จะดิ้น เพราะจิตมันไม่ยอมให้ใครมาบังคับ มันต้องการอิสระ และพออยากให้จิตสงบ มันก็จะมีมาตรฐานว่าต้องไม่มีความคิดเลย บางทีมีความคิดโผล่มาตัวสองตัวก็ไม่พอใจ เพราะไม่เป็นอย่างที่คาดหวัง
ผู้สร้างจักรวาลไส้เดือนด้วย “เศรษฐกิจหมุนเวียน” (Circular Economy) และสามารถต่อยอดธุรกิจที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมจนเป็นที่ประจักษ์ บนพื้นที่ขนาดย่อมแค่ 2 งาน ในซอยเพชรเกษม 46 กรุงเทพฯ กระทั่งถูกยกให้เป็นฟาร์มเมอร์ตัวอย่าง ที่สามารถสร้างการเรียนรู้วิถี Smart farmer จนเป็นที่พูดถึงในวงกว้าง ชารีย์ บุญญวินิจ หรือที่ใคร ๆ ก็เรียกเขาว่า “ลุงรีย์” …
Part 5 การปล่อยวางอีกอย่างที่สำคัญซึ่งฟังดูเหมือนทำยาก แต่ไม่เหนือวิสัย พระไพศาล บอกว่าคือ “การปล่อยวางความอยาก” นั่นก็คือ ความอยากหาย หลวงปู่ขาวท่านพูดดีว่า อันความอยากหายจากทุกขเวทนา อย่าอยากหาย เพราะไม่งั้นมันจะเป็นตัวสมุทัยเพิ่มทุกข์ให้กับจิตใจของเรา
Part 3 อย่าวาดภาพอนาคตเลวร้าย การดับทุกข์ด้วยการปล่อยวางความคิดว่า มันไม่แฟร์ มันไม่ยุติธรรม เป็นปล่อยวางอันดับแรก พระไพศาล บอกว่า การปล่อยวางประการต่อมาคือ ปล่อยวางภาพอนาคต คนเรามีความสามารถในการคาดการณ์ แต่ถ้าเราคาดการณ์ภาพอนาคตไปในทางที่เลวร้ายมากไป และจมอยู่กับภาพภาพลบภาพนั้นเราจะแย่
ชารีย์ บุญญวินิจ หรือ “ลุงรีย์” เป็นหนึ่งในตัวอย่างที่ว่า เขาผ่านร้อนผ่านหนาวในแวดวงเกษตรอินทรีย์มานานร่วม 12 ปี ทำให้กระจ่างชัดถึงความหมายและนิยามคำว่า “เกษตรอินทรีย์” ในแบบที่ควรจะเป็นและทำแล้วประสบความสำเร็จในเชิงธุรกิจ
พระไพศาลอยากให้ทุกคนปรับมุมมองเกี่ยวกับมะเร็งหรือความเจ็บป่วยด้วย “การปล่อยวาง” ปล่อยวางในที่นี้คือปล่อยวางที่ “ใจ” โดยที่ยังคงรักษาเยียวยาบรรเทาโรค หรือการบริหารกายที่ยังต้องทำต่อไป แต่ถ้าเป็นเรื่องใจสิ่งที่สามารถทำได้คือการปล่อยวาง