‘หิ่งห้อย’ ใกล้สูญ วิกฤตสภาพภูมิอากาศรุกหนัก 

by Pom Pom

“หิ่งห้อยเบธานีบีช” เผชิญภัยคุกคามจากมลพิษทางแสง ระดับน้ำทะเลที่สูงขึ้น และการพัฒนาชายฝั่ง  ส่งผลให้ประชากรลดลงอย่างน่าใจหาย  รัฐบาลสหรัฐฯ  เสนอขึ้นบัญชีสัตว์ใกล้สูญพันธุ์เพื่อปกป้องสายพันธุ์นี้

หิ่งห้อยเบธานีบีช (Photuris bethaniensis) เป็นแมลงที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ด้วยแสงวาบสีเขียวสองครั้ง ซึ่งพบได้ในพื้นที่ชุ่มน้ำน้ำจืดระหว่างเนินทราย (interdunal swales) ตามแนวชายฝั่งของเดลาแวร์ แมริแลนด์ และเวอร์จิเนีย อย่างไรก็ตาม หิ่งห้อยสายพันธุ์นี้กำลังเผชิญกับภัยคุกคามร้ายแรงจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ มลภาวะทางแสง และการพัฒนาพื้นที่ชายฝั่ง ซึ่งอาจนำไปสู่ความชราก่อนวัยของระบบนิเวศและการสูญพันธุ์ของสายพันธุ์นี้

ภัยคุกคามจากมลพิษและการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ

  • การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ เป็นภัยคุกคามหลักที่คุกคามแหล่งที่อยู่อาศัยของหิ่งห้อยเบธานีบีช ระดับน้ำทะเลที่สูงขึ้นจากภาวะโลกร้อนและพายุที่รุนแรงขึ้นคุกคามพื้นที่ชุ่มน้ำน้ำจืด (swales) ซึ่งเป็นที่อยู่อาศัยเฉพาะของหิ่งห้อยสายพันธุ์นี้ ตามการประมาณการของ U.S. Fish and Wildlife Service (USFWS) คาดว่า 76-95% ของพื้นที่ swales อาจสูญเสียไปจากการท่วมของน้ำทะเลภายในปี 2100 นอกจากนี้ การลดลงของระดับน้ำใต้ดินยังทำให้แหล่งที่อยู่อาศัยแห้งแล้งและเสื่อมโทรมลง
  • มลภาวะทางแสง เป็นอีกหนึ่งภัยคุกคามที่สำคัญ แสงจากโคมไฟถนน ไฟระเบียง และการพัฒนาเมืองรบกวนพฤติกรรมการสื่อสารของหิ่งห้อย ซึ่งใช้แสงวาบสีเขียวสองครั้งเพื่อดึงดูดคู่ครอง การรบกวนนี้ลดโอกาสในการผสมพันธุ์และทำให้ประชากรลดลง การศึกษาโดย Xerces Society ระบุว่า มลภาวะทางแสงเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้หิ่งห้อยสายพันธุ์นี้และแมลงอื่นๆ เสี่ยงต่อการสูญพันธุ์
  • การพัฒนาพื้นที่ชายฝั่ง เช่น การก่อสร้างบ้านพักตากอากาศและโครงสร้างพื้นฐาน ได้ทำลายแหล่งที่อยู่อาศัยของหิ่งห้อยอย่างต่อเนื่อง ตัวอย่างที่ชัดเจนคือในปี 2019 พื้นที่ชุ่มน้ำที่ใหญ่ที่สุดของหิ่งห้อยในเบรกวอเตอร์บีช รัฐนิวเจอร์ซีย์ ถูกทำลายจากการพัฒนาโดยใช้ช่องโหว่ในนโยบายคุ้มครองพื้นที่ชุ่มน้ำ การสูญเสียแหล่งที่อยู่อาศัยนี้ส่งผลให้ประชากรหิ่งห้อยลดลงอย่างมาก
  • พืชรุกรานและยาฆ่าแมลง ยังเป็นภัยคุกคามที่รุนแรง พืชรุกราน เช่น ผักตบชวา (phragmites) ทำให้พื้นที่ชุ่มน้ำเปลี่ยนสภาพและสูญเสียความหลากหลายทางชีวภาพ ส่วนยาฆ่าแมลงทำลายทั้งตัวหิ่งห้อยและแหล่งอาหารของมัน เช่น หอยทากและหนอน

