‘น้ำท่วมเท็กซัส’ ความชื้น-ภูมิอากาศรวน ตัวการภัยพิบัติ

by Pom Pom

“น้ำท่วมเท็กซัส” ครั้งประวัติศาสตร์ สังเวยทะลุ 100 ราย สูญหายอีกนับสิบ นักวิชาการ เผยเหตุผล ภาวะโลกร้อน และข้อจำกัดด้านการพยากรณ์ สร้างความเสียหายหนักในพื้นที่ตะวันตกและตอนกลางของรัฐ

ในช่วงวันที่ 4-5 กรกฎาคม 2025 รัฐเท็กซัส สหรัฐอเมริกา เผชิญกับอุทกภัยครั้งใหญ่ที่สร้างความเสียหายรุนแรงในพื้นที่ตะวันตกและตอนกลางของรัฐ ซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่รุนแรงที่สุดครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์ ฝนตกหนักต่อเนื่อง 6 วัน ทำให้ปริมาณน้ำฝนสูงถึง 1,000-1,200 มิลลิเมตร (40-45 นิ้ว) โดยเฉพาะในพื้นที่เชิงเขา ส่งผลให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 82 ราย และสูญหายหลายราย รวมถึงเด็ก 23 รายจากแคมป์มิสติก ซึ่งเป็นค่ายสำหรับเด็กผู้หญิงริมแม่น้ำกัวดาลูเป ที่ถูกน้ำท่วมหนักจนระบบไฟฟ้า น้ำประปา และ Wi-Fi ใช้การไม่ได้ ทางหลวงหลายสายถูกน้ำพัดเสียหาย ทำให้ต้องอพยพเด็กออกจากพื้นที่อย่างเร่งด่วน

จากข้อมูลของกรมอุตุนิยมวิทยาแห่งชาติสหรัฐอเมริกา (NWS) อุทกภัยครั้งนี้มีสาเหตุหลักจากอิทธิพลของพายุโซนร้อนแบร์รี่ ซึ่งพัดถล่มชายฝั่งตะวันออกเฉียงใต้ของเม็กซิโก เมื่อวันที่ 29 มิถุนายน 2025 หลังพายุสลายตัว ความชื้นปริมาณมหาศาลยังคงหลงเหลืออยู่ในบรรยากาศ เมื่อรวมกับสภาพอากาศร้อนในเท็กซัสและความชื้นจากพื้นดินและอ่าวเม็กซิโก ทำให้เกิดเมฆฝนขนาดใหญ่ โดยเฉพาะในวันที่ 4 กรกฎาคม 2025 มีฝนตกหนัก 250-400 มิลลิเมตรในช่วงกลางคืน ลมเย็นจากอ่าวเม็กซิโกที่พัดเข้ามาปะทะกับความชื้นและสภาพภูมิประเทศที่มีหน้าผาหินในเท็กซัสตะวันตก เปรียบเสมือน “ไม้ขีดไฟ” ที่จุดชนวนให้เกิดฝนฟ้าคะนองต่อเนื่องและรุนแรง

น้ำท่วมเท็กซัส

ข้อมูลจากบอลลูนตรวจอากาศของ NWS ยังเผยว่า ความชื้นในชั้นบรรยากาศด้านบนของเท็กซัสตะวันตกสูงเป็นประวัติการณ์ ทำหน้าที่เสมือน “เชื้อเพลิง” ที่ทำให้เกิดฝนตกหนักในวงกว้างบทบาทของการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ

ดร.สนธิ คชวัฒน์ นักวิชาการด้านสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ ชมรมนักวิชาการสิ่งแวดล้อมไทย โพสต์ข้อความ ระบุว่า การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ มีส่วนสำคัญในการเพิ่มความรุนแรงของอุทกภัยครั้งนี้ อุณหภูมิโลกที่สูงขึ้นทั้งบนบกและในอ่าวเม็กซิโก ทำให้ปริมาณไอน้ำในอากาศเพิ่มขึ้น โดยทุกๆ อุณหภูมิที่เพิ่มขึ้น 1 องศาเซลเซียส อากาศสามารถกักเก็บไอน้ำได้มากขึ้น 7% ในปี 2025 อุณหภูมิของน้ำในอ่าวเม็กซิโกนอกชายฝั่งเท็กซัสและหลุยเซียน่าสูงกว่าปกติ 3-8 องศาฟาเรนไฮต์ (1.7-4.4 องศาเซลเซียส) ซึ่งกระตุ้นการก่อตัวของเมฆฝนขนาดใหญ่ ข้อมูลสภาพอากาศย้อนหลัง 140 ปีของสหรัฐฯ ยังแสดงให้เห็นว่า ปริมาณฝนเฉลี่ยใน 24 ชั่วโมงเพิ่มขึ้นกว่า 50% ในช่วง 30 ปีที่ผ่านมา สะท้อนแนวโน้มฝนตกหนักที่รุนแรงขึ้น

อุทกภัยครั้งนี้เผยให้เห็นข้อจำกัดในการเตรียมพร้อมและพยากรณ์ภัยของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง การตัดงบประมาณของสำนักงานบริหารมหาสมุทรและบรรยากาศแห่งชาติ (NOAA) ลง 30% และการลดพนักงาน 800 คนในช่วงบริหารของรัฐบาลโดนัลด์ ทรัมป์ ส่งผลให้การพยากรณ์สภาพอากาศและการเตือนภัยไม่แม่นยำและทันท่วงทีเท่าที่ควร ทำให้การรับมือเหตุการณ์รุนแรงล่าช้า

นายดาลตัน ไรซ์ หัวหน้าฝ่ายบริหารเมืองเคอร์วิลล์ เขตเคอร์เคาน์ตี แถลงว่า จะเร่งสืบสวนว่ามีการประกาศเตือนภัยหรือไม่ และเหตุใดค่ายฤดูร้อนบางแห่งจึงไม่อพยพ หรือย้ายผู้ร่วมกิจกรรมขึ้นที่สูง รวมถึงตรวจสอบวิธีการส่งและรับคำเตือนเกี่ยวกับสภาพอากาศภายในพื้นที่

น้ำท่วมเท็กซัส

อัปเดตสถานการณ์ล่าสุด

  • ยอดผู้เสียชีวิตได้รับการยืนยันเพิ่มเป็น 85 ราย และยังมีผู้สูญหายอีกอย่างน้อย 15 ราย โดยทีมกู้ภัยกำลังเร่งค้นหาในพื้นที่เชิงเขา
  • แคมป์มิสติกและพื้นที่ใกล้เคียงยังคงเผชิญปัญหาการขาดแคลนน้ำและไฟฟ้า การฟื้นฟูโครงสร้างพื้นฐาน เช่น ทางหลวงและระบบสาธารณูปโภค คาดว่าจะใช้เวลาหลายสัปดาห์
  • นักวิทยาศาสตร์ด้านสภาพอากาศเตือนว่า เหตุการณ์ฝนตกหนักเช่นนี้อาจเกิดถี่ขึ้นในอนาคต เนื่องจากภาวะโลกร้อนและความผันผวนของสภาพอากาศในภูมิภาคอ่าวเม็กซิโก

อ้างอิง :

Copyright @2021 – All Right Reserved.