Flexitarian-กินมังฯ แบบยืดหยุ่น เทรนด์การบริโภคใหม่ช่วยลดโลกร้อน

by Chetbakers

การบริโภคแบบ Flexitarian หรือการกินมังสวิรัติแบบยืดหยุ่นกำลังเป็นเทรนด์ โดยจะลดปริมาณเนื้อสัตว์ลง และเพิ่มพืชเป็นแหล่งโปรตีนหลักมากขึ้น

การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศเป็นหนึ่งในวิกฤตการณ์สิ่งแวดล้อมที่ร้ายแรงที่สุดในประวัติศาสตร์มนุษยชาติ โดยที่วงจรชีวิตและห่วงโซ่อุปทานของผลิตภัณฑ์ปศุสัตว์เป็นหนึ่งในปัจจัยหลักที่ส่งผลต่อการปล่อยก๊าซเรือนกระจกทั่วโลก การศึกษาจากแคนาดาในปี 2010 เตือนว่า หากการผลิตปศุสัตว์ทั่วโลกยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจนถึงปี 2050 คาร์บอนที่ปล่อยจากภาคปศุสัตว์เพียงอย่างเดียวอาจผลักดันให้โลกเข้าสู่ภาวะโลกร้อนที่ไม่สามารถควบคุมได้ โดยอุณหภูมิโลกอาจสูงเกิน 2 องศาเซลเซียส ซึ่งเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญที่จะสร้างความเสียหายต่อความมั่นคงของระบบนิเวศในระดับโลก (1)

การลดการบริโภคเนื้อสัตว์และเพิ่มพืชสามารถช่วยให้อุณหภูมิโลกคงที่ไม่เกิน 1.5 องศาเซลเซียส ช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากการเกษตร เช่น ก๊าซมีเทนและไนตรัสออกไซด์ รวมถึงลดผลกระทบต่อทรัพยากรน้ำ และความหลากหลายทางชีวภาพ

แม้ปัญหานี้จะดูใหญ่และซับซ้อน แต่จุดเริ่มต้นของการแก้ไขสามารถเริ่มได้จากระดับบุคคล โดยที่การลดการบริโภคผลิตภัณฑ์ปศุสัตว์เพียง 25% จะสามารถช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากกิจกรรมของมนุษย์ทั่วโลกได้ถึง 12.5% การเปลี่ยนแปลงเล็ก ๆ นี้ไม่เพียงแต่ช่วยลดผลกระทบจากการผลิตปศุสัตว์ต่อสิ่งแวดล้อม แต่ยังส่งผลในระดับมหภาคที่ช่วยฟื้นฟูสมดุลของระบบนิเวศและลดความรุนแรงของภาวะโลกร้อนในระยะยาวอีกด้วย (1)

ปัจจุบันการบริโภคอาหารแบบที่เรียกว่า Flexitarian (คำผสมระหว่าง Flexible และ Vegetarian) หรือการกินมังสวิรัติแบบยืดหยุ่น กำลังได้รับความสนใจในฐานะทางออกสำคัญต่อปัญหาสิ่งแวดล้อมจาก “การกิน”แนวทางนี้ไม่ได้หมายถึงการละเว้นเนื้อสัตว์ทั้งหมด แต่เน้นการลดปริมาณการบริโภคเนื้อสัตว์ลงและเพิ่มพืชเป็นแหล่งโปรตีนหลัก เพื่อสร้างสมดุลให้กับสุขภาพและธรรมชาติ (3)

การลดปริมาณเนื้อสัตว์ในมื้ออาหารและเพิ่มพืชเป็นแหล่งโปรตีนสำคัญไม่เพียงช่วยลดภาวะโลกร้อนเท่านั้น งานวิจัยใน Science Advances ชี้ว่า การลดการบริโภคเนื้อสัตว์และเพิ่มพืชสามารถช่วยให้อุณหภูมิโลกคงที่ไม่เกิน 1.5 องศาเซลเซียส ช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากการเกษตร เช่น ก๊าซมีเทนและไนตรัสออกไซด์ รวมถึงลดผลกระทบต่อทรัพยากรน้ำ และความหลากหลายทางชีวภาพ นอกจากนี้ ยังช่วยลดต้นทุนทางเศรษฐกิจที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพ รวมถึงความเสื่อมโทรมของระบบนิเวศ และคาดว่าจะลดต้นทุนการลดคาร์บอนได้ถึง 43% ภายในปี 2050 (2)

การรับประทานมังสวิรัติแบบยืดหยุ่นสามารถทำได้ง่ายและปรับให้สอดคล้องกับวิถีชีวิตที่หลากหลาย การลดปริมาณเนื้อสัตว์ เช่น การงดมื้อเนื้อสัปดาห์ละครั้ง หรือการเลือกใช้ผลิตภัณฑ์จากพืชแทนเนื้อสัตว์ในบางมื้อ เป็นการเริ่มต้นที่มีประสิทธิภาพ โดยในหลายประเทศ เช่น เบลเยียม บราซิล และเยอรมนี ได้เริ่มโครงการส่งเสริมการลดบริโภคเนื้อสัตว์ในโรงเรียนและสถานที่ทำงานแล้ว ซึ่งเป็นแรงผลักดันสำคัญในการสร้างการเปลี่ยนแปลงเชิงระบบ (1)

ยิ่งไปกว่านั้น ตลาดอาหารจากพืชกำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว โดยในสหรัฐฯ มีมูลค่าถึง 7,400 ล้านดอลลาร์ในปี 2021 ยอดขายโปรตีนและนมจากพืชเพิ่มขึ้นอย่างมาก โดยโปรตีนจากพืชเติบโตถึง 74% ในสามปี ขณะที่นมทางเลือก เช่น ถั่วเหลืองและอัลมอนด์ เติบโต 33% แนวโน้มนี้สะท้อนถึงการที่ผู้บริโภคทั่วโลกเริ่มลดการบริโภคผลิตภัณฑ์จากสัตว์และหันมาเลือกอาหารที่ยั่งยืนมากขึ้น (3)

นอกจากนี้ การสำรวจพบว่า ตลาดเนื้อสัตว์ทางเลือกทั่วโลกจะเติบโตจาก 7,000 ล้านดอลลาร์ในปี 2021 สู่ 17,000 ล้านดอลลาร์ในปี 2026 การลดการบริโภคผลิตภัณฑ์จากสัตว์ยังช่วยลดการใช้พื้นที่เกษตรกรรม โดยปัจจุบันพื้นที่กว่า 80% ใช้เลี้ยงสัตว์หรือปลูกอาหารสัตว์ ซึ่งสามารถเปลี่ยนมาใช้ปลูกพืชสำหรับคนได้มากขึ้น (3)

ระบบอาหารที่พึ่งพาปศุสัตว์อย่างหนักเป็นแหล่งปล่อยก๊าซเรือนกระจกสำคัญ โดยคิดเป็น 1 ใน 3 ของการปล่อยก๊าซเรือนกระจกทั่วโลก ปศุสัตว์ในภาคอุตสาหกรรมใช้น้ำและพื้นที่อย่างมหาศาลถึง 77% ของพื้นที่เพาะปลูกทั่วโลกสำหรับปลูกพืชเลี้ยงสัตว์ ขณะที่พื้นที่เพียง 23% ใช้ปลูกพืชอาหารเพื่อมนุษย์โดยตรง หากผู้คนยังคงพึ่งพาปศุสัตว์ในรูปแบบเดิม เมื่อประชากรโลกเพิ่มขึ้นจาก 7,900 ล้านคนในปัจจุบันเป็น 10,000 ล้านคนภายในปี 2050 จะต้องใช้พื้นที่เกษตรกรรมเพิ่มขึ้นเท่ากับพื้นที่ของประเทศไทยถึง 12 ประเทศ ซึ่งเกินขีดจำกัดของโลกในปัจจุบัน (4)

การบริโภคเนื้อสัตว์ที่มากเกินไป โดยเฉพาะในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกและประเทศพัฒนาแล้ว เช่น สหรัฐฯ และออสเตรเลีย ไม่เพียงแต่ทะลุ “เขตจำกัดของโลก” (Planetary Boundaries) แต่ยังเกิน “เขตสุขภาพ” (Healthy Boundary) ถึง 2 เท่า ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญของโรคไม่ติดต่อ (NCDs) เช่น โรคหัวใจและเบาหวาน การเปลี่ยนมาบริโภคอาหารแบบ Flexitarian ที่เน้นโปรตีนจากพืชและลดเนื้อสัตว์ในมื้ออาหารสามารถช่วยแก้ปัญหาด้านสุขภาพได้ นักวิจัยคาดว่า หากปรับพฤติกรรมนี้อย่างกว้างขวางจะสามารถช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายด้านสุขภาพได้ถึง 1.6 แสนล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 5.6 ล้านล้านบาทต่อปี พร้อมทั้งสามารถช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก และรักษาสมดุลของโลกอย่างยั่งยืน (4)

การเปลี่ยนพฤติกรรมการกินไม่จำเป็นต้องทำแบบสุดโต่งหรือยกเครื่องใหม่ทั้งหมด ผู้เชี่ยวชาญแนะนำว่า การเริ่มต้นจากการปรับเปลี่ยนเล็ก ๆ น้อย ๆ เช่น ลดการบริโภคเนื้อสัตว์ลงวันหรือสองวันต่อสัปดาห์ เป็นวิธีที่ง่ายและไม่สร้างความกดดัน นอกจากนี้ การเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ทางเลือกจากพืช เช่น อาหารจากพืช ไส้กรอก หรือผลิตภัณฑ์นมทางเลือกอย่างนมอัลมอนด์และโยเกิร์ตมะพร้าว ยังช่วยให้การปรับตัวเป็นเรื่องที่ไม่น่าเบื่อและสร้างความหลากหลายในมื้ออาหารอีกด้วย (5)

สำหรับผู้ที่เริ่มต้น การลองค้นหาร้านอาหารที่มีเมนูอาหารมังสวิรัติหรือวีแกนในละแวกใกล้บ้าน หรือลองทำอาหารง่าย ๆ ที่ลดเนื้อสัตว์โดยเพิ่มถั่วแทนนับเป็นตัวเลือกที่ดี นอกจากนี้ การวางแผนมื้ออาหารล่วงหน้าจะช่วยให้การเปลี่ยนมาสู่การบริโภคแบบยืดหยุ่นทำได้ง่ายขึ้น และยังช่วยให้ผู้บริโภคมีโอกาสสนุกกับการทดลองสูตรอาหารใหม่ ๆ ที่ทั้งอร่อย และดีต่อสุขภาพ (5)

ในอนาคต การกินมังสวิรัติแบบยืดหยุ่น หรือ Flexitarian อาจกลายเป็นแนวทางหลักที่กำหนดทิศทางการบริโภคอาหารทั่วโลก การปรับลดการบริโภคเนื้อสัตว์และเพิ่มอาหารที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมไม่ได้ส่งผลดีต่อสุขภาพของมนุษย์เท่านั้น แต่ยังช่วยลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและสร้างสมดุลให้กับระบบนิเวศ การมีส่วนร่วมของทุกคนในการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมการบริโภค แม้เพียงเล็กน้อย สามารถสร้างผลลัพธ์เชิงบวกที่ยิ่งใหญ่ และยั่งยืนต่ออนาคตของโลกใบนี้ได้

ที่มา:
(1) https://sdgs.un.org/partnerships/flexitarianism-flexible-or-part-time-vegetarianism
(2) https://www.theguardian.com/environment/2024/mar/27/flexitarian-diets-global-warming-climate-change
(3) https://www.weforum.org/stories/2022/10/vegan-plant-based-diets-sustainable-food/
(4) https://www.igreenstory.co/farming-for-tomorrow/?fbclid=IwY2xjawHDc-tleHRuA2FlbQIxMAABHZ1qsRTvqIqnXmhr4GEl53Gz4bmu0pCzP_LNzDr-lTw24qx32K1Y0s3Rnw_aem_CS9xOTE0x5piMFaXjEsLFg
(5) https://www.nzherald.co.nz/lifestyle/part-time-vegan-the-case-for-going-flexitarian-in-2024/ZJINTL56KNAHPAYG2G5Z5WIKJU/

Copyright @2021 – All Right Reserved.