อีก 27 ล้านไร่ เพิ่ม ‘พื้นที่ป่า’ 40% ภายในปี 2579

by Pom Pom

 

 

ในการประชุมภาคีป่าไม้แห่งสหประชาชาติ ครั้งที่ 20 ประเทศไทยยืนหยัดบนเวทีโลก ประกาศจุดยืน มุ่งเพิ่มพื้นที่ป่า 40% และบริหารจัดการป่าไม้อย่างยั่งยืน ภายในปี 2579  อีก 27 ล้านไร่ บรรลุเป้า

 

เมื่อวันที่ 5–7 พฤษภาคม 2568 ประเทศไทยได้แสดงจุดยืนอันแข็งแกร่งด้านการอนุรักษ์และจัดการทรัพยากรป่าไม้อย่างยั่งยืน ในการประชุมภาคีป่าไม้แห่งสหประชาชาติ (United Nations Forum on Forests – UNFF) ครั้งที่ 20 ซึ่งจัดขึ้น ณ สำนักงานใหญ่สหประชาชาติ นครนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา คณะผู้แทนไทยนำโดย นายจตุพร บุรุษพัฒน์ ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ปกท.ทส.) พร้อมด้วย นายสุรชัย อาจลบุญ อธิบดีกรมป่าไม้ และผู้แทนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ กรมป่าไม้ กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง องค์การอุตสาหกรรมป่าไม้ และกองการต่างประเทศ สำนักงานปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้เข้าร่วมการประชุมเพื่อแลกเปลี่ยนนโยบายและแนวปฏิบัติที่ดีในการจัดการป่าไม้ระดับโลก

การประชุมภาคีป่าไม้แห่งสหประชาชาติ (United Nations Forum on Forests – UNFF) ครั้งที่ 20

เป้าหมายพื้นที่สีเขียวและป่าไม้ของไทย

 

ในที่ประชุม นายจตุพร บุรุษพัฒน์ ได้กล่าวถ้อยแถลงที่สะท้อนถึงความมุ่งมั่นของประเทศไทยในการอนุรักษ์และฟื้นฟูทรัพยากรป่าไม้ โดยเน้นย้ำเป้าหมายสำคัญตาม ยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี (พ.ศ. 2561–2580) ที่กำหนดให้ประเทศไทยเพิ่มพื้นที่สีเขียว ให้ครอบคลุม ร้อยละ 55 ของพื้นที่ทั้งประเทศภายในปี 2580 ซึ่งรวมถึงพื้นที่ป่าไม้ สวนสาธารณะ และพื้นที่เกษตรกรรมที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม นอกจากนี้ ยังสอดคล้องกับนโยบายป่าไม้แห่งชาติ ที่ตั้งเป้าเพิ่ม พื้นที่ป่าไม้ ให้ถึง ร้อยละ 40 ภายในปี 2579 เพื่อรักษาความสมดุลของระบบนิเวศและสนับสนุนการพัฒนาที่ยั่งยืน

 

ถ้อยแถลงดังกล่าวไม่เพียงแสดงถึงความมุ่งมั่นในระดับชาติ แต่ยังเป็นการยืนยันบทบาทของประเทศไทยในฐานะผู้นำด้านการอนุรักษ์ป่าไม้ในระดับภูมิภาคและระดับโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในบริบทของการรับมือกับ การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ซึ่งเป็นหนึ่งในความท้าทายสำคัญของโลกในปัจจุบัน

จตุพร บุรุษพัฒน์ ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม

แนวทางการบริหารจัดการป่าไม้อย่างยั่งยืน

 

นายจตุพรได้เน้นย้ำถึงแนวทางการทำงานของประเทศไทยที่มุ่งบูรณาการความร่วมมือระหว่างหน่วยงาน ทั้งในระดับชาติและนานาชาติ เพื่อให้การบริหารจัดการและใช้ประโยชน์จากป่าไม้เป็นไปอย่างยั่งยืน โดยมีกลยุทธ์สำคัญ ดังนี้:

  • การมีส่วนร่วมของชุมชนท้องถิ่น: ประเทศไทยให้ความสำคัญกับการส่งเสริมบทบาทของชุมชนในการอนุรักษ์ ปกป้อง และฟื้นฟูป่าไม้ ผ่านโครงการต่าง ๆ เช่น การจัดการป่าไม้ชุมชน ซึ่งช่วยให้ชุมชนสามารถใช้ประโยชน์จากป่าไม้อย่างสมดุลและยั่งยืน พร้อมทั้งสร้างรายได้และความมั่นคงทางเศรษฐกิจให้กับท้องถิ่น
  • การฟื้นฟูและเพิ่มพื้นที่ป่า: รัฐบาลไทยได้ดำเนินโครงการปลูกป่าและฟื้นฟูพื้นที่เสื่อมโทรมอย่างต่อเนื่อง รวมถึงการส่งเสริมการปลูกป่าเศรษฐกิจที่ผสมผสานระหว่างการอนุรักษ์และการสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจ เช่น การปลูกไม้มีค่าและพืชสมุนไพร
  • การใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรม: การใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่ เช่น การสำรวจด้วยดาวเทียมและระบบสารสนเทศภูมิศาสตร์ (GIS) ในการติดตามสถานการณ์ป่าไม้ การป้องกันการบุกรุก และการจัดการไฟป่า ได้ถูกนำมาใช้อย่างแพร่หลายเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารจัดการทรัพยากร
  • ความร่วมมือระหว่างประเทศ: ประเทศไทยได้ร่วมมือกับองค์กรระหว่างประเทศและภาคีเครือข่าย เช่น องค์การอาหารและเกษตรแห่งสหประชาชาติ (FAO) และกองทุนสิ่งแวดล้อมโลก (GEF) เพื่อแลกเปลี่ยนองค์ความรู้และระดมทรัพยากรในการอนุรักษ์ป่าไม้ รวมถึงสนับสนุนเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) ของสหประชาชาติ

 

ป่าไม้: เครื่องมือสำคัญในการรับมือการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ

 

ในถ้อยแถลง ปกท.ทส. ได้ย้ำถึงบทบาทของป่าไม้ในฐานะเครื่องมือสำคัญในการต่อสู้กับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ซึ่งส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อสิ่งแวดล้อม เศรษฐกิจ และสังคมทั่วโลก ป่าไม้ทำหน้าที่เป็น “แหล่งกักเก็บคาร์บอน” ที่ช่วยดูดซับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ลดผลกระทบจากภาวะโลกร้อน และยังช่วยรักษาความหลากหลายทางชีวภาพ ป้องกันการพังทลายของดิน และควบคุมวงจรน้ำในระบบนิเวศ

 

ประเทศไทยได้แสดงความมุ่งมั่นในการปฏิบัติตามพันธสัญญาระดับนานาชาติ เช่น ข้อตกลงปารีส (Paris Agreement) และ เป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero) โดยการเพิ่มพื้นที่ป่าไม้และพื้นที่สีเขียวจะเป็นกลไกสำคัญในการบรรลุเป้าหมายเหล่านี้ นอกจากนี้ การจัดการป่าไม้อย่างยั่งยืนยังช่วยลดความเสี่ยงจากภัยพิบัติทางธรรมชาติ เช่น น้ำท่วมและภัยแล้ง ซึ่งเป็นผลกระทบจากสภาพภูมิอากาศที่เปลี่ยนแปลง

ป่าไม้

อีก 27 ล้านไร่ บรรลุเป้า

 

จากข้อมูลล่าสุดในปี 2566 พื้นที่ป่าไม้ของประเทศไทยมีประมาณ 101,818,155.76 ไร่ คิดเป็น ร้อยละ 31.47 ของพื้นที่ทั้งหมดของประเทศ (ประมาณ 323,488,750 ไร่) อย่างไรก็ตาม ข้อมูลจากแหล่งอื่น เช่น การประเมินของคณะวนศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ในปี 2565 ระบุว่าพื้นที่ป่าไม้อยู่ที่ประมาณ 101 ล้านไร่ คิดเป็น ร้อยละ 37.47 ของพื้นที่ประเทศ ซึ่งอาจมีความแตกต่างเล็กน้อยขึ้นอยู่กับวิธีการสำรวจและนิยามของพื้นที่ป่าไม้

 

ทั้งนี้ ตามนโยบายป่าไม้แห่งชาติ ประเทศไทยตั้งเป้าเพิ่มพื้นที่ป่าไม้ให้ถึง ร้อยละ 40 ของพื้นที่ประเทศ (ประมาณ 129,395,500 ไร่) ภายในปี 2579 ซึ่งยังต้องเพิ่มพื้นที่ป่าไม้อีกประมาณ 27 ล้านไร่ เพื่อให้บรรลุเป้าหมาย

 

ความสำคัญของเวที UNFF และบทบาทของประเทศไทย

 

การประชุม UNFF เป็นเวทีที่รวบรวมผู้นำ นักวิชาการ และผู้เชี่ยวชาญจากทั่วโลกเพื่อหารือเกี่ยวกับนโยบายและแนวทางการจัดการป่าไม้อย่างยั่งยืน โดยมุ่งเน้นการบรรลุเป้าหมายของ แผนยุทธศาสตร์สหประชาชาติว่าด้วยป่าไม้ (UN Strategic Plan for Forests) ซึ่งครอบคลุมการอนุรักษ์ป่าไม้ การลดการตัดไม้ทำลายป่า และการส่งเสริมความสมดุลระหว่างการใช้ประโยชน์จากป่าไม้และการรักษาระบบนิเวศ

 

 

อ้างอิง :

(1) ข้อมูลจากกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม, การประชุม UNFF ครั้งที่ 20, วันที่ 5–7 พฤษภาคม 2568

Copyright @2021 – All Right Reserved.