ผลกระทบต่อความชราก่อนวัยของระบบนิเวศ

มลพิษและการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศไม่ได้เพียงคุกคามหิ่งห้อยเบธานีบีชเท่านั้น แต่ยังเร่งให้เกิด “ความชราก่อนวัย” ของระบบนิเวศชายฝั่ง การสูญเสียพื้นที่ชุ่มน้ำน้ำจืดส่งผลกระทบต่อความหลากหลายทางชีวภาพ ทำให้พืชและสัตว์อื่น ๆ ในระบบนิเวศนี้เสี่ยงต่อการสูญพันธุ์ การเปลี่ยนแปลงของระดับน้ำใต้ดินและการรุกรานของน้ำเค็มทำให้ระบบนิเวศเสื่อมโทรมลงอย่างรวดเร็ว ซึ่งเปรียบได้กับการที่ร่างกายมนุษย์สูญเสียความสามารถในการซ่อมแซมตัวเองเมื่อเผชิญกับมลพิษเรื้อรัง

หิ่งห้อยเบธานีบีชมีบทบาทสำคัญในระบบนิเวศในฐานะนักล่าที่ช่วยควบคุมประชากรของสัตว์ไม่มีกระดูกสันหลังอื่นๆ เช่น หอยทากและหนอน การสูญเสียหิ่งห้อยอาจนำไปสู่ความไม่สมดุลในห่วงโซ่อาหาร ซึ่งเปรียบได้กับการสูญเสียกลไกสำคัญในร่างกายที่ทำให้ระบบทั้งหมดเสื่อมถอยเร็วขึ้น

ในเดือนกันยายน 2024 U.S. Fish and Wildlife Service ได้เสนอให้ขึ้นบัญชีหิ่งห้อยเบธานีบีชเป็นสัตว์ใกล้สูญพันธุ์ (threatened species) ภายใต้พระราชบัญญัติคุ้มครองสัตว์ใกล้สูญพันธุ์ (Endangered Species Act) ซึ่งเป็นครั้งแรกที่หิ่งห้อยได้รับการพิจารณาให้ได้รับการคุ้มครองในระดับรัฐบาลกลาง การขึ้นบัญชีนี้จะช่วยห้ามการทำร้ายหรือฆ่าหิ่งห้อยในกรณีส่วนใหญ่ และส่งเสริมความพยายามในการอนุรักษ์ เช่น การกำจัดพืชรุกราน การลดมลภาวะทางแสง และการสร้างแนวกันคลื่นเพื่อปกป้องพื้นที่ชุ่มน้ำ

นอกจากนี้ สหภาพนานาชาติเพื่อการอนุรักษ์ธรรมชาติ (IUCN) ได้จัดให้หิ่งห้อยเบธานีบีชอยู่ในสถานะ “ใกล้สูญพันธุ์ขั้นวิกฤต” (critically endangered) ซึ่งสะท้อนถึงความเปราะบางของสายพันธุ์นี้ การสำรวจตั้งแต่ปี 2019 พบว่ามีพื้นที่ swales ที่หิ่งห้อยอาศัยอยู่เพียง 35 แห่งในเดลาแวร์ (17), แมริแลนด์ (8) และเวอร์จิเนีย (10) ซึ่งส่วนใหญ่อยู่ในพื้นที่อนุรักษ์ เช่น Delaware Seashore State Park และ Chincoteague National Wildlife Refuge

อ้างอิง :

Copyright @2021 – All Right Reserved.