‘ภาวะอากาศแปรปรวน’ ทำราคา ‘กาแฟ’ ทะลุประวัติศาสตร์

by Pom Pom

เปิดปัจจัยสำคัญ “ภาวะอากาศแปรปรวน” ส่งผลให้ราคา เมล็ดกาแฟ ทะลุเป็นประวัติการณ์ กาแฟสำเร็จรูปในประเทศไทย ขยับขึ้น 5% เกษตรกรไทยต้องยกระดับคุณภาพ เพื่อรับมือกับความผันผวนของตลาดกาแฟโลก

นับตั้งแต่วันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2568 เป็นต้นไป สายกาแฟ เตรียมตัวรับมือกับราคากาแฟสำเร็จรูป ที่ปรับขึ้น 5 เปอร์เซ็นต์ หลังเมล็ดกาแฟตลาดโลกราคาสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง นายสมชาย พรรัตนเจริญ ที่ปรึกษากิตติมศักดิ์สมาคมค้าส่ง-ปลีกไทย เปิดเผยว่า สำหรับสาเหตุของราคากาแฟโลกพุ่งสูงสุดในประวัติศาสตร์ ปัจจัยหลักมาจากราคาเมล็ดกาแฟในตลาดโลกที่พุ่งขึ้นอย่างรวดเร็ว จากภาวะอากาศแปรปรวน

ตลาดซื้อขายล่วงหน้าไอซีอี (ICE) กรุงลอนดอน รายงานว่า เมื่อวันที่ 30 มกราคม 2025 ราคาเมล็ดกาแฟอราบิก้าทำสถิติสูงสุดที่ 3.6945 ดอลลาร์สหรัฐต่อปอนด์ ซึ่งเป็นระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ และเพิ่มขึ้นถึง 15% ตั้งแต่ต้นปี ส่งผลให้ อุปทานลด-ความต้องการสูง ปัจจัยกดดันตลาด เนื่องจากราคากาแฟที่พุ่งขึ้นเป็นผลจากภาวะอุปทานตึงตัว

ลาวาซซ่า (Lavazza) บริษัทกาแฟสัญชาติอิตาลี เคยเตือนว่า ราคากาแฟจะยังคงอยู่ในระดับสูงมาก และมีแนวโน้มจะไม่ลดลงจนกว่าจะถึงกลางปี 2568

ภาวะอากาศแปรปรวน ทำเมล็ดกาแฟราคาพุ่ง

สาเหตุสำคัญมาจากสภาพอากาศแปรปรวนในประเทศผู้ผลิตรายใหญ่ของโลก อย่างบราซิลและเวียดนาม โดยบราซิล ผู้ผลิตกาแฟอาราบิก้า ต้องเผชิญภัยแล้งครั้งรุนแรงที่สุดในรอบ 70 ปี ในช่วงเดือนสิงหาคมและกันยายน ตามด้วยฝนตกหนักในเดือนตุลาคม 2567 ส่งผลให้ผลผลิตเสียหาย ขณะที่เวียดนามผู้ผลิตเมล็ดกาแฟโรบัสต้า ก็ประสบปัญหาภัยแล้งและฝนตกหนักเช่นกัน

ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา การเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศโลก ได้ส่งผลกระทบต่อหลายอุตสาหกรรม และหนึ่งในนั้นคืออุตสาหกรรมกาแฟ ซึ่งเมล็ดกาแฟเป็นสินค้าที่ได้รับผลกระทบจากภาวะอากาศแปรปรวนอย่างมาก การเปลี่ยนแปลงของอุณหภูมิ ฝนที่ตกมาก หรือน้อยเกินไป และภัยพิบัติทางธรรมชาติ เช่น น้ำท่วมและภัยแล้ง ล้วนมีผลโดยตรงต่อการปลูกกาแฟในพื้นที่ที่เหมาะสมที่สุด เช่น บราซิล, เวียดนาม และโคลอมเบีย

การเพาะปลูกกาแฟต้องการสภาพอากาศที่ค่อนข้างคงที่ โดยเฉพาะอุณหภูมิที่เย็นและฝนที่ตกพอเหมาะ หากมีการเปลี่ยนแปลงที่รุนแรงในช่วงเวลาที่สำคัญ อาจทำให้ผลผลิตของกาแฟลดลง ซึ่งส่งผลต่อราคาตลาด โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อผลผลิตของผู้ผลิตรายใหญ่ลดลง

ในปี 2566 บราซิล ซึ่งเป็นผู้ผลิตกาแฟรายใหญ่ที่สุดในโลก ได้ประสบกับปัญหาภัยแล้งและอากาศที่ร้อนผิดปกติในหลายพื้นที่ ส่งผลให้ผลผลิตกาแฟลดลงอย่างมาก ทำให้ราคากาแฟในตลาดโลกพุ่งสูงขึ้น เนื่องจากความต้องการที่ยังคงสูง แต่ปริมาณผลผลิตกลับลดลงอย่างมีนัยสำคัญ

การปรับตัวของเกษตรกรในอุตสาหกรรมกาแฟก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญในสภาวะนี้ เกษตรกรบางส่วนต้องหันไปใช้เทคนิคการเกษตรที่สามารถทนทานต่อสภาพอากาศที่แปรปรวนมากขึ้น เช่น การใช้พันธุ์กาแฟที่ทนทานต่อความแห้งแล้ง หรือการใช้ระบบชลประทานที่ทันสมัย เพื่อช่วยลดผลกระทบจากภัยธรรมชาติ

อย่างไรก็ตาม การปรับตัวของเกษตรกรและการพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ๆ ยังไม่สามารถรับมือกับความท้าทายจากสภาพอากาศที่แปรปรวนได้ทั้งหมด ราคากาแฟจึงยังคงได้รับผลกระทบจากการขาดแคลนผลผลิต และยังคงขึ้นอยู่กับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในอนาคต

ก่อนหน้านี้ ราคากาแฟเคยทำสถิติสูงสุดในปี 2520 หลังหิมะทำลายไร่กาแฟในบราซิล ส่งผลให้ได้รับความเสียหายเป็นจำนวนมาก และครั้งนี้นับเป็นการทำสถิติใหม่ท่ามกลางความต้องการบริโภคที่เพิ่มขึ้น เนื่องจากผู้ผลิตกาแฟรายใหญ่ของโลกต้องประสบกับภัยธรรมชาติ

นอกจากภาวะอากาศแปรปรวนแล้ว ยังมีสาเหตุอื่นๆ ที่ส่งผลให้ราคากาแฟพุ่งสูงขึ้นได้เช่นกัน

  1. การขาดแคลนแรงงาน: อุตสาหกรรมกาแฟต้องพึ่งพาแรงงานจำนวนมากในการเก็บเกี่ยวและแปรรูปเมล็ดกาแฟ แต่ในหลายประเทศที่ผลิตกาแฟหลัก เช่น บราซิลและเวียดนาม เกษตรกรและแรงงานที่ทำงานในฟาร์มกาแฟกำลังประสบปัญหาการขาดแคลนแรงงาน เนื่องจากภาวะโรคระบาด เช่น โควิด-19 หรือความยากจนที่ทำให้ไม่สามารถดึงดูดแรงงานได้ ส่งผลให้กระบวนการผลิตช้าลงและมีค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้น
  2. ความต้องการที่เพิ่มขึ้น: การเติบโตของตลาดกาแฟในหลายประเทศ โดยเฉพาะในตลาดใหม่ๆ เช่น จีนและอินเดีย ทำให้ความต้องการกาแฟสูงขึ้นอย่างมาก โดยเฉพาะกาแฟชนิดพรีเมียมและกาแฟสเปเชียลตี้ ความต้องการที่สูงขึ้น ในขณะที่การผลิตไม่สามารถเพิ่มขึ้นทันได้ ส่งผลให้ราคากาแฟเพิ่มสูงขึ้น
  3. ปัญหาผลผลิตที่ลดลงจากโรคพืชและศัตรูพืช: โรคพืชที่เป็นปัญหาใหญ่ในอุตสาหกรรมกาแฟ เช่น โรคเหี่ยวเหลือง (Coffee Wilt Disease) และแมลงศัตรูพืช เช่น เพลี้ยไฟ ก็ทำให้ผลผลิตกาแฟลดลง การจัดการปัญหาดังกล่าวต้องใช้เวลาและทุนสูง ทำให้การผลิตกาแฟลดลงและราคาก็พุ่งขึ้นตามมา
  4. ความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ: ปัจจัยทางเศรษฐกิจที่ส่งผลกระทบต่อการค้าโลก เช่น ค่าเงินที่ผันผวน ราคาน้ำมันที่สูงขึ้น หรือสงครามการค้าระหว่างประเทศ ต่างก็มีผลต่อการผลิตและการขนส่งกาแฟ ทำให้ต้นทุนในการผลิตและขนส่งสูงขึ้น และราคากาแฟก็สูงขึ้นตาม
  5. การลงทุนในสินค้าโภคภัณฑ์: กาแฟเป็นหนึ่งในสินค้าโภคภัณฑ์ที่นักลงทุนหันมาลงทุนมากขึ้น โดยเฉพาะในตลาดฟิวเจอร์ส (futures market) ซึ่งส่งผลให้ราคากาแฟมีความผันผวนตามการเคลื่อนไหวของตลาดการเงิน นักลงทุนที่คาดหวังการเติบโตของราคากาแฟในอนาคตก็สามารถส่งผลให้ราคากาแฟสูงขึ้นในระยะสั้น

ความท้าทายเกษตรกรไทย ยกระดับคุณภาพเมล็ดกาแฟ

สำหรับประเทศไทย ที่มีการนำเข้าเมล็ดกาแฟเป็นหลัก เนื่องจากผลผลิตไม่เพียงพอต่อความต้องการใช้ในประเทศ หรือผลิตได้เพียงร้อยละ 25 ของความต้องการใช้ โดยในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2565 ไทยมีปริมาณการนำเข้ากาแฟ เพิ่มขึ้นร้อยละ 10.3 (YoY) และต้องเผชิญราคากาแฟนำเข้าที่สูงขึ้นราวร้อยละ 30.6 (YoY) ศูนย์วิจัยกสิกรไทย มองว่า เป็นโอกาสท้าทาย ที่เกษตรกรผู้ปลูกกาแฟของไทย ควรยกระดับคุณภาพเมล็ดกาแฟมากขึ้น เพื่อลดผลกระทบจากความผันผวนของราคาตลาดโลก

สรุป

ภาวะอากาศแปรปรวน เป็นปัจจัยที่สำคัญที่ส่งผลให้ราคากาแฟมีความผันผวนสูง แต่การขึ้นลงของราคากาแฟ ไม่ได้เกิดจากสาเหตุใดสาเหตุหนึ่งเพียงอย่างเดียว แต่เป็นผลจากหลายปัจจัยที่มีอิทธิพลร่วมกัน ทำให้ราคากาแฟมีความผันผวน และส่งผลกระทบต่อผู้บริโภคและอุตสาหกรรมกาแฟทั่วโลก

อ้างอิง :

Copyright @2021 – All Right Reserved